ครั้งหนึ่งเราขึ้นไปดูไร่สับปะรดที่เชียงราย ระหว่างเดินดูและพูดคุยกับเกษตรกร เราก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินว่า กว่าสับปะรดจะออกผลให้เก็บกินต้องรออย่างน้อยครึ่งปี คือถ้าปลูกรอบแรก อาจต้องรอกันปีครึ่งเลยทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ว่าปลูกต้นไม้ต้องใช้ระยะเวลา แต่ที่ตกใจ เพราะเราลืมไปสนิทเลยว่า การรอคอยเป็นเวลาครึ่งปีนั้นเป็นอย่างไรต่างหาก
เนื่องจากชีวิตเราก็คงเหมือนคุณผู้อ่านหลายคนที่ใช้ชีวิตแต่ละวันแข่งกับความเร็ว หรือกระทั่งงานประจำของเราที่เกี่ยวกับสื่อออนไลน์ ไม่ว่าจะคลิปวิดีโอหรือบทความที่ทำ แทบไม่มีตัวไหนมีความยาวเกิน 4 นาที แถมไทม์ไลน์การทำงานก็ว่ากันหลักชั่วโมง หลักวัน หลักอาทิตย์ แต่ไม่มีอะไรถึงหลักเดือน ฉะนั้น พอได้ยินเรื่องสับปะรด เราเลยตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า ถ้าวันหนึ่งเราต้องมาปลูกสับปะรด เราอาจจะขาดใจตายก่อนที่สับปะรดจะออกผล เพราะจินตนาการไม่ออกว่าตัวเองจะรออะไรนานขนาดนั้นได้อย่างไร
แต่พระเจ้าก็ไม่ยอมให้เราใช้ชีวิตแบบไวๆ ไปได้เรื่อยๆ อย่างปีที่แล้วเราเริ่มคุยกับคนหนึ่ง ตอนแรกเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแบบที่ไม่น่าจะมีปัญหา แต่สุดท้ายเพราะเราก็ยังไม่พร้อม เขาเองก็ยังไม่พร้อม ก็เลยต้องแยกย้ายห่างกันไปหนึ่งปีเต็ม ระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมา เราเฝ้าถามพระเจ้าตลอดว่า ทำไมต้องให้เรารอนานถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตอนแรกก็จะดีอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องให้รอด้วยล่ะ ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่นานสำหรับหลายคน แต่คุณช่วยลองจินตนาการว่าคุณเป็นเรา ที่ใช้ชีวิตแบบหลักชั่วโมงหรือหลักวัน การต้องรอคอยอะไรเป็นปีก็ถือว่าทรมานมาก
อยู่มาวันหนึ่งคำตอบก็มาหาเราเองแบบฮาๆ วันนั้นเรางอแงและทนไม่ไหวกับการรอ เลยภาวนาในใจว่า พระเจ้า ช่วยบอกลูกทีเถอะว่าทำไมต้องให้รอเนี่ย! เพราะเบื่อที่จะรอแล้ว ซึ่งระหว่างภาวนาในใจ ก็เป็นช่วงที่เราเดินกลับมาที่รถเพื่อจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง แต่ระหว่างเอื้อมมือ ก็เหลือบไปเห็นแมลงสาบจิ๋วเกาะอยู่บนประตู แถมเกาะอยู่ตรงปลายประตูอีกด้วย คือว่าง่ายๆ ถ้าเปิดประตูออก แมลงสาบจิ๋วตัวนี้ก็พร้อมพุ่งเข้าไปในรถทันที เราก็เลยทิ้งเวลารอสัก 10 วินาที จนเห็นว่าแมลงสาบเดินไปตรงกลางประตู ถึงค่อยเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปนั่งแล้วปิด ซึ่งก็เร็วพอที่จะไม่ให้แมลงสาปวิ่งเข้ามาข้างในรถได้ทัน
ในตอนนั้นนั่นเองแหละที่เรากระจ่างในใจว่าทำไมเราถึงต้องรอ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้คิดได้ว่า ปัญหาอะไรก็ตามที่ดูเล็กน้อยในสายตาเราเปรียบได้กับแมลงสาบตัวนั้น แม้มันตัวเล็กก็จริง แต่ลองคิดว่าถ้ามันเข้าไปอยู่ข้างในรถ มันจะหายนะขนาดไหน เพราะมันอาจทำให้เราไม่ได้ขับรถไปหลายวัน ตราบใดที่ยังหามันไม่เจอ แถมไอ้ความที่มันตัวเล็กด้วยก็ยิ่งสร้างปัญหาใหญ่กว่าเดิม เพราะจับตัวยากขึ้น
เช่นกันกับเราและคนรัก ที่ผ่านมาเราใจร้อนอยากรีบคบทันที แต่ทว่าเราหรือเขาอาจมีปัญหาที่เหมือนแมลงสาบจิ๋วตัวนั้นก็ได้ ซึ่งพระเจ้าไม่อยากให้เรารีบร้อน เพราะถ้าขืนปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ ที่ยังแก้ไม่จบ หลุดลอดเข้าไปในความสัมพันธ์ ถึงต่อให้มันเล็กแค่ไหน ความสัมพันธ์ก็สามารถพังได้เหมือนกัน แต่ถ้าเรารู้จักรอคอยเสียหน่อย เหมือนที่เรารอแมลงสาบให้เดินไปกลางประตูรถ การรอคอยสักนิดก็ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะตัดปัญหาตั้งแต่ต้นลม
เรื่องนี้ยังเอามาปรับใช้กับเรื่องอื่นๆ ได้เหมือนกัน ยกตัวอย่าง คู่รักหลายคู่ที่มีปัญหาคาราคาซังตามมากวนใจ อันเกิดจากตอนคบกันเร่งรีบจนเกินไป จนลืมที่จะรอให้ปัญหาเก่าเคลียร์ให้จบก่อน เช่น ยังไม่ทันเลิกกับแฟนคนก่อน ก็รีบเปิดตัวกับคนใหม่ แบบนี้ก็ไม่วายถูกครหาว่าคบซ้อน จริงไหม? ทั้งที่จริง ถ้าพวกเขาอดทนรออีกสักหน่อย คือรอให้กรณีเก่าจบเรียบร้อยก่อน แล้วสักพักค่อยเปิดตัว แบบนี้ปัญหาหรือข้อครหาก็ไม่ตามมากวนใจ ส่วนคนรอบข้างก็จะสนับสนุน ไม่ใช่ต่อต้านหรือสาปแช่ง
หรือกระทั่งในการทำธุรกิจ การรู้จักรอคอยก็ถือเป็นกุญแจสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริหารท่านหนึ่งที่เน้นย้ำเรื่องหลักความช้า ก็คือ คาซุโอะ อินาโมริ เจ้าของบริษัท Kyocera และ KDDI ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่พลิกฟื้นสายการบิน JAL ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจาก JAL เจอวิกฤตครั้งใหญ่
ในหนังสือ ช้าให้ชนะ อินาโมริเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า หลักการทำงานของเขาคือเน้นความช้า กล่าวคือ เขาไม่ใช่คนผลีผลามในการทำธุรกิจ แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเขาพยายามเรียกร้องให้ลูกน้องทำงานโดยใส่รายละเอียด แล้วค่อยๆ ปรับปรุงไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายแล้ว ความสำเร็จคือผลรวมของการทำงานอย่างพิถีพิถันในทุกทุกวัน
อย่างครั้งหนึ่ง ก่อนที่อินาโมริจะตัดสินใจทำธุรกิจเครือข่ายมือถือ au by KDDI เพราะอยากให้คนญี่ปุ่นมีทางเลือกที่ไม่ได้ผูกขาดจากสองผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง NTT, DOCOMO และ Softbank ทว่าตอนนั้นอินาโมริต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียวในการตัดสินใจว่าจะเข้ามาทำธุรกิจนี้ดีหรือไม่ ซึ่งเหตุผลที่เขาลังเล ไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องเงินหรือความคุ้มทุน เปล่าเลย! แต่เพราะเขาต้องการเช็กตัวเองให้แน่ชัดจริงๆ ว่า เขาไม่ได้เข้ามาทำธุรกิจนี้เพราะความโลภ อีกทั้งเพื่อประเมินว่าถ้าทำธุรกิจนี้แล้ว คนญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์จากธุรกิจนี้จริงๆ
พูดง่ายๆ ว่า อินาโมริเข้มงวดกับตัวเองมาก ถึงขั้นต่อรองและประวิงเวลาเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มี ‘แมลงสาบจิ๋ว’ เข้าไปในการทำงานของเขานั่นเอง ผลที่ตามมาคือ au by KDDI ช่วยให้คนญี่ปุ่นได้ใช้บริการโทรศัพท์ในราคาที่ลดลงได้จริง แถมยังช่วยลดอำนาจการผูกขาดของเจ้าเก่าให้เกิดการแข่งขันราคามากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นไปตามปณิธานที่อินาโมริวางไว้ตั้งแต่ต้น
ดังนั้น ถ้าจะให้สรุป การรอคอยหรือความชักช้าไม่ใช่เรื่องน่าเกี่ยงงอนแต่อย่างใด หลายครั้งการรู้จัก ‘ช้าให้เป็น’ ทำให้ผลลัพธ์ที่ตามมาสวยงามมากกว่าความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักความสัมพันธ์หรือกระทั่งในการทำงาน ซึ่งสิ่งที่ชวนคิดถัดมาคือ แล้วมีอะไรบ้างในชีวิตที่คุณเร่งอยู่? หรือมีอะไรบ้างที่เป็น ‘แมลงสาบจิ๋ว’ ในชีวิตคุณ?
เช่นกัน ถึงแม้เราจะไม่ได้ปลูกสับปะรด แต่เรารู้ดีว่า เราเองก็คงไม่อยากกินสับปะรดที่ยังดิบอยู่ ฉันใดฉันนั้น เรื่องหนึ่งที่เราเรียนรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือ ของบางอย่างจำเป็นต้องรอก็ต้องรอ เพราะถ้าอยากกินผลที่หอมหวาน ไม่มีทางที่มันจะเกิดจากการเร่งรีบได้เลย