จากการนั่งพูดคุยกันเมื่อปีที่แล้ว เครือเดย์โพเอทส์มีโครงการการฝึกงานมาอย่างช้านาน ซึ่งก็คือโครงการ a team junior ของนิตยสาร a day ซึ่งเรียกน้องๆ ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่การฝึกงานจริงว่า a team โดยแต่ละปีที่ผ่านมา a day ได้ผลิต a team รุ่นแล้วรุ่นเล่าเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่การทำงานในแวดวงต่างๆ แม้แต่ตัวบรรณาธิการบริหารนิตยสาร a day คนปัจจุบัน จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์ ก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของ a team รุ่นที่ 6
แต่ในเครือเดย์โพเอทส์ มีทั้ง a book, a day BULLETIN และ The Momentum ปีนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการโครงการที่ชื่อว่า daypoets society กับ a team รุ่นที่ 15 และการก่อกำเนิดของ a book JUNIOR, BULLETIN JUNIOR และ The Mo JUNIOR รุ่นที่ 1
ชื่อของ daypoets society นอกจากจะมาจากชื่อบริษัท daypoets ซึ่งประกอบไปด้วย a day, a book, a day BULLETIN และ The Momentum แล้ว ยังเป็นการเล่นคำระหว่างภาพยนตร์เรื่อง Dead Poets Society และชื่อของบริษัท daypoets และถ้าใครจำโปสเตอร์ของโครงการนี้ได้ ก็จะพบว่ารูปคีย์วิชวลที่เราใช้ก็ดัดแปลงมาจากฉากๆ หนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้กับการที่นักเรียนในคลาสของ John Keating ลุกขึ้นมายืนบนโต๊ะในห้องเรียน
ภาพยนตร์เรื่อง Dead Poets Society คือแรงบันดาลใจหนึ่งของเราในกระบวนการเรียนรู้ ที่ไม่ใช่แค่การ ‘เรียน’ เพียงอย่างเดียว วิชาที่สอน ไม่ใช่แค่วิชาในหลักสูตรเพียงอย่างเดียว และคนที่สอนก็ไม่ได้สอนเพื่อให้คนเรียน ‘เชื่อ’ เพียงอย่างเดียว แต่ในกระบวนการนั้นเต็มไปด้วยการตั้งคำถาม การแสวงหา การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มิตรภาพ และการค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งเราได้นำเอาแนวคิดนี้มาสร้างโครงการ daypoets society โครงการฝึกงานที่ไม่ได้มาแค่ ‘ฝึกงาน’ เท่านั้น
จากวันแรกที่เปิดรับสมัครจนถึงวันสุดท้าย 30 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้สนใจร่วมโครงการนี้ถึง 561 คน และเรารู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถจะรับน้องๆ ที่สนใจในโครงการนี้ทั้งหมดมาร่วมฝึกงานกับเราได้ จากตัวเลข 561 คนซึ่งเกินความคาดหมายที่ตั้งไว้ เรามีโควตาสุดท้ายจริงๆ เพียงแค่ 40 คน เท่ากับว่าต้องคัดคนออกถึง 521 คนเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลของการจัดงาน ‘The Expert Talk’ ในวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา กับการคัดเลือกรอบแรกจาก 561 คน เหลือเพียง 141 คนเพื่อเข้าร่วมงาน The Expert Talk ก่อนจะคัดสู่ 40 คนสุดท้ายที่จะได้เข้าร่วมการฝึกงานจริงกับทั้ง 4 แบรนด์ในเครือเดย์โพเอทส์ของเรา
แต่เหนือสิ่งอื่นใดงาน ‘The Expert Talk’ ที่จัดขึ้นคือความพยายามของเราที่แม้จะไม่สามารถคัดเลือกทุกคนเพื่อเข้าร่วมฝึกงานในโครงการนี้ได้ แต่เรายังอยากให้คนที่อาจจะไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมการฝึกงานได้เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่เราพยายามจะบอก ทั้งแนวคิดและแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คนที่เราเชิญชวนมาร่วมพูดคุยในงานครั้งนี้
ภายใต้โครงการ daypoets society ครั้งนี้ เรามีแท็กไลน์ว่า ‘Skills That Shape The Future’ ร่วมเรียนรู้ทักษะใหม่สำหรับชีวิตและการงานในทศวรรษที่ 21 คำว่า ‘ทักษะ’ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องของเทคนิค การถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ การเขียน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงที่เราได้นำมาคิดและสร้างสรรค์เป็นคอร์สไว้ในช่วงการฝึกงาน แต่มากไปกว่านั้น ทักษะสำคัญที่เราหมายมั่นและตั้งใจจะนำพาน้องๆ ทุกคนได้ร่วมเรียนรู้ไปด้วยกันตั้งแต่ต้นก็คือทักษะแห่งวิธีคิดจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คนในงาน The Expert Talk ที่ผ่านมา
เริ่มต้นด้วย ‘เต๋อ’ – นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นักเขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์ เราเลือกเต๋อ ไม่ใช่เพราะว่าเต๋อคืออดีต a team ของนิตยสาร a day เพียงเท่านั้น แต่ภายใต้การนำเสนอผลงาน ไม่ว่าจะเป็นงานภาพเคลื่อนไหวหรืองานเขียนของเขาเองนั้นแฝงไปด้วยวิธีคิดต่อโลกใบนี้ โดยเฉพาะโลกโซเชียลมีเดียที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กับหัวข้อ ‘Real ทำ Content’ ว่าด้วยการเล่าเรื่องและชีวิตของนักเล่าเรื่องในยุคแห่งการเสพสื่อแบบไฮสปีดที่ความจริงเปลี่ยนไปทุกวินาที
หากการทำงานในแวดวงสื่อฯ และการเล่าเรื่องในปัจจุบันนี้คือการวิ่งแข่งขัน และถ้าเราวิ่งไม่เร็วเท่าคนอื่นเขาล่ะ เราจะยังลงแข่งประเภทวิ่ง 100 หรือ 200 เมตรอยู่ไหม หรือเราจะเลือกมาเป็นการแข่งวิ่งมาราธอนหรือไตรกีฬา เหมือนอย่างที่เต๋อสร้างสรรค์คอลัมน์ ‘เมดอินไทยแลนด์’ ในอะเดย์ออนไลน์ ที่ไม่ได้วัดกันที่ ‘ความเร็ว’ ในเมื่อเราไม่อาจจะสู้ในเรื่องความเร็วกับใครเขาได้ แล้วเราจะสู้ด้วยอะไร ดังเช่นที่เต๋อบอกว่า ‘ความช้าก็มีพื้นที่ของมัน’
เช่นเดียวกับ ‘มาร์ค’ – อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone เอ็กซ์เปิร์ตคนที่สองของเรา กับหัวข้อ ‘ไม่ต้องแมสก็ฮิตได้’ ที่มาช่วยขยายความว่าในจักรวาลแห่งการทำคอนเทนต์นั้น การประสบความสำเร็จไม่ได้วัดกันเพียงคำว่า ‘แมส’ หรือ ‘ไม่แมส’ หรือแม้กระทั่งการลงมือทำ แมสหรือไม่แมสไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับคุณภาพของสิ่งที่ทำ การเป็นผู้รู้ลึก รู้จริง ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญในการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ในปัจจุบันนี้ และแม้ว่าเรื่องที่รู้ลึกรู้จริงนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่แมส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะนำพาเราไปสู่การเป็นสิ่งที่ ‘ฮิต’ ไม่ได้ และหากจะคิดต่อยอดจากสิ่งที่เต๋อได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ หากยังเปรียบสนามนี้เป็นการวิ่งแข่งขัน มาร์คได้บอกกับเราว่า แม้ว่าเราจะเป็นนักวิ่งที่อาจจะดูตัวเล็กกว่าคนอื่น ไม่ดูโดดเด่น ไม่ใช่นักวิ่งที่เป็นที่นิยม แต่ก็ใช่ว่าเราจะวิ่งไม่ถึงเส้นชัย
แต่ถ้าเราต้องวิ่งแข่งประเภทผลัดล่ะ?
นั่นคือสิ่งที่ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักสร้างสรรค์ศิลปะแห่งการเคลื่อนไหวเพื่อการสื่อสารและบำบัดจิตใจ เอ็กซ์เปิร์ตคนที่สามของเราอยากจะบอก ในหัวข้อ ‘Empathy Communication’ ฝึกฝนการสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย ด้วยการอธิบายผ่านการทำเวิร์กช็อปเล็กๆ เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการสื่อสาร ทั้งคำพูด น้ำเสียง กิริยาท่าทาง ว่ามีความสำคัญและเป็นส่วนกำหนดจุดมุ่งหมายของสารว่ามันเดินทางไปถึงผู้รับสารได้อย่างไร และสิ่งนี้เองคือสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ในการฝึกงานหรือการทำงานร่วมกันในอนาคตในฐานะการทำงานกันเป็น ‘ทีม’
สุดท้ายกับการตั้งตำถาม พูดคุยและหาคำตอบว่าด้วยชีวิตและแพสชันของเราเอง กับสองนักเขียน ‘วิว’ – ชนัญญา เตชจักรเสมา นักเขียนและ YouTuber เจ้าของช่อง ‘Point of View’ และ ‘สิงห์’ – วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียน นักเดินทางและผู้ผลิตรายการสารคดี ในหัวข้อ ‘Passionate and Meaningful Life’ ที่ชวนทบทวนชีวิตตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่าเราอยากเป็นอะไร อยากเป็นจริงไหม อยากเป็นเพราะอะไร ทำไมถึงอยากเป็น ไปจนถึงเราจะทำอย่างไรให้ได้เป็น และเมื่อได้เป็นเราจะรักษาระยะของการเป็น การทำงานได้อย่างไรในยามที่ชีวิตเต็มไปด้วยบททดสอบ ผ่านเรื่องราวชีวิตและการก้าวเข้าสู่การทำงานของทั้งสองคน ในทุกๆ จุดไข่ปลาที่ค่อยๆ เชื่อมต่อกันจนมาเป็นรูปร่าง ตัวตนของคนทั้งสองคนในทุกวันนี้
และหากนี่ยังเป็นสนามการวิ่งแข่งขันก็คงเป็นการวิ่งที่นักวิ่งต้องคุยกับตัวเองตั้งแต่ลมหายใจแรกที่ออกสตาร์ทไปตลอดทางแม้ว่าจะเข้าเส้นชัยไปแล้ว และได้เหรียญหรือไม่ได้เหรียญรางวัลก็ตาม
ทั้งหมดนี้เราอาจจะไม่ได้เรียกมันว่าเป็น ‘ทักษะ’ อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่มีวิธีสอนแบบข้อหนึ่ง สอง สาม หรือฮาวทูว่าจะต้องทำอย่างไร แต่มันคือทักษะทางความคิดก่อนที่เราจะหยิบจับเอาทักษะอื่นๆ ลงสู่สนามการแข่งขันในชีวิตและการฝึกงานจริง และหลังจากนี้ เรายังมีอีกหลากหลายทักษะรอคอยที่จะบอกเล่าให้กับน้องๆ ในโครงการนี้ ทั้งจากเหล่าบรรณาธิการทั้ง 4 คน ทีมงานที่มีคุณภาพจากทั้ง 4 แบรนด์ วิทยากรรับเชิญอีกมากมาย ในคอร์สเรียนเข้มข้นทั้งด้านการเขียน ถ่ายภาพ กราฟิก วิดีโอ โซเชียลมีเดีย และดาต้าวิชวลไลเซชัน และได้ร่วมปฏิบัติงานจริงกับกองบรรณาธิการ a day, a book, a day BULLETIN และ The Momentumn ในช่วงการฝึกงานตลอดสามเดือนกับโครงการ daypoets society นี้ ผ่านกระบวนการการตั้งคำถาม การแสวงหา การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มิตรภาพ และการค้นหาความหมายของชีวิตและการทำงาน เพื่อค้นหาศักยภาพ และสร้างผลงานที่มีความหมาย กับโครงการการฝึกงานที่ไม่ได้มาแค่ ‘ฝึกงาน’ เพียงอย่างเดียวของเครือเดย์โพทส์