เปลี่ยนแปลง

วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ | ความหมกมุ่นกับการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาตัวเองของเราทุกคน

หลังจากที่เพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ กิจวัตรที่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งอย่างในแต่ละวันๆ ก็คือการนั่งกดอัพเดตซอฟต์แวร์ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างมิอาจจะหักห้ามใจ ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า

     พอกดโอนเงินหลักหมื่นไปเข้าบัญชีธนาคารของทางร้าน คนขายก็ไปหยิบกล่องสินค้าออกมา แกะกล่องสภาพเอี่ยมอ่อง ห่อกระดาษและฟองน้ำกันกระแทกข้างใน โชยกลิ่นสารเคมีหอมฉุนระเหยมากระทบจมูก เปิดฝาขึ้นมาแล้วกดปุ่มเพาเวอร์เป็นครั้งแรก บนหน้าจอสว่างสดใสก็มีคำร้องขอให้เราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อลงทะเบียนระบบปฏิบัติการและตั้งค่าผู้ใช้

     ช่วงเวลาหลังจากนั้นมา มันคือความหฤหรรษ์อย่างน่าประหลาด เมื่อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่นำพาผู้ใช้เข้าสู่วังวนแห่งการอัพเดตต่างๆ นานา ไดรเวอร์ เฟิร์มแวร์ แอนตี้ไวรัส ยูทิลิตี้ แอพพลิเคชัน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งไบออสบนเมนบอร์ด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในระบบการทำงาน หน้าต่างป๊อปอัพขึ้นมาอันแล้วอันเล่า ถามว่าจะอัพเดตนั่นไหม อัพเดตนี่ไหม

     เราสามารถกดปุ่มโอเคยอมรับการอัพเดตไปเรื่อยๆ ความสุขและความพึงพอใจเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นแถบบาร์บอกระยะเวลาของการดาวน์โหลดสิ่งที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มเข้ามา มีไอคอนวงกลมหมุนติ้ว เหมือนเครื่องกำลังคิดคำนวณและจัดการติดตั้งพวกมันเข้ามาภายใน นั่งง่วนอย่างนั้นอยู่เนิ่นนาน เวลาผ่านไปแค่ไหนไม่ทันสังเกต จนคนขายแนะนำอย่างอ้อมแอ้มและเกรงใจว่าคุณลูกค้าสามารถเอากลับไปทำต่อเองที่บ้านก็ได้

     แล้วชีวิตประจำวันหลังจากนั้นมาก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเขาวงกตของการอัพเดตไปเรื่อยๆ มันเหมือนมีแรงผลักดันอันแรงกล้าจากภายใน ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ผุดขึ้นมาบอกว่าสถานะปัจจุบันของเครื่องนั้นยังไม่ดีพอ มันยังสามารถจะดีกว่านี้ได้อีก เราต้องพัฒนา ต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม แก้ไข ด้วยการก็กดปุ่มอัพเดตซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     โดยไม่ต้องอ่านรายละเอียด ไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจหรือรู้ถึงหลักการทำงานเบื้องหลังของมันแต่อย่างใด โลกที่อยู่เบื้องหลังหน้าจอนั้น ช่างกว้างใหญ่ไพศาลไม่รู้จบ มีสิ่งใหม่ที่ดีกว่าตลอดเวลา ซึ่งเราต้องพยายามสูบหรือดูดมันเข้ามา เพื่อให้โลกที่อยู่ภายในกรอบบอดี้ตัวเครื่องนี้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

     เงินหลักหมื่นที่จ่ายไป ไม่ใช่เพียงเพื่อซื้อเจ้าเครื่องนี้มาใช้งาน ซื้อมาแล้วก็จบกันแค่นั้น แต่ซื้อการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นอีกงานหนึ่งซึ่งเราต้องทำ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในทุกวันนี้มักเป็นเช่นนี้ ไม่ต่างจากโทรศัพท์มือถือ ทีวี หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่มีหน้าจอสมาร์ตทัชต่างๆ ซึ่งเราซื้อหามาด้วยเงินที่เก็บหอมรอมริบนานปี

     ผ่านไปหลายวัน หลังจากกดปุ่มอัพเดตครั้งแล้วครั้งเล่า จนพบว่ามันไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาให้ดาวน์โหลดอีกแล้ว ทุกอย่างภายในเครื่องใหม่ ล้วนใหม่หมด ครบถ้วนหมด ใช้งานได้ราบรื่นเป็นปกติ แต่ตัวเราแทบไม่ได้มีสมาธิกับการใช้งานมันเพื่อทำงานจริงๆ มีเพียงแค่การอัพเดตดาต้าเบสโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแบบเล็กๆ น้อยๆ ประจำวัน

     ฉับพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ประหลาดดีที่หลายวันที่ผ่านมา เราใช้งานมันเพื่ออัพเดตตัวมันเองอยู่แบบนั้น การอัพเดตกลายเป็นงานในตัวมันเอง

     ลองหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าขึ้นมา พยายามอัพเดตแอพพลิเคชันต่างๆ จนครบถ้วนแล้วแต่ก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าของชีวิต โทรศัพท์รุ่นเก่าหลายปีจนบริษัทผู้ผลิตเลิกอัพเดตเฟิร์มแวร์มันมานานแล้ว และน่าจะถึงคราวที่ต้องซื้อเครื่องใหม่เสียที

     รีบถอยรถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไม่ถึงปี แล้วก็จัดการอัพเดตเฟิร์มแวร์หน้าจอสมาร์ตทัชไปเรียบร้อย เปลี่ยนล้อแม็กซ์ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ บึ่งออกไปงานมหกรรมลดราคาหนังสือต่างประเทศ

     หนังสือต่างประเทศกองพะเนินไกลสุดลูกหูลูกตา คนส่วนใหญ่มาซื้อหาหนังสือเด็กเพื่อไปเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกหลาน ส่วนผมเดินมุ่งไปส่วนหนังสือนอนฟิกชัน แนวการพัฒนาตัวเอง จิตวิทยาองค์กร หลักการตลาดยุคใหม่ เริ่มต้นธุรกิจยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวเอง การเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนตัวคุณใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ฯลฯ

     อ่านชื่อบนปกหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า จากราคาหลักพันลดเหลือแค่หลักร้อยกว่าบาท พวกมันถูกฉวยคว้ามาใส่รถเข็น เพื่อถมใส่ความว่างเปล่าภายใน เดินเตร็ดเตร่อยู่เนิ่นนานจนหนังสือเต็มรถเข็น เวลาผ่านไปแค่ไหนไม่ทันสังเกต น่าจะกลับบ้านกลับช่องเสียที เข็นรถออกมาถึงช่องชำระเงินเรียงต่อกันไกลสุดลูกหูลูกตา มีลูกค้าต่อแถวยาวเหยียดทุกช่อง ในรถเข็นของลูกค้าทุกคนมีหนังสือกองเต็มเอี้ยดทุกคัน

     พลันนึกขึ้นมาได้ว่าหนังสือที่มาซื้อไปจากงานนี้เมื่อปีก่อน ยังไม่ได้อ่านเลยสักเล่ม แม้กระทั่งยังไม่ได้แกะห่อพลาสติก และตอนนี้มันวางไว้ตรงจุดไหนในห้องเก็บของยังไม่จำไม่ได้ การเดินซื้อหนังสือกลายเป็นความหฤหรรษ์ในตัวมันเอง หนังสือไม่ได้ซื้อไปเพื่ออ่าน เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้ทำงาน

     โลกดิจิตอลขับเคลื่อนไปด้วยกระแสไฟฟ้าเปิดๆ ปิดๆ วิ่งวนบนแผงวงจรขนาดเล็กจิ๋ว ที่เส้นทางของมันสามารถแปรผันไปได้เรื่อยๆ ตามชุดคำสั่งที่ใส่เพิ่มเข้ามา เพื่อแก้ไข เพิ่มเติม ปรับแต่งให้เรารู้สึกว่ามันสามารถดีกว่าเดิม เหนือกว่าเดิม พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

     เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน สำนึกที่เรามีต่อชีวิตก็เปลี่ยน ในร่างเดิมตั้งแต่เกิด เรามีความรู้สึกว่าต้องอัพเดต อัพเกรด หรือดาวน์โหลดอะไรมาอินสตอลใส่เข้าไป ทุกวันนี้เราหมกมุ่นอยู่กับการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา จนความหมกมุ่นนี้เป็นจุดหมายในตัวมันเอง

     ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่พวกเราจะรู้สึกขาดพร่อง ไม่พอใจกับตัวเอง และรู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนตัวเองตลอดเวลา กดดันกับตัวเองเพื่อเทียบกับโลกภายนอกอันยิ่งใหญ่ไพศาลขนาดนี้มาก่อน