หนังสือ อะไรทำให้คุณไม่ใช่พุทธ กล่าวถึงความเชื่อผิดๆ ที่คนมีต่อศาสนาพุทธ รวมถึงความเชื่อหนึ่งที่มีต่อแนวคิดการอยู่กับปัจจุบัน ว่านั่นหมายถึงการปฏิเสธความทะเยอทะยานต่ออนาคต ว่านั่นคือการถอดถอนเป้าหมายในการมีชีวิต ไม่ปรารถนาชีวิตที่ดีกว่า ขัดกับเสียงเรียกทางโลกปุถุชนคนธรรมดา ไปจนถึงขั้นว่าพุทธศาสนานั้นคือสิ่งขวางกั้นการมีชีวิตที่พัฒนาไปข้างหน้า
หากแท้จริงแล้วนั้นการอยู่ปัจจุบันนั่นเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะนำพาไปสู่อนาคตที่ปรารถนา
เราต่างมีสิ่งที่อยากจะทำให้ได้ในวันพรุ่งนี้ ในชีวิตนี้ – มีรูปร่างที่ดีกว่า, ผลประกอบการที่ดีขึ้น, มีเวลาให้ครอบครัว, เขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์สักเล่ม และอื่นๆ อีกมากมาย และสำหรับเราทั้งหลายแล้ว หนทางสู่ชีวิตที่ปรารถนานั้นก็มักเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายที่จับต้องได้ เฉพาะเจาะจง มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน หรือสมการใดๆ ที่โลกยุคสมัยแห่งความมีประสิทธิภาพได้ว่าไว้
เป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน จงมีฝัน มีแพชชัน มีเข็มทิศนำทางชีวิตไปให้ถึงยอดเขาสูงสุด – วาทกรรมเหล่านั้นไม่ได้ผิดอะไร เพียงแค่ทันทีที่เราพูดถึงแต่วันข้างหน้า มันง่ายที่จะเผลอไผลไม่ใส่ใจวันนี้ หลงผิดคิดไปว่า อนาคตเท่านั้นคือสิ่งดี ปัจจุบันนั้นยังดีไม่พอ พลอยทำให้ชั่วขณะนี้เป็นเพียงวันที่ต้องทำให้จบไป เพื่อวันใหม่ที่ดีกว่าเดิม
แนวคิดการอยู่กับปัจจุบันที่หนังสือได้ว่าไว้ ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ต่างความเข้าใจผิดที่คนมีต่อศาสนาพุทธ หากยังช่วยแก้ไขหนทางในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อสร้างชีวิตที่ดี (กว่า) ความแตกต่างที่มีอยู่เพียงหนทางหนึ่งมุ่งตรงไปยังฝัน หากอีกหนทางนั้นเพลิดเพลิน เบิกบานไปในทุกขณะที่ลงมือทำในทุกวัน
ความแตกต่างระหว่างการตั้งเป้าหมาย และการตั้ง (ใจ) ในกระบวนการ
ถ้าคุณเป็นนักวิ่ง เป้าหมายคุณคือการวิ่งมาราธอน กระบวนการคือออกไปซ้อมวิ่งในแต่ละวัน, ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ เป้าหมายคุณคือผลประกอบการร้อยล้าน กระบวนการคือวางแผนการขาย การตลาด, ถ้าคุณคือนักเขียน เป้าหมายคุณคือการออกหนังสือ กระบวนการคุณคือลงมือเขียน เขียน แล้วก็เขียน..
เราชอบถามกันว่า “อนาคตอยากเป็นอะไร” คำถามที่ถูกถามซ้ำไปมา ราวกับว่าปัจจุบันเป็นเพียงด่านกั้นระหว่างสิ่งที่เป็น และสิ่งที่เราอยากจะเป็น คำถามที่บางครั้งกดทับตัวตนในปัจจุบันว่า ปัจจุบันยังดีไม่พอ …และอนาคตเท่านั้นที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้ เมื่อไปถึง
แต่มันง่ายกว่ามากหากเรากระจายความสุขที่ฝากไว้ในอนาคตเพียงอย่างเดียวนั้นในแต่ละวัน – แต่ละวันที่ตื่นมาวิ่งได้, ที่ขายได้, ที่เขียนได้…
การพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายอย่างเดียวอาจทำให้เกิดสภาวะเคว้งคว้างเมื่อเดินไปถึงเป้าหมาย และมันง่ายที่ความพยายามจะสิ้นสุดลงแค่ตรงนั้น จบมาราธอนแล้วยังไงต่อ… กำไรร้อยล้าน … หนังสือเบสต์เซลเลอร์ … หากความเคยชินต่อกระบวนการที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัย ที่ทำให้ใจไม่อิดออดลุกขึ้นมาวิ่งต่อ ขายต่อ เขียนต่อ แม้จะบรรลุเป้าหมายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การกล่าวถึงความสำคัญของกระบวนการ คงผิดไปมากหากจะทำให้คนทึกทักไปว่างั้นเป้าหมายก็ไม่มีความสำคัญ ไม่เลย เป้าหมายนั้นมีความสำคัญในการกำหนดความก้าวหน้า ส่วนกระบวนนั้นคือการก้าวไปข้างหน้า ทั้งสองล้วนสัมพันธ์กัน
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงพอจะวิ่งมาราธอนที่มาจากการออกวิ่งในทุกเช้า พอๆ กันกับหนังสือหลายร้อยหน้าที่มาจากการเขียนวันละหน้าสองหน้า
การอยู่กับปัจจุบันขณะ จึงไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธออนาคต หากหมายถึงการ ‘เป็น’ อนาคตนั้นในทุกๆ การกระทำ ไม่ได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อความสุขที่คาดหวังไว้ที่ปลายทาง หากเพื่อความพึงพอใจตลอดการได้ลงมือทำ
เพื่อที่จะได้มีความสุขกับระหว่างทาง กับกระบวนการของปัจจุบัน
ให้ผลรวมของอนาคต มาจากผลรวมของทุกความสุขในปัจจุบันที่เป็นอยู่ขณะนั้นเอง