media circus

วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ | ทุกวันนี้ เราดูข่าวราวกับดูละครสัตว์

เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เคยมีคณะละครสัตว์มาแสดงที่ประเทศไทย ผมในวัยเด็กได้ติดสอยห้อยตามพวกพี่ๆ ไปนั่งดูด้วย จำได้ว่าชื่อคณะละครสัตว์ชิปเปอร์ฟิลด์ส เปิดแสดงกันหลายสิบรอบ ระยะเวลานานเป็นเดือน โหมโฆษณากันใหญ่โต ในยุคนั้นบ้านเรายังไม่ค่อยมีสื่ออะไร นอกจากหนังสือพิมพ์และวิทยุแบบเดิมๆ ทีวีมีแค่สี่ช่อง แถมยังต้องพักการออกอากาศช่วงเย็นเพื่อช่วยชาติประหยัดไฟ ผู้คนไม่มีข้อมูลข่าวสารให้เสพมากนัก พอมีการแสดงระดับโลกแบบนี้เข้ามา ก็เลยกลายเป็นกระแสฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมือง

     พอตกเย็น ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามกีฬาหัวหมากซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดง คณะละครสัตว์ขนสิงสาราสัตว์และอุปกรณ์การแสดงมามากมาย จัดสถานที่เป็นเต๊นท์กระโจมสีสันฉูดฉาดขนาดยักษ์ ผู้คนอุ้มลูกจูงหลานมาร่วมมหกรรมมหรสพระดับชาติ พอเดินเข้าไปด้านในก็เป็นอัฒจันทร์วงกลม ตรงกลางเป็นลานที่เอาไว้ทำการแสดง

     ทุกสิ่งทุกอย่างดูน่าตื่นตาตื่นใจ การแสดงเริ่มต้นด้วยการเอาช้างม้าวัวควายมาวิ่งวนเป็นวงกลมกลางลาน นักแสดงยืนกลางวงคอยเหวี่ยงแส้ควับๆ ปลายแส้ตวัดด้วยความเร็วสูงปะทะกับอากาศ เกิดเป็นโซนิกบูมดังเหมือนเสียงปืนหรือประทัดยักษ์ ทำให้ผู้ชมสะดุ้งตกใจเป็นระยะๆ

     ผมนึกถึงเสียงตวัดแส้และการไปชมละครสัตว์ในวัยเด็ก เมื่อมานั่งมอนิเตอร์ข่าวในยุคปัจจุบัน ที่ตอนนี้เรามีทีวีหลายสิบช่อง พร้อมด้วยช่องทางสื่อใหม่อีกมากมาย ดูเหมือนว่าเมื่อเรามีสื่อเยอะขึ้น มีข่าวเยอะขึ้น มันทำให้การทำข่าวและเสพข่าวของเราไม่ต่างจากละครสัตว์ หรือเรียกว่า Media Circus

 

     เวลามีเหตุการณ์สำคัญ คดีร้ายแรง หรือภัยพิบัติอะไรขึ้นมาสักอย่าง สปอตไลต์ก็จะส่องลำแสงไปตรงนั้น กำหนดจุดให้นักข่าวทุกสำนัก แห่กันมากางเต๊นท์กระโจมเพื่อเปิดการแสดง มีผู้คนมานั่งล้อมวงเฝ้าติดตาม รอว่าจะมีอะไรมาสร้างความบันเทิงให้กับเราบ้าง

     ปริมาณข่าวมีท่วมท้น แต่ในความเป็นจริง มันดำเนินไปแบบวนเวียนโดยไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ดังนั้น ถ้าเปิดทีวีแช่ไว้เป็นนอยซ์ในบ้าน หรือก้มหน้าสไลด์จอไปเรื่อยๆ เราจะเห็นการวิ่งวนเป็นวงกลมของเนื้อหาข่าวเดิมๆ

     แล้วก็มักจะมีการตัดเข้าเบรกกิ้งนิวส์ เพื่อให้เราสะดุ้งตกใจแล้วหันไปมองว่ามีอะไรใหม่ โดยนักข่าวก็จะรายงานข่าวว่า “รายงานความคืบหน้าว่าตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ” หรือไม่ก็ “แถลงข่าวยืนยันว่ายังไม่มีการยืนยันข่าวใดๆ” แบบนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งวัน

     สักพักพอเราจับทางได้ว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าช้างม้าวิ่งวนไปมา เขาก็จะจัดการแสดงชุดต่อไปเข้ามา คือการแสดงประเภทมายากลและสิ่งแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ เช่นคนแคระ เมียงู หมูสองหัว มีคนกลืนดาบเล่มใหญ่ๆ ลงคอ และมีคนเอาเปลวไฟมาลูบไล้ตามตัว ฯลฯ เปรียบได้กับข่าวประเภทที่เอาตัวเลขในเหตุการณ์มาใบ้หวย สัมภาษณ์คนทรง และนำตำนานผีสางในท้องถิ่น หรือทฤษฎีสมคบคิดแปลกๆ มาเสนอ

     เรื่องเหนือธรรมชาตินั้นคือความน่าตื่นตาตื่นใจแบบหนึ่ง มันใช้ได้ผลกับสังคมที่มืดบอดอยู่กับความไม่รู้ มันเปิดให้คนดูงุนงงสงสัย นำไปสู่การถกเถียงกันไปมา สักพักความเป็นเหตุเป็นผลจะย้อนกลับมา วิทยาศาสตร์จะปัดเป่าข่าวไร้สาระพวกนี้ออกไป การแสดงชุดต่อไป เราต้องการอะไรที่เป็นเรื่องชีวิตจริงกว่านั้น

 

     คราวนี้ทิศทางข่าวจะเริ่มลงลึก นักข่าวจะแข่งกันไปเจาะสัมภาษณ์ความเห็นและความรู้สึกของผู้คนที่อยู่รอบนอก ทำข่าวแนวเซนเซชันนอลที่ท่วมท้นด้วยอารมณ์ เช่น บีบคั้นน้ำตาแห่งความสูญเสียของครอบครัวผู้ประสบภัย หรือไม่ก็เชิดชูวีรกรรมของวีรบุรุษที่ทุ่มเทยืนหยัดในการกอบกู้สถานการณ์ แน่นอนว่าต้องไม่ลืมที่จะตัดต่อเป็นสโลว์โมชัน โคลสอัพไปที่สีหน้าแววตา แล้วใส่เพลงประกอบให้เหมือนมิวสิกวิดีโอ

     สักพักคนดูก็เหนื่อยล้าไปกับอารมณ์ที่ฟูมฟาย พวกเขาอยากพักเบรกสักครู่ เดินไปเข้าห้องน้ำหรือหาอะไรกิน ช่วงนี้ก็จะมีตัวตลกโผล่มาคั่นเวลา ตัวตลกจมูกแดง ฉีกยิ้มกว้าง แววตาเหมือนเปลวไฟลุกโชน วิ่งไล่ตีหัวกันไปมาเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครง เปรียบได้กับพวกคนที่อยากดัง ฉวยโอกาสมาอยู่ในแสงไฟของสื่อ โผล่มาปรากฏตัว แสดงความเห็น พยายามแทรกตัวเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งคนพวกนี้น่าสมเพชเหมือนตัวตลก

     เสียงหัวเราะครืนๆ จะประคับประคองหมู่ชนให้คงอยู่ มันช่วยเรียกให้เรารีบทำธุระในห้องน้ำ แล้ววิ่งกลับมานั่งลงประจำที่ของตัวเอง เพราะรู้สึกว่ามีพวกพ้องร่วมติดตามสถานการณ์ไปด้วยกัน และสถานการณ์น่าจะเข้าใกล้ช่วงไคลแม็กซ์เต็มทีแล้ว

 

     แสงไฟในเต๊นท์กระโจมค่อยๆ หรี่ลง เสียงรัวกลองสแนร์ค่อยๆ ดังถี่ขึ้น ถี่ขึ้น สปอตไลต์ส่องลำแสงไปกลางลานดิน นักกายกรรมหญิงถอดเครื่องหัวประดับประดาและเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นชุดแนบเนื้อสีเนื้อ เธอร่ายรำบิดตัวไปมา ฉีกแข้งขาเผยให้เห็นเรือนร่างเพรียวระหง ผมตื่นตะลึงกับทรวงอกและหว่างขาที่รัดรึง

     เมื่อข้อมูลและแหล่งข่าวถูกใช้ไปจนหมดทุกแง่มุม ประเด็นข่าวจะอ่อนล้าเสื่อมพลัง ตรงจุดนี้ ทิศทางข่าวจะเริ่มใช้เรื่องทางเพศมาดึงดูด ประเภทที่นำเสนอภาพหลุด ขุดเบื้องหลังอื้อฉาว หรือนำภาพถ่ายคนสวยคนหล่อที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มาเผยแพร่

     เธอเกาะปลายเชือกที่ดึงตัวเธอขึ้นไปสู่ยอดเสา เพื่อเตรียมแสดงการห้อยโหนโยนตัวจากยอดเสาหนึ่งไปยังอีกยอดเสาหนึ่ง ซึ่งมีนักกายกรรมหนุ่มกำลังโหนตัวรออยู่ ตาข่ายด้านล่างถูกถอดออกไป เพื่อเพิ่มความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายให้กับโชว์นี้ ถ้าเธอพลาดนั่นหมายถึงการหล่นลงมาสู่พื้นดินจากความสูงยี่สิบกว่าเมตร

     ทุกสายตาจับจ้องไปที่ปลายลำแสงสปอตไลต์ เสียงรัวสแนร์หยุดกึกลงด้วยเสียงกลองและฉาบดังตึ่งโป๊ะ เธอโหนเชือกแล้วกระโจนออกจากปลายเสา สายตาทุกคู่หันมองตาม ทุกคนในเต๊นท์กระโจมกลั้นหายใจด้วยความลุ้นระทึก เรื่องเพศและความตายถูกนำมาวางเคียงกันต่อหน้าผู้ชม

 

     ทุกวันนี้ เราดูข่าวราวกับดูละครสัตว์ เหตุร้ายเกิดตรงไหน สปอตไลต์ส่องลงไปตรงนั้น แล้วก็จะเริ่มมีเต๊นท์กระโจมไปกาง มีนักกายกรรมไปห้อยโหนเกาะกระแสข่าว มีตัวตลกออกมาเรียกร้องความสนใจ พอคนดูเริ่มเบื่อก็จะได้ยินเสียงตวัดแส้ดังปังๆ เรียกให้เราหันไปดูตลอดเวลา

     ผู้คนในข่าวถูกทำให้เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยอารมณ์ มีคนดีคนเลว คนถูกคนผิด ทุกคนใส่เครื่องหัวอลังการด้วยพู่ระย้าและขนนก บรรณาธิการข่าวนั่งเฝ้าหน้าจอ ก็คอยจักกลิ้งประเด็นให้สลับไปมา โยนลูกบอลขึ้นฟ้าเป็นสิบลูกด้วยสองมือ ทุกอย่างจึงดูละลานตา น่าตื่นตาตื่นใจ จนคนดูมิอาจจะละสายตาได้

     เราทุกคนหยุดเสพข่าวแบบนี้ไม่ได้ เพราะกระแสอารมณ์พาไปในแต่ละวันๆ เราต้องการมหรสพมาเลี้ยงตัวตนให้คงอยู่เอาไว้ เหมือนนักเป็นนักแสดงกายกรรม เราต้องการความรู้สึกลุ้นระทึก ตกอยู่ระหว่างความเป็นความตายตลอดเวลา

 

     Media Circus ช่วยทำให้เราหลีกหนีไปจากความน่าเบื่อหน่าย ซ้ำซาก และความไร้สาระในชีวิตจริง และมีเสียงรัวกลองสแนร์เป็นซาวนด์แทร็กประกอบตลอดเวลา

     รอดไม่รอด… รอดไม่รอด… รอดไม่รอด… กลองสแนร์รัวๆ หัวใจคนดูที่อยู่เบื้องล่างพากันเต้นไม่เป็นส่ำ มองตามนักกายกรรมหญิงล่องลอยอยู่อากาศอย่างไม่คลาดสายตา เปรียบเหมือนกับพวกเราที่คอยสไลด์หน้าจอมือถือ และเฝ้าหน้าจอทีวีทั้งวันเพื่อติดตามข่าวภารกิจกู้ภัย 

เธอกระโจนไปเกาะแขนนักกายกรรมชายที่รออยู่อีกฟากได้สำเร็จ ทั้งสองกอดคอกันและชูมือส่งยิ้มลงมา คนดูพากันทอดถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความโล่งอก แล้วก็ลุกขึ้นปรบมือส่งเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง แล้วเสียงดนตรีประกอบก็เปลี่ยนไปเป็นเสียงแตรวงโหมประโคมเฉลิมฉลอง ภาพตัดมาเป็นบรรดาสิงสาราสัตว์ ตัวตลก และนักแสดงทุกคนเดินพาเหรดเข้ามาในเต๊นท์กระโจมเพื่อโบกมืออำลาผู้ชม 

ผู้ชมปาดน้ำตาแห่งความอิ่มเอิบ มันเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในชีวิต มีทั้งตื่นเต้นตกใจ หัวเราะขบขัน ซาบซึ้งโศกเศร้า เร้าอารมณ์ทางเพศ และเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เราเพิ่งได้ร่วมกันผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาด้วยกัน

 

     แล้วหลังจากนั้น คณะละครสัตว์ก็จะพเนจรย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ เหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำตลอดมาสามสิบกว่าปี และมันปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นในสื่อยุคนี้