ให้ทายว่าธัมบ์ไดรฟ์ตัวแรกในชีวิตที่ผมซื้อมาใช้ มีขนาดความจุเท่าไหร่?
ใบ้ให้อีกนิดว่ามันเป็นของยี่ห้ออะเพเซอร์ ซื้อมาในราคาหนึ่งพันบาทถ้วนๆ ผมถามน้องที่ออฟฟิศ เขาทำหน้าลังเลที่จะตอบ เหมือนไม่แน่ใจว่ามันเป็นคำถามประเภทไหนกันแน่ เป็นปัญหาเชาว์หรือเปล่า? ผมทำธัมบ์ไดรฟ์ตัวหนึ่งของเขาหายไป ยืมมาใช้แล้วก็หลงลืมทิ้งขว้าง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพอมีเวลาว่างก็เลยไปหาซื้อมาใหม่เพื่อชดใช้คืน
32 – ผมเฉลย …32 กิ๊กเหรอ? – เขาถาม
เปล่า… อันที่เพิ่งซื้อมาคืนเขานั่นน่ะใช่ มันคือ 32 กิกะไบต์ ราคาสองร้อยกว่าบาท แต่ธัมบ์ไดรฟ์อันแรกในชีวิตของผม ซื้อมาเมื่อสิบปีก่อน มีขนาดความจุ 32 เมกะไบต์
ไม่ได้เขียนผิด ผมหมายถึงหน่วยเมกะไบต์จริงๆ
เขาเลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจเหมือนนักโบราณคดีขุดเจอซากฟอสซิล หรือเจอมนุษย์ดึกดำบรรพ์นั่งไทม์แมชีนมาหา ผมเล่าให้เขาฟังว่าสมัยนั้นเรายังใช้ฟลอปปี้ดิสก์ขนาดความจุแผ่นละ 1.4 เมกะไบต์ การมีธัมบ์ไดรฟ์แบบนี้ก็ทดแทนฟลอปปี้ดิสก์ที่กองสูงเป็นตั้งๆ ได้เลย
เวลาผ่านไปแค่สิบปี ขนาดแรมในโทรศัพท์สมาร์ตโฟนทุกวันนี้ยังมีความจุมากกว่ามันหลายพันเท่า หน่วยเมกะไบต์ในทุกวันนี้เราแทบไม่ได้ใช้วัดดาต้าสโตเรจกันแล้ว เราใช้ในการวัดดาต้าแบนด์วิธเสียมากกว่า ข้อมูลจำนวนมหาศาลไหลบ่ารวดเร็ว และชีวิตเรามีความต้องการใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้นเรื่อยๆ ผมนึกถึงการไปเดินงานคอมมาร์ตในแต่ละปีๆ ที่เริ่มสังเกตว่าเราซื้อฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งสองสามปีมานี้ หน่วยกิกะไบต์ได้เริ่มกลายเป็นอดีตไปแล้ว และเรากำลังจับจ่ายสโตเรจลูกใหม่ที่มีหน่วยเป็นเทราไบต์
เทียบกับคอมพิวเตอร์พีซีเครื่องแรกในชีวิตที่ซื้อมาใช้ มีฮาร์ดดิสก์ 2.1 กิกะไบต์… ซึ่งนี่ก็ไม่ได้เขียนผิด ผมหมายถึงฮาร์ดดิสก์จริงๆ ไม่ใช่แรม เพราะเครื่องนั้นมีแรมขนาด 32 เมกะไบต์เท่านั้นเอง ใช้สำหรับรันระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 95 ที่เรียกชื่อตามช่วงปี ค.ศ. 1995 ที่มันถือกำเนิดขึ้น มันมีขนาดเล็กกว่าระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟนบนฝ่ามือตอนนี้ ที่ต้องการใช้แรมอย่างน้อยๆ ก็ต้องมากกว่า 2-4 กิกะไบต์เพื่อที่เราจะได้สไลด์หน้าจอได้ลื่นๆ
เดือนที่แล้วตอนที่ทีมเรากำลังทำสิ่งพิมพ์เล่มใหญ่ให้กับองค์กรแห่งหนึ่ง เราส่งไฟล์งานโต้ตอบกันไปมาทางอีเมล พอทำงานกันไปได้สักสองสามเดือน ก็สังเกตว่าไม่มีอีเมลใหม่เข้ามา ผ่านไปสักพักผมลองโทรศัพท์ไปตามงาน จึงรู้ว่าอีเมลของเราทุกคนเต็มกันหมดแล้ว มันคือแอ็กเคานต์ของจีเมลที่จำได้ว่าตอนที่สมัครเข้าใช้งานอีเมลแอ็กเคานต์นี้เมื่อสิบปีก่อน เขาโฆษณาว่าเปิดให้ใช้พื้นที่ขนาดความจุ 1.5 กิกะไบต์ ตอนนั้นเรายังตาโตตื่นเต้นว่าพื้นที่ใหญ่โตมหึมาขนาดนี้ ใครจะเอาไปใช้งานได้หมด แต่ในที่สุดมันก็หมดได้จริงๆ
นั่นก็ทำให้ในเราต้องใช้ธัมบ์ไดรฟ์รับส่งไฟล์กันจนกระทั่งผมทำหาย และจนกระทั่งถึงวันที่กูเกิลจะคอยคะยั้นคะยอถามเรา ว่าจะยอมควักเงินจ่ายค่าบริการอีเมลแอ็กเคานต์เพิ่มอีกเดือนละเจ็ดสิบบาท เพื่อจะได้ใช้งานพื้นที่ใหญ่ขึ้นไปกว่าเดิม และถึงวันที่ธัมป์ไดร์ฟขนาด 32 กิกะไบต์มีราคาแค่สองร้อยกว่าบาท
นอกจากสำนึกเรื่องเวลาแล้ว ผมคิดว่าเทคโนโลยีก็ทำให้สำนึกเรื่องพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าอะไรๆ รอบตัวล้วนรวดเร็วและเราจึงต้องเร่งรีบมากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม เรากลับรู้สึกว่าได้แผ่ขยายตัวตนออกไปยึดครองพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลออกไปเรื่อยๆ เงินหนึ่งพันบาทเคยซื้อพื้นที่ได้ 32 เมกะไบต์ แต่ทุกวันนี้เงินสองร้อยกว่าบาทสามารถซื้อพื้นที่ได้มากกว่านั้นนับพันเท่า ดูเหมือนกับว่าตัวตนที่เราอาศัยอยู่ในโลกแห่งความจริงนั้น ช่างแออัดและถูกบีบคั้นด้วยเวลาอันจำกัด แต่ตัวตนในอีกโลกหนึ่งนั้นกลับสามารถขยับขยายออกไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
หลังจากปิดต้นฉบับเสร็จเรียบร้อย ผมใช้เวลาว่างนั่งเปิดดูอีเมลเก่าๆ และบรรดาไฟล์งานเก่าๆ ที่แชร์อยู่ในคลาวด์ ด้วยความสงสัยว่ามันเยอะแยะมากมายถึงขนาดที่ทำให้อีเมลแอ็กเคานต์นี้เต็มได้อย่างไร
เมื่อกดเมนูให้มันแสดงผลเรียงจากเก่ามาใหม่ ก็ปรากฏเป็นอีเมลเก่าจากเมื่อสิบปีที่แล้ว งานเขียนเก่าๆ ที่เคยทำส่งตามหนังสือเล่มต่างๆ อีเมลหมายเชิญและข่าวประชาสัมพันธ์จากพีอาร์ที่ติดต่อมาในสถานะที่ทำงานเก่า ตั้งแต่สมัยเป็นกองบรรณาธิการ จนถึงตอนที่เป็นบรรณาธิการ ฯลฯ อีเมลจากเพื่อนเก่า ศัตรูเก่า แฟนเก่า ความรัก ความชัง และความหลังครั้งเก่า ตัวตนเก่าที่เราหลงลืมทิ้งขว้างไปแล้ว ในรอบเวลาสิบปีที่ผ่านมา ตัวตนเรามีขนาดใหญ่โตขึ้นจนถึงขนาด 1.5 กิกะไบต์ ได้มาปรากฏขึ้นตรงหน้า และทำให้เรารู้ว่าได้เปลี่ยนแปลง เติบโต ข้ามผ่านช่วงชีวิตเหล่านั้นมาเนิ่นนานแค่ไหน
ธัมบ์ไดรฟ์อันเก่าที่หายไปมีไฟล์อะไรอยู่ในนั้นบ้าง – ผมถามน้องที่ออฟฟิศ เขายิ้มแหยๆ แล้วบอกว่ามีไฟล์งานเก่าๆ ที่เขาเก็บสะสมไว้… ผมบอกขอโทษ และเขารับธัมบ์ไดรฟ์อันใหม่ไป แล้วบอกขอบคุณ
ไม่เป็นไรหรอก ช่างมัน – เขาบอก
ผมค่อยๆ เลือกติ๊กเครื่องหมายถูกทีละอีเมลๆ แล้วก็กลั้นใจกดปุ่มลบไปในพรวดเดียว ตัวตนเก่านั้นก็พลันหายวับไป ได้เพียงความว่างเปล่าบนคลาวด์กลับคืนมาแทนอีกหลายร้อยเมกะไบต์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนนั้นช่างไม่มั่นคง ไม่มีอยู่จริง และไม่สามารถยึดครองเอาไว้ได้