เสรีภาพ

วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ | เสรีภาพในการตัดสินใจ ท่ามกลางทางเลือกที่มีมากมายเกินไปในชีวิต

หนังเรื่องแรกที่ไปดูที่โรงหนังลิโด้ น่าจะเป็นเรื่อง จอมจักรพรรดิโอมาร์ มุกตาร์ อย่าถามว่าหนังสนุกไหมหรือเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร แค่จากชื่อเรื่องแปลกหูที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ก็น่าจะพอเดากันได้ว่ามันเป็นหนังเก่ามากๆ ตั้งแต่ตอนผมยังเป็นเด็กไม่กี่ขวบ เรียนชั้นประถมอยู่เลย

     พ่อบุญธรรมขี่มอเตอร์ไซค์พาไปดูรอบค่ำ ภาพความทรงจำแรกในวัยเด็กเกี่ยวกับลิโด้คือบรรยากาศครึกครื้นหน้าโรงหนังตอนค่ำ กลิ่นป๊อปคอร์นลอยตลบอบอวลในอากาศ ผสมปนเปกับกลิ่นก้นบุหรี่อับๆ ที่หล่นเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นหินขัด มันเป็นกลิ่นของหน้าโรงหนังทุกโรงในยุคสมัยนั้น ผู้ชมจากรอบที่แล้วทยอยเดินออกมาจากโรง ในขณะที่มีผู้คนยืนต่อคิวซื้อตั๋วรอบต่อไปหน้าห้องขายตั๋วที่ตั้งอยู่ตรงโถงกว้างชั้นล่าง โคมไฟระย้าส่องมาเป็นสีเหลืองอร่าม ข้างนอกนั่นมีรถราขับกันพลุกพล่าน ผมแหงนหน้าขึ้นไปดูป้ายไฟกะพริบระยิบระยับหน้าโรง พยายามสะกดตัวอักษรชื่อหนังที่เพิ่งดูจบ แล้วก็ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แบบงัวเงียกว่าจะถึงบ้านก็ดึกดื่น วันรุ่งขึ้นต้องรีบตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ก็เอาไปคุยโม้กับเพื่อนได้ทั้งวัน

 

     การไปดูหนังสมัยก่อนถือเป็นกิจกรรมที่พิเศษมากๆ โรงหนังในยุคนั้นมีแต่แบบสแตนด์อะโลน เป็นโรงขนาดใหญ่โต มีความโก้หรู แต่ละโรงตั้งอยู่ห่างไกลกัน แค่จะไปดูหนังเรื่องหนึ่ง จึงต้องวางแผนตระเตรียมเลือกรอบและการเดินทางให้ดี โรงแถวสยามสแควร์ยังถือว่าดีหน่อยที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก แต่มันมักจะฉายแต่หนังฝรั่งดูยากๆ ถ้าจะดูหนังจีนหรือหนังไทยที่บันเทิงกว่านั้นต้องไปดูโรงอื่นๆ อย่างรามา แถวพระรามสี่ หรือเอเธนส์ แถวพญาไท ที่ในตอนนี้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นคอนโดมิเนียมสูงใหญ่กันไปหมดแล้ว

     การไปโรงไกลปืนเที่ยงแบบนั้นแต่ละครั้ง นั่นหมายถึงการที่เราใช้เวลาแทบทั้งวัน ตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำแต่งตัว สวมกางเกงขายาวและรองเท้าคัตชูส์ นั่งรอญาติหรือรอพี่ให้ช่วยพาไป เราจะนั่งรถสามล้อหรือรถเมล์ไปถึงให้ทันรอบเที่ยงหรือรอบบ่ายสอง เพียงเพื่อจะดูหนังเรื่องนั้นเรื่องเดียว กิจกรรมเดียวที่ทำได้ก็เกือบหมดวัน หรือถ้ามีอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้น ก็คือการกินก๋วยเตี๋ยวร้านดังที่ตั้งอยู่ในตึกแถวใกล้ๆ

     หน้าสิบสองและสิบสามของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐยุคนั้น คือแผนผังจักรวาลความบันเทิง มันมีใบปิดหนังไม่กี่เรื่องมาวางเรียงกัน พร้อมกับลิสต์รายชื่อโรงและรอบเวลาที่จัดฉาย นอกจากฟรีทีวีที่มีอยู่แค่สี่ช่องในตอนนั้น ไม่ได้ออกอากาศตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และแถมยังต้องหยุดพักตอนหกโมงเย็นถึงสองทุ่มเพื่อช่วยชาติประหยัดไฟ หน้าคู่นี้ในหนังสือพิมพ์คือวิชวลคัลเจอร์แห่งความบันเทิงเท่าที่มีอยู่ ผมชอบกางเปิดออกมาแล้วนั่งจ้องไปเรื่อยๆ จินตนาการถึงหนังอีกมากมายที่อยากดู และโรงหนังอีกมากมายที่ชีวิตนี้ไม่เคยเหยียบย่างไปถึง โอเดียนและเซนจูรีฉายหนังจีน สเตลลาและอีเอ็มไอฉายหนังผี ดาด้าและพอลลีฉายหนังไทย พวกมันอยู่ตรงไหนของจักรวาลนี้หนอ

 

     อีกสิบกว่าปีต่อมา ไฟไหม้โรงหนังลิโด้ตอนที่ผมเรียนอยู่ปีสามในมหาวิทยาลัย จำได้ว่าวันนั้นนั่งดูข่าวอยู่ในอพาร์ตเมนต์เท่ารูหนูที่เช่าอยู่กับเพื่อนร่วมเรียน เรายังนั่งบ่นกันว่าเสียดาย ต่อไปพวกเราจะหาหนังดูยากขึ้นไปอีก ก่อนที่จะปิดซ่อมแซมไปยาวนาน แล้วก็กลับมาใหม่กลายเป็นมินิเธียเตอร์รวมอยู่ด้วยกันสามโรงแบบที่เห็นในทุกวันนี้ หนังเรื่องท้ายๆ ที่ได้ดูในลิโด้แบบโรงเดียว ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่อง ดาร์กแมน หนังซูเปอร์ฮีโร่เกรดบี ของ แซม เรมี ผู้กำกับที่ไต่เต้ากลายเป็นผู้กำกับหนังเกรดเอ อีกทศวรรษต่อมาก็ไปสร้างสไปเดอร์แมน จนโด่งดัง หรืออาจจะเป็นเรื่อง ดร.กิกเกิลส์ หนังสยองขวัญเกรดบี ที่ตัวร้ายรับบทโดยดาราคนเดียวกัน ลิโด้วางโพสิชันนิงตัวเองไว้แบบนี้ มันเป็นพระรองเสมอมา ฉายหนังฝรั่งเกรดรองลงมาจากโรงสกาลา สยามฉายหนังไทย ส่วนลิโด้ฉายหนังฝรั่งที่สนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง ในขณะที่สกาลาได้ฉายหนังฝรั่งเรื่องดังโดดเด่น

     สมัยนั้นเรามีทางเลือกไม่มากนักหรอก หนังเรื่องหนึ่งเข้าโรงทีก็ยืนโรงฉายไปอย่างน้อยๆ สองสัปดาห์ ถ้าหนังดังและทำรายได้ดีก็อาจจะฉายต่อไปได้อีกหน่อย เป็นสัปดาห์ที่สาม ที่สี่ โรงหนึ่งฉายแค่เรื่องเดียวไปแบบนั้น ไม่มีการสลับเรื่องสลับรอบไปมา ยิ่งตอนนั้นมีโรงหนังน้อยด้วยแล้ว หนังก็ยิ่งมีให้เลือกน้อยลงไปอีก จนกระทั่งโรงหนังเปลี่ยนเข้าสู่ยุคใหม่ มัลติเพล็กซ์โรงแรกของเมืองไทย คืออีจีวี ที่ฟิวเจอร์พาร์ก บางแค ผมเรียนจบและเริ่มต้นทำงานเป็นนักข่าว เคยไปทำข่าวสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงอีจีวี เขาบอกว่าโรงหนังเป็นสิบโรงมาอยู่รวมกันในอาคารศูนย์การค้า จะทำให้คนดูหนังมีทางเลือกมากขึ้น แล้วหลังจากนั้นมาการดูหนังก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไม่มีวันหวนคืน

     เหมือนกับความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ สิ่งใหม่ที่เข้ามา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเราแบบตรงๆ แต่มันเปลี่ยนสำนึกเรื่องพื้นที่และเวลาของทั้งสังคม จนนำไปสู่วิถีชีวิตแบบใหม่และนิสัยใหม่ของผู้คนทั้งสังคม แล้วจึงค่อยๆ ย้อนกลับมากำหนดและเปลี่ยนแปลงตัวเราทีละนิดๆ จนกระทั่งไม่ทันสังเกตหรือจดจำ จากเดิมที่จักรวาลความบันเทิงทั้งชีวิตของเราอยู่บนหน้าสิบสองและสิบสามของไทยรัฐ สำนึกเรื่องระยะทางของโรงหนังจากที่เคยห่างไกลและต้องเดินทางไปกลับกันทั้งวัน สำนึกเรื่องเวลาจากที่เคยยืนรอบฉายที่ยืนโรงยาวนานเป็นวันๆ เป็นเดือนๆ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเมื่อพื้นที่และเวลาถูกควบแน่นไว้ในอาคารสี่เหลี่ยมใหญ่ยักษ์อาคารเดียว

 

     ทุกวันนี้เราไปทำกิจกรรมอะไรอื่นๆ มากมายตลอดวันในศูนย์การค้า เสร็จแล้วพอตกเย็นก็เดินไปที่หน้าโรงหนังมัลติเพล็กซ์ เพ่งดูหน้าจอแอลซีดีที่ฉายโปรแกรมหนังแต่ละเรื่องแต่ละรอบสลับหมุนวนไปเรื่อยๆ หนังโปรแกรมใหญ่ยึดครองรอบและโรงไปครึ่งหนึ่งของทั้งมัลติเพล็กซ์ มีรอบหนังที่เข้าตั้งแต่อาทิตย์ก่อนและหนังเรื่องรองๆ ลงมาผสมผเสคละกัน เรื่องนี้น่าดูกว่าเรื่องนั้น แต่เรื่องนั้นมีรอบฉายใกล้เวลากว่าเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ฉายโรงพิเศษราคาแพงเป็นสองเท่า หรือเราจะรออาทิตย์หน้าค่อยมาดูในวันพุธที่มันลดราคา แต่กว่าจะถึงพุธหน้ามันจะออกไปแล้วหรือยัง บัตรเดบิตหรือเครดิตใบไหนใช้ตัดแต้มลดราคาได้บ้าง ฯลฯ

     เราจะยืนตัวแข็งทื่ออยู่ท่ามกลางทางเลือกที่มีมากมายจนละลานตา ทางเลือกมากแต่กลับไม่สามารถเลือกหรือตัดสินใจอะไรได้ แล้วในที่สุดเราจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อค้นหาคะแนนของหนังแต่ละเรื่องเพื่อประกอบการตัดสินใจ พิมพ์ค้นชื่อหนังในเว็บวิจารณ์ชื่อดัง แล้วมันจะมี hypertext ที่สามารถคลิกเพื่อไปอ่านต่อที่หน้าอื่นไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ กดดูเทรเลอร์ในยูทูบ กดอ่านคำวิจารณ์ในเว็บบอร์ด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยรอบหนังที่เวลาใกล้ที่สุด แล้วเราก็คิดว่าวันนี้เหนื่อยเหลือเกิน แค่การหาข้อมูลและการตัดสินใจก็ทำให้เหนื่อยล้าหมดพลัง รีบกลับบ้านไปดูนอนหนังสตรีมมิงออนไลน์ดีกว่า

 

     เมื่อหน้าบันเทิงของ ไทยรัฐ เปลี่ยนแปลงไป และโรงหนังสแตนด์อะโลนค่อยๆ ทยอยเลิกกิจการไปจนเกือบหมด มินิเธียเตอร์อย่างลิโด้ก็จะปิดลงในสิ้นเดือนนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอาลัยอาวรณ์สิ่งปลูกสร้าง เพราะสำนึกเรื่องพื้่นที่และเวลาของเราเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สังคมเปลี่ยน ตัวเราเองก็เปลี่ยน โลกรอบตัวของเราเปลี่ยนไป

     ทุกวันนี้ เราสไลด์หน้าจอแอพพลิเคชันสตรีมมิงหนัง มีหนังให้เลือกมากมายอเนกอนันต์กว่านั้นอีก เรากดดูทางเลือกเหล่านั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดวัน ง่วงแล้วก็เข้านอน โดยที่วันนี้ยังไม่ได้ดูหนังอะไรเลยสักเรื่อง ทางเลือกเยอะขึ้น เราจึงใช้เวลาและพลังชีวิตไปกับการเลือก ชีวิตเราในทุกวันนี้มักเป็นเช่นนี้ เราต้องรับมือกับทางเลือกที่มากขึ้น และผลที่่ตามมาจากเสรีภาพในการตัดสินใจของตัวเราเองได้