ฟีเจอร์ Memories ในเฟซบุ๊กเด้งขึ้นมาเตือนบนไทม์ไลน์ทุกๆ เช้า เหมือนคอยเตือนใจว่าตัวตนของเราไม่เคยหยุดนิ่งและคงที่ มันเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาและสถานการณ์
Memories ของตัวเราแต่ละคนเป็นประจักษ์พยานที่ทำให้เราตระหนักต่อใจตนเอง ว่าไม่มีหรอกที่มนุษย์คนไหนจะยืนหยัดอยู่กับอุดมการณ์อะไรสูงส่ง เด่นล้ำค้ำฟ้า ใหญ่ล้นพ้นตัวไปได้ตลอดทั้งชีวิต
สิ่งที่เห็นๆ กันแต่ละวันในนิวส์ฟีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเรื่องการเมือง มันก็แค่การประชันขันแข่งกันแสดงออกถึงความเพ้อฝันว่าความเป็นมนุษย์นั้นเท่ากับความจริงแท้แน่นอน มีสารัตถะแก่นแกนภายในที่คงเดิม ยืนหยัด ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งผมว่าเรื่องนี้มันไร้สาระมากๆ
แท้จริงแล้วมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยอคติ เราไม่สามารถคิดไปให้พ้นจากกรอบความคิดของตัวเองที่ก่อสร้างขึ้นมาปลอบประโลมตัวเองว่ามีตัวตนนี้ มีร่างกายนี้ ชื่อเสียงเช่นนี้ มีไอเดียเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ภายในตัวตนนั้นว่างเปล่า เรื่องราวภายนอกนั้นเป็นแค่การแสดงสร้างภาพ
ในแต่ละวันๆ พวกเราก็แค่สมาทานอุดมการณ์บางอย่างไว้ รับมันเข้ามาประดับประดาตัวเอง ด้วยการแสดงบทบาทบางช่วงบางตอนในชีวิตไปตามนั้น อาจจะแค่ปีหรือสองปี หรือเพียงแค่วันสองวัน เพื่อให้ตัวเองดูดีกว่า ดูสำคัญกว่า ดูมีเอกลักษณ์ที่หนักแน่น และแตกต่างจากคนอื่น
ความขัดแย้งทางการเมืองในทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เห็นกันในโซเชียลมีเดีย ถ้าดูกันโดยเนื้อแท้แล้วมันไม่ใช่การถกเถียงกันในประเด็นการเมือง แต่พวกเราติดหล่มอยู่กับความเป็นคนที่ไม่เลื่อนไหลเปลี่ยนแปลง เราถกเถียงกันในเรื่องความจริงแท้ของความเป็นมนุษย์
ข้อโจมตีกันไปมาส่วนใหญ่ ไม่ได้ลงไปในรายละเอียดของปัญหา แต่ลอยอยู่บนผิวเผินของการโจมตีกันที่ตัวบุคคล เราต้องการพิสูจน์ว่า ‘ฉันจริงแท้กว่าแก และแกปลิ้นปล้อนเปลี่ยนแปลงกว่าฉัน’ โดยได้ความรู้สึกสะใจที่ได้เหยียดหยามความเปลี่ยนแปลงของคนอื่นกลับมาเป็นรางวัล
ทั้งๆ ที่พวกเราทุกคนต้องเผชิญกับ Memories ของตัวเองในทุกๆ เช้า เรามองไม่เห็นเหรอถึงความปากอย่างใจอย่าง ปลิ้นปล้อนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันเพื่อเรียนรู้ความโง่งมของตัวเอง หรือจะใช้มันเพื่อเหยียดหยามประจานผู้อื่น