การเติบโต

วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ | นาฬิกาข้อมือ รถยนต์คันแรก บนเส้นทางแห่งการเติบโต

1.

เวลาขับรถเร็วๆ บนหนทางยาวไกล มักจะมีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างผุดขึ้นมาภายในใจ มันเป็นความภาคภูมิใจอยู่ลึกๆ ระคนกันกับความรู้สึกแปลกใจ และแปลกแยกกับสถานการณ์ตรงเบื้องหน้า

เมื่อมองออกไปเห็นท้องฟ้าสว่างไสว สองมือเกาะกุมพวงมาลัยไว้มั่น ควบคุมทิศทางที่ตนเองกำลังมุ่งไป เข็มเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์แกว่งไกว เข็มบนหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือข้างซ้ายกระดิกไป

ผมรู้สึกแปลกแยกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้เป็นตัวเอง แปลกใจที่รู้สึกเหมือนเราเป็นคนอื่น เพราะสถานการณ์ตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ทำได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกภาคภูมิใจที่เราได้เป็นเหมือนคนรุ่นพ่อเรา รุ่นพี่ ที่เราเคยเห็นพวกเขาทำแบบนี้

 

2.

     แปลกดีที่เรามักจะไม่ทันรู้ตัว เวลาที่ได้เติบโตขึ้นไปสู่อีกระดับขั้นของชีวิต เพราะความรู้สึกถึงตัวตนของเราดำเนินมาและดำเนินไปด้วยความทรงจำและเรื่องเล่าที่ต่อเนื่องไร้รอยต่อ จนเรายังรู้สึกว่าเป็นคนเดิม เหมือนเดิม

     ไม่รู้ว่ามีใครรู้สึกเหมือนกันนี้ไหม อย่างตอนที่จะจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่น จะมีช่วงหนึ่งซึ่งเราลังเลสงสัยว่าจะต้องจ่ายค่าตั๋วรถเมล์เท่าไหร่ สมัยก่อนค่าตั๋วรถเมล์ของเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ นั้นเก็บแค่ครึ่งราคา เวลาพี่ชายพาผมขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนตอนเช้า กระเป๋ารถเมล์บางคนเก็บผมครึ่งหนึ่ง บางคนเก็บผมเต็มราคา หรือตอนที่เรากำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จะอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งเราลังเลที่จะเรียกบริกรในร้านอาหารว่าพี่หรือเรียกว่าน้อง

     นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าเราแต่ละคนจะต้องมีจุดเปลี่ยน จุดพลิกผัน หรือพิธีกรรมอะไรบางอย่างในชีวิต เพื่อเป็นหมุดหมายหรือสัญลักษณ์แห่งการเติบโตและข้ามผ่านช่วงวัย สำหรับบ้านผม พิธีกรรมและวัตถุสัญลักษณ์แห่งการข้ามผ่านช่วงวัย คือการไปซื้อนาฬิกาข้อมือและการหัดขับรถยนต์

 

3.

     ที่บ้านเรามีประเพณีภายในครอบครัว เมื่อลูกๆ เข้าสู่วัยหนุ่มสาว ตอนที่เราเรียนถึงชั้นมัธยมปลาย ป๊าจะซื้อนาฬิกาข้อมือให้คนละเรือน

     วันที่ป๊าพาไปซื้อนาฬิกาของตัวเอง เหมือนเป็นวันสำคัญในชีวิต ตามปกติป๊าจะไม่ได้ไปเที่ยวเตร่หรือช้อปปิ้งอะไรที่ไหน ทำงานส่งเส้นก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็จะมาพักผ่อนที่บ้าน แต่ในวันซื้อนาฬิกาให้ลูก ป๊าจะส่งของให้เสร็จเร็วกว่าปกติ มาอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อเชิ้ตหล่อเหลา กางเกงขายาว และรองเท้าหนังคู่เก่ง ลูกก็จะแต่งตัวสวยหล่อตั้งตารอวันสำคัญ
พอกินข้าวเช้าเสร็จ แม่รับหน้าที่เก็บล้าง ส่วนป๊าจะพาเราขับรถออกจากบ้านไป พอเที่ยงๆ กลับมาถึงบ้าน เราก็จะมีนาฬิกาเรือนใหม่เอี่ยมผูกอยู่บนข้อมือ จำได้ว่าพี่สาวคนโตได้นาฬิกาเข็มเรือนเล็กๆ ยี่ห้อ Orient พี่ชายคนรองลงมาได้นาฬิกาเข็มดูบึกบึน ยี่ห้อ Seiko ส่วนพี่ชายอีกคนได้นาฬิกาทันสมัยไฮเทค มีทั้งเข็มและตัวเลขดิจิตอล ยี่ห้อ Citizen

     วันสำคัญของผมในฐานะลูกคนสุดท้อง นั่นมันก็เกือบจะสามสิบปีมาแล้ว ผมจำได้ว่าเราอยู่บนรถแวนคันเก่าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหืนน้ำมันพืชที่ใช้ชโลมเส้นก๋วยเตี๋ยว พาผมไปซื้อนาฬิกาที่เยาวราช ขับรถขึ้นไปจอดไว้ตรงที่จอดรถของห้างคาเธ่ย์ ทางขึ้นเป็นเนินสูงชัน ช่องจอดคับแคบยากเย็น แล้วพาผมเดินทะลุตรอกซอกซอยออกมาถึงริมถนนใหญ่ เข้าไปที่ห้างขายนาฬิกาใหญ่โต

     สมัยนั้นนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องประดับหรูหรา บรรยากาศในร้านดูเป็นทางการและจริงจังมาก พนักงานขายใส่สูท ใส่ถุงมือ บรรจงหยิบนาฬิกาออกจากตู้ให้ลองใส่ทีละเรือนๆ นาฬิกาเรือนแรกในชีวิตของผม ยี่ห้อ Citizen เป็นนาฬิกาเข็ม ตัวเรือนทำจากสเตนเลส มีชุบทองชุบเงิน คนขายเรียกว่าลวดลายสามกษัตริย์ ราคาพันกว่าบาท ซึ่งเทียบกับค่าเงินสมัยก่อน ตอนนั้นทองคำบาทละแค่สามหรือสี่พัน ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งราคาห้าบาทแปดบาท

     นาฬิกาข้อมือกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตจากเด็กน้อยไปเป็นวัยรุ่น การไปซื้อนาฬิกาที่เยาวราชก็เป็นเหมือนพิธีกรรมในการข้ามผ่านช่วงวัย เหมือนกับพวกชนเผ่าโบราณที่จะมีพิธีกรรมเอาเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มไปกระโดดหน้าผา อะไรทำนองนั้น

 

4.

     หลังจากการไปซื้อนาฬิกาข้อมือตอนมัธยมปลาย เราจะข้ามผ่านช่วงวัยอีกครั้งตอนเรียนจบมหาวิทยาลัยและเริ่มต้นทำงาน ป๊าจะสอนเราขับรถและซื้อรถญี่ปุ่นคันเล็กๆ ให้

     รถคันเก่าเกียร์กระปุกของป๊านั้นจะมีไว้สำหรับให้พวกเราฝึกปรือ ป๊าจะนั่งประกบอยู่เบาะซ้าย มือจับเบรกมือไว้ตลอดเวลา พาเราขับวนแถวๆ สวนอ้อย สวนรื่น ที่การจราจรค่อนข้างโล่ง เขาลุ้นตัวโก่งเวลาที่เราเลียครัตช์ไม่ให้เครื่องดับตรงคอสะพาน เวลาที่เลี้ยวโค้งแล้วลืมถอนเท้าขวาจากคันเร่งมาแตะเบรก และเวลาที่เราฝึกจอดเทียบช่องฟุตปาธแคบๆ

     ผมได้ใบขับขี่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่ และติดนิสัยถอดรองเท้าขับรถมาจากป๊า เพิ่งจะใส่รองเท้าขับได้ก็ตอนที่ซื้อรถเกียร์ออโต้ของตัวเอง

     เมื่อมีรถยนต์ เราก็ออกจากบ้านไกลขึ้นๆ ไปไหนมาไหนได้เองอย่างอิสระ ตัดสินใจทิศทางชีวิตได้ โดยไม่ต้องรอไปกับป๊าและพี่ๆ อีกต่อไป

     เมื่อมีนาฬิกาข้อมือ เราก็ออกจากบ้านนานขึ้นๆ ชีวิตประจำวันไม่ได้ขึ้นกับนาฬิกาแขวนบนฝาผนังที่บ้านอีกต่อไป ไม่ต้องรีบกลับมากินข้าวบ้าน แทบไม่ต้องกลับบ้านเลยก็ได้

     วันที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้อัพเลเวลไปสู่สภาวะใหม่อย่างฉับพลัน คือตอนที่เรียนจบและเริ่มทำงานมาได้สี่ห้าปี ตอนนั้นเริ่มทำงานเป็นนักเขียน และเพิ่งมีหนังสือพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกของตัวเอง วันนั้นผมกำลังขับรถไปงานเปิดตัวหนังสือของตัวเอง ในงานสัปดาห์หนังสือฯ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ บนถนนรัชดา มุ่งหน้าคลองเตย ผมมองออกไปเบื้องหน้าเห็นท้องฟ้าสว่างไสว สองมือเกาะกุมพวงมาลัย และนาฬิกาเรือนนั้นอยู่บนข้อมือ

     แปลกดีที่เรามักจะไม่ทันรู้ตัว เวลาที่ได้เติบโตขึ้นไปสู่อีกระดับขั้นของชีวิต นั่นมันคือเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

     ผมคิดว่าการเติบโตนั้นขึ้นอยู่กับสำนึกเกี่ยวกับระยะทางและเวลา

 

5.

     เมื่อคืนผมฝันถึงป๊ากับแม่ เราสามคนอยู่ในรถแวนคันเดิมคันนั้น ป๊าเป็นคนขับ แม่นั่งอยู่เบาะข้าง เรากำลังไปที่ไหนสักแห่ง บรรยากาศเหมือนเป็นย่านเมืองใหญ่ ถนนพลุกพล่าน ป๊าอาจจะไปกู้เงินหรือฝากเงินที่ทรัสต์ไหนสักแห่ง อยู่แถวๆ พลับพลาไชยหรือเยาวราช

     มองไปเบื้องหน้าเห็นเบาะหน้าสูงตระหง่าน ผมกำลังนั่งเล่นอยู่เบาะหลัง มีกบปลอมตัวใหญ่ขนาดเท่าแขนของเด็กน้อย สีเขียวจาง ทำจากยางนุ่มนิ่ม

     อย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบ ผมเอากบยางตัวนั้นค่อยๆ ไต่หลังเบาะขึ้นไป กลิ่นเบาะหนังปลอมทำจากพลาสติกเรียบลื่น กลิ่นเหม็นหืนของน้ำมันพืชที่ใช้ชโลมเส้นก๋วยเตี๋ยว กลิ่นครีมแต่งผมยี่ห้อแอคชั่นกระปุกสีน้ำเงิน ที่ทำให้ผมของป๊ามันแผล็บและหวีเสยเหมือนดาราฮ่องกง กลิ่นฉุนของน้ำยาดัดผมราคาถูกๆ จากร้านทำผมในตลาดที่ทำให้ทรงผมของแม่หยิกฟูเหมือนทรงนางงามตลอดเวลา

     ผมแกล้งวางกบปลอมยอบแยบน่าขยะแขยงไว้บนไหล่แม่ แม่หันมามองอย่างเฉยเมย เอื้อมมือมากุมมือผมไว้

     ป๊าหันมายิ้มและหัวเราะอารมณ์ดี