10yearchallenge

#10yearchallenge สิ่งที่เปลี่ยนไปในแววตา ในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา

กระแส #10yearchallenge ที่ผ่านมา ไม่รู้มีใครสังเกตเหมือนกันไหมว่านอกจากเสื้อผ้า หน้าตา บุคลิกท่าทางที่ต่างไปในรูปถ่ายเปรียบเทียบคนหนึ่งคนในช่วงเวลาสองวัยนั้น มันหาใช่สิ่งที่ห่อหุ้มภายนอกเหล่านั้นไม่ที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป มองไปมองมา จนพบความคล้ายกันอย่างหนึ่งว่ามันไม่ใช่แค่สิ่งภายนอกที่หลอกล่อสายตา หากเมื่อมองดูให้ลึกจะพบว่ามันคือ แววตา’ ของคนคนนั้น ที่ทำให้คนหนึ่งคนเปลี่ยนไป ราวกับไม่ใช่คนเดิม

     Eyes are the window to your soul—ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

     คำเชยๆ ที่ใครก็คงเคยได้ยิน หากมันคงมีเหตุผลที่ทำให้คำนี้เป็นอมตะตั้งแต่วันที่เชกสเปียร์เขียนไว้จนถึงวันนี้ เชกสเปียร์คงไม่ได้อ้างอิงการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ในวันที่กล่าวประโยคนี้ หากมีหลักฐานและงานวิจัยมากมายที่พิสูจน์ความจริงของประโยคดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกฎ 7-38-55’ ที่เชื่อว่าการสื่อสารผ่านคำพูดนั้นสื่อสารได้แค่เพียง 7% ที่เหลือนั้นมนุษย์ล้วนสื่อสารผ่านน้ำเสียงที่ใช้ และภาษากาย

     แต่หากในยุคที่การสื่อสารทางกายนั้นเป็นสิ่งที่ฝึกได้ มีเทคนิค การสอนปรับบุคลิกภาพเพิ่มความมั่นใจมากมาย ดวงตา’ ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ธรรมชาติสร้างไว้ไม่ให้มนุษย์ควบคุมได้ ราวกับว่าดวงตานั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ความจริงถูกรักษาไว้ เพื่อในวันที่มนุษย์พัฒนามาถึงจุดที่ประดิษฐ์ ปั้นแต่งแม้แต่การสื่อสารของตนเองได้ ดวงตาจะเป็นประตูแห่งการสื่อสารที่แท้จริง ที่มนุษย์ไม่สามารถแสร้งบิดเบือนสิ่งที่อยู่ในใจไม่ให้ปรากฏออกมาผ่านสายตา

     ไม่ต้องมีพลังวิเศษอ่านใจคนได้ใดใด แต่เชื่อว่าเราต่างเคยจับอารมณ์ที่ขัดแย้งระหว่างคำพูดที่เอ่ยออกมากับความรู้สึกในใจที่แท้จริงของคนที่เรากำลังมีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วยได้ อาจเป็นท่าทีบางอย่างของคนข้างๆ ในวันที่เขาบอกว่า ไม่เป็นไร’ หากเรารับรู้ได้ว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเคย

     อาจเป็นใครบางคนที่ดูภูมิฐาน พูดจาฉะฉาน แต่สายตาเวลาคุยกันบอกเราว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง อย่าไว้ใจไปกับคำพูดแสนหวาน

     หรืออาจเป็นใครสักคน ที่ไม่ได้พูดจากันสักคำ แต่สายตาที่มองมาจากมุมห้องไกลๆ นั้น ก็พอที่จะทำให้เราจับได้ว่าใจกำลังสั่น — มันคือประตูวิเศษอะไรกันที่ทำให้เราเข้าถึงพื้นที่ส่วนตัวในใจของใครคนหนึ่งได้ หากไม่ใช่แววตา
ของดวงตาคู่เดิมตั้งแต่เกิดจนตายที่บรรจุเรื่องราวนับแสนนับล้านเอาไว้

     ดวงตาที่เห็นความรักเป็นประกายของสายตาที่จ้องมาในวันที่เราเกิด, ดวงตาที่ใช้เรียนเขียนอ่านจนเกิดเป็นเลนส์สายตาใหม่ๆ ในการทำความเข้าใจโลกภายนอก, ดวงตาที่เปียกชื้นมาแล้วไม่รู้กี่หนกับการรักการปรากฏกายของใครบางคนที่เข้ามาอยู่ในตาคู่นั้น หากสุดท้ายก็หายไป, ดวงตาที่แห้งผากจากการตรากตรำทำงานในโลกที่เรียกร้องให้ใช้แต่ความคิด ให้เพิกเฉยกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในที่ต้องซ่อนให้มิดให้ลึกไว้ จนสุดท้ายเกือบเหลือเพียงความว่างเปล่าเดียวดายในแววตา

     รอยยิ้มเดิมในรูปถ่าย จากดวงตาคู่เดิม ของคนคนเดิมกับสิบปีที่ผ่านไป มันไม่ใช่ดวงตาที่ยิ้มแล้วสว่างไสวเหมือนเมื่อวันวานที่ผ่านมา จากดวงตาที่เคยยิ้มหมดใจ กลายเป็นดวงตาที่ไม่ไร้เดียงสา ไม่ยิ้มง่ายๆ ให้กับทุกอย่างบนโลกนี้อีกต่อไป

     มันไม่ใช่แค่ธรรมชาติการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การเล่นกลของเวลาหรอกที่ทำให้แววตาคนเปลี่ยนไป หากมันคือประสบการณ์ เรื่องราว การพบเจอกับผู้คนที่เข้ามาในชีวิต ที่ถึงแม้จะผ่านไปแล้ว แต่ทุกๆ เหตุการณ์ ทุกๆ ความสัมพันธ์นั้นก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ในแววตา

     เรื่องราวที่หลายครั้งไม่อยากจะบอกใคร แต่ธรรมชาติก็ไม่เคยทำให้ความจริงหลุดรอดไปได้ด้วยการบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ในแววตา และกลายเป็นข้อความที่เราสื่อสารออกไปสู่โลกภายนอกโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเราที่สะท้อนสภาวะภายในที่เราเป็นอย่างแท้จริง

     #10yearchallenge

     สิบปีที่ผ่านมา

     มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างในแววตาของคุณ

 


อ้างอิงข้อมูล: www.psychologytoday.com