รักทางไกล

ความใกล้ที่มากกว่า ระยะทางที่ไกลกว่าของ ‘รักทางไกล’

ในยุคแห่งการเชื่อมต่อไร้พรมแดน ตั๋วเครื่องบินโลว์คอสต์ การเรียน-ทำงาน-เดินทางต่างประเทศ กลายเป็นเรื่องธรรมดาของชาว ‘มิลเลนเนียล’ ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรุ่นที่มีพฤติกรรมและมุมมองการใช้ชีวิตต่างไปจากคนรุ่นอื่นๆ รวมไปจนถึงเรื่องความรัก ตั้งแต่วิธีการพบกัน เดตกัน หรือวางเป้าหมายในความสัมพันธ์นั้นร่วมกันอย่างไร

     การตกหลุมรักนั้นเป็นเรื่องง่าย หากการมีความสัมพันธ์นั้นไม่ได้ง่ายเช่นการปล่อยตัวปล่อยใจให้รัก ‘รักทางไกล’ รูปแบบความรักที่ใครๆ หลายคนส่ายหน้า ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเลือกเส้นทางนี้ แต่ในเมื่อความรักไม่เลือกที่เกิดและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ‘รักทางไกล’ ดูจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่พบได้มากขึ้นกว่าเคยกับคนยุคนี้

     ระยะทางห่างไกลที่ดูเป็นคำสาปของรักทางไกล ที่แท้อาจเป็นของขวัญกล่องใหญ่ที่มาทดแทนความห่างไกล ด้วยความใกล้ชิดอื่นๆ ที่เพิ่มเติมทดแทน

 

มากกว่าความต้องการ

     รักทางไกล เป็นด่านทดสอบว่าเรารักคนคนนั้นหรือแค่รักการมีใครสักคนอยู่ข้างๆ เมื่อไม่มีมือให้กุม ไม่มีกายให้กอด ไม่มีความแนบชิดทางกายภาพใดๆ แต่หากความสัมพันธ์นั้นยังคงดำเนินต่อไป มันก็พิสูจน์ได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญว่า เรารักความใกล้ชิด (intimacy) บางอย่างระหว่างกันที่ลึกซึ้งกว่าความใกล้ชิดทางกาย

 

เวลาที่มากขึ้น

     เวลาที่ต่างกันหลายชั่วโมง อาจเป็นความท้าทายของรักทางไกล คนหนึ่งกำลังตื่น อีกคนกำลังนอน หากนั่นก็ทำให้แต่ละคนมีเวลาให้ตัวเองในขณะที่อีกคนกำลังพักผ่อน ใช้ชีวิตในโลกของแต่ละคนให้เต็มที่ก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นมา ให้คนหนึ่งแลกเปลี่ยนความสนุกที่กำลังเกิดขึ้นในวันนั้น ในขณะที่อีกคนก็เล่าความฝันจากเมื่อคืนให้อีกคนฟัง และสลับกันจบวันไปด้วยการส่งอีกคนเข้านอน ในขณะที่อีกคนอวยพรให้มีวันที่ดีก่อนออกไปใช้ชีวิตอีกวัน

 

พึ่งตนเองมากกว่าอีกคน

     เวลาที่แบ่งออกเป็นสอง ทำให้ความสัมพันธ์นั้นไม่ได้มีแค่กับอีกฝ่าย หากอีกครึ่งหนึ่งของวันคือความสัมพันธ์ที่มีให้กับตนเอง เมื่อเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้กับตนเองได้ เมื่อนั้นก็จะเป็นคู่ชีวิตที่ดีที่สุดให้กับอีกฝ่ายได้ เมื่อเป็นแหล่งพลังงานความสุขให้ตัวเองได้ ก็จะไม่เรียกร้องจากใคร มีแต่อยากจะเติมความสุขให้กัน

 

บทสนทนาที่ลึกซึ้งมากขึ้น

     เมื่อการพูดคุยไม่ใช่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ หากต้องรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกของแต่ละฝ่ายให้ตรงกัน บทสนทนาในแต่ละครั้งจึงไม่ใช่เรื่องจิปาถะ หากเป็นสาระสำคัญของชีวิต บทสนทนาที่ไม่ได้วนเวียนอยู่แค่ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หากทำไมคุณถึงทำสิ่งนั้น รู้สึกอย่างไร และเราจะสนับสนุนกันได้อย่างไรบ้างจากระยะไกล

 

ความใส่ใจที่มากขึ้น

     เมื่อไม่ได้อยู่ข้างกันตรงหน้า จึงต้องอาศัยความใส่ใจที่มากกว่าในการรับรู้ เข้าใจอีกฝ่าย ทั้งน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป แววตาที่เจือความกังวลใจ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มักถูกมองข้ามไปเมื่ออีกฝ่ายอยู่ข้างกาย กลายเป็นรายละเอียดที่ต้องการความใส่ใจที่มากขึ้นเมื่อยามอยู่ไกลกัน

 

ความสุขที่มากขึ้นทุกครั้งที่พบกัน

     การพบกันแต่ละครั้งล้วนมีความหมาย เป็นดั่งของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้ความอดทนที่มีให้กันตลอดทาง การเจอกันแต่ละครั้งที่ต้องวางแผนล่วงหน้า เขยิบการงานและความฝันของตัวเองไว้ข้างๆ ให้ความสัมพันธ์ได้มีพื้นที่ความสำคัญแรกๆ ในชีวิตในช่วงเวลาที่ได้พบกัน ให้ช่วงเวลานั้นไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าคนข้างๆ ไม่มีอดีตแห่งการรอคอย ไม่มีอนาคตแห่งความคาดหวัง มีแค่ปัจจุบันที่ได้อยู่ด้วยกัน

 

     รักทางไกล ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็คล้ายกับสิ่งอื่นสิ่งใดในชีวิต ที่ตอบแทนอย่างงดงามเสมอเมื่อเราทุ่มเทกายใจให้สิ่งนั้น