เหล่าคู่รักที่คุณเห็น คุณอาจนึกว่าพวกเขาเหล่านั้นคบกันเพราะความรัก แต่ไม่ใช่ทุกคู่ที่รักกันหรอก บางคู่อยู่ด้วยกันเพราะสายใยที่พวกเขาจินตนาการขึ้นมาและทึกทักเอาเองว่านี่คือ ‘รัก’ แต่ความเป็นจริงพวกเขาแค่ใช้มันเป็นเหตุผลเพื่ออยู่ด้วยกัน ส่วนในแง่ความผูกพันทางใจ การแชร์ตัวตนข้างใน หรือการอินในกันและกันนั้นไม่มี ถ้าจะพูดอีกอย่าง ‘พวกเขาแค่อยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้รักกัน’
หลายวันก่อนเราได้คุยกับก้อย (นามสมมติ) ก้อยกับเรารู้จักกันได้ไม่นาน แต่คุยกันอีท่าไหนไม่รู้ อยู่ๆ ก้อยก็เปิดใจเล่าเรื่องความรักของเธอให้ฟัง ว่าทุกวันนี้เธอมีเรื่องทุกข์ใจและเสียดายมากอยู่เรื่องหนึ่ง คือการที่เธอไม่ยอมคบกับคนที่เธอรัก แต่มาคบกับคนที่เธอแค่ชอบแต่ไม่ได้รักแทน ซึ่งมันทำเธอทุกข์ใจอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่เคยคิดว่า เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งนานวัน เธอยิ่งคิดถึงการตัดสินใจครั้งนั้นบ่อยๆ
ก้อยบอกเหตุผลแปลกๆ ให้เราฟังว่า เหตุผลที่เธอปฏิเสธคนที่เธอรักไป เพราะเขาคือคนที่ใช่ทุกอย่าง เมื่อเราฟังก็ได้แต่งง เพราะไม่ว่าใครที่เรารู้จักก็ล้วนแต่พูดว่า ที่เลือกคบแฟนเพราะรู้สึกว่าคนนี้คือคนที่ใช่ มีก้อยนี่แหละที่บอกไม่ยอมคบเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ใช่ แต่จริงๆ ก้อยก็มีเหตุผลของเธออยู่
เนื่องจากตลอดชีวิตที่ผ่านมา ก้อยอกหักและผิดหวังเรื่องความรักมาตลอด โดยที่เธอเป็นฝ่ายทุ่มเทให้แฟนเก่าทุกคนมาเสมอ แต่สุดท้ายจบลงด้วยความเจ็บปวด กว่าจะฟื้นจิตใจตัวเองกลับคืนมาใหม่ เรียกว่าปางตาย ต้องทรมานใจกันเป็นปีๆ ช่วงหลังก้อยเลยกลายเป็นคนที่เข็ดกับความรัก ไม่กล้าผูกพันหรือทุ่มเทใจให้ใครแบบสุดตัว
จนกระทั่งมาเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่ก้อยบอกว่าเขาคือทุกอย่างที่เธอคาดฝันไว้ คือนิสัยดี อ่อนโยน เอาใจใส่ เป็นสุภาพบุรุษ ขี้เล่น มีมุกตลกที่ทำให้เธอหัวเราะได้ตลอดเวลา และช่างรู้ใจเธอแบบที่เธอแปลกใจว่าเขารู้ได้ยังไง อย่างเวลาที่เธอท้อแท้หรือมีปัญหา เขาก็สามารถสรรหาคำมาบอกเธอจนปลิดความเหนื่อยล้าและเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในหัวใจได้ในทันที ก้อยพูดด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “เขาคือความสุข” แค่คิดถึงก็มีความสุขแล้ว
ทว่าหลังคุยกันมาได้ระยะหนึ่ง ก้อยเพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าอย่างจัง ด้วยความที่เขามีอิทธิพลกับจิตใจเธอเหลือเกิน ก้อยจึงชักกลัวใจตัวเองขึ้นมา เธอเล่าว่า เหมือนความเจ็บปวดในอดีตมันตามมาหลอกหลอน ยิ่งผู้ชายคนนี้ก้าวเข้าสู่โลกภายในของเธอเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอยากให้เขาหายไป เพราะใจข้างในมันกลัวเจ็บ และกลัวทุกอย่างจะจบลงเหมือนเดิม สุดท้ายก้อยเลยตัดสินใจทำสิ่งที่บ้าสุดๆ คือการบอกผู้ชายคนนั้นไปว่า เธอไม่ต้องการเขา
หลังจากนั้นไม่นานก้อยก็ตัดสินใจคบผู้ชายอีกคนที่ตามจีบเธอมาสักพักแทน ซึ่งก็คือแฟนคนปัจจุบัน แฟนเธอนิสัยดี อ่อนโยน ดูแลเอาใจใส่เธอเหมือนกัน และเข้ากับเธอได้ดีมากด้วย เพราะไลฟ์สไตล์คล้ายกันหลายอย่าง ที่สำคัญคือพอคบกับคนนี้ เธอไม่รู้สึกกลัวเท่ากับผู้ชายอีกคน ก้อยจึงคิดว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า พอคบกันมาได้พักหนึ่ง ก้อยค่อยๆ สัมผัสถึงความว่างเปล่าภายในใจ เธอรู้สึกว่าเธอกับแฟนแค่คบกันไปเฉยๆ เธอไม่เคยให้ใจกับแฟนจริงๆ เลย มันเหมือนแค่มาเจอกัน คุยกัน ใช้เวลาด้วยกัน แล้วต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอารมณ์แบบสั่นสะท้านในหัวใจหรือความลึกซึ้งของการเป็นกันและกัน ซึ่งจุดนี้เอาทำให้ก้อยตระหนักได้ว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้รักแฟน เธอกับแฟนแค่เข้ากันได้เท่านั้น เธอชอบเขาหลายๆ อย่าง แต่มันไม่ใช่ความรัก
แม้ก้อยจะพูดว่า ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า ‘รัก’ คืออะไร แต่เมื่อเปรียบเทียบความรู้สึกของเธอกับผู้ชายคนก่อนหน้า เธอบอกได้เลยว่ามันต่างกันมาก แม้เป็นเวลาเพียงสั้นๆ แต่ความลึกซึ้งภายในใจที่เธอมีกับอีกคนนั้นมากกว่า ก้อยจึงรู้ใจตัวเองว่า จริงๆ เธอต้องการใครมากกว่ากัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะบอกเลิกแฟนและกลับไปขอโอกาสคนที่เธอรักอีกครั้ง เพราะเธอก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนกลัวความรักอย่างเธอนั้นคืออะไร คนที่เธอรักแต่เธอกลัว (เจ็บปวด) หรือคนที่เธอไม่รักแต่เธอไม่กลัว (แต่ก็ไม่มีความสุขสักทีเดียว)
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของก้อย เราเลยเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพราะเรื่องของเธอสะท้อนฉากหลังความสัมพันธ์ของคู่รักหลายคู่ ที่ดูภายนอกก็ดูรักกันปกติดี แต่ลึกๆ แล้วพวกเขาอาจไม่ได้แชร์ตัวตนหรือมีความรู้สึกอินในกันและกัน พวกเขาเพียงแค่ตกลงคบกันเท่านั้น ในทางจิตวิทยาเรียกว่า ‘Fantasy Bond’ หรือสายใยความผูกพันที่คู่รักจินตนาการสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นเหตุผลไว้ยึดโยงของการเคียงคู่กัน ซึ่งโดยมากคนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้จะเกิดความรู้สึกกลวงและว่างเปล่าภายในใจมากขึ้น เมื่อปฏิเสธที่จะแชร์ตัวตนหรืออารมณ์ร่วมกับอีกฝ่าย
กรณีของก้อย แม้ว่าเธอกับแฟนคนปัจจุบันชอบพอกันก็จริง แต่เธอไม่ได้แชร์ความรักหรืออารมณ์ลึกซึ้งร่วมกับแฟนเลย นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมก้อยถึงไม่กลัวใจตัวเองเวลาอยู่กับแฟน เพราะก้อยไม่ได้ผูกพันทางใจกับแฟนนั่นเอง เธอแค่มีสายใยที่ใช้แทนคำว่า ‘รัก’ ในแง่หนึ่งอาจเพราะเธอไม่อยากอยู่คนเดียว แต่กระนั้นเธอก็หวงแหนพื้นที่ภายในใจไม่ยอมเปิดให้แฟนเข้ามาผูกพัน รวมทั้งกั๊กใจตัวเองไม่ให้อินไปกับแฟน
ขณะที่ผู้ชายอีกคนสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนภายในใจของเธอ เลยทำให้เธอเกิดหวาดกลัว แต่อีกด้านก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เขาคนนั้นก็ยังเป็นคนที่เธอนึกถึงและผูกพันทางใจอยู่ เขาจึงเป็นเหมือนสิ่งที่มาเขย่าให้ก้อยรู้สึกตัวว่า จริงๆ แล้วเธอรู้สึกอย่างไร กับแฟนคนปัจจุบัน เพราะถ้าไม่มีตัวแปรเรื่องคนที่เธอรัก ก้อยอาจเป็นแบบคนหลายคนที่คบหาคนที่แค่ชอบ ไม่ใช่คนที่ตัวเองรัก แม้ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเรื่องราวของก้อยจะจบลงอย่างไร แต่ภาวนาให้เธอได้เจอทางออกที่ดีกับเธอและคนอื่นๆ
สุดท้าย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์ที่เกิดจาก Fantasy Bond และรู้สึกว่ามันเริ่มส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ของคุณกับคนรักมากขึ้นเรื่อยๆ หรือรู้สึกว่าตัวเองเอือมกับความจืดชืด เพราะคุณไม่อินกับเขา ก็อาจถึงเวลาที่คุณต้องถามตัวเองแล้วว่า คุณอยากจะลุยต่อหรือเดินจากไป หากคิดจะเดินหน้า คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะแชร์อารมณ์ความรู้สึกกับคนรักให้มากขึ้น รวมทั้งกล้าเผชิญหน้ากับอารมณ์ความเจ็บปวดของตัวเอง
จริงอยู่ว่าเมื่อรักก็ต้องมีเจ็บ แต่การที่คุณปกป้องใจตัวเองไม่ให้เจ็บปวดเลย ยังไงเสียคุณก็เจ็บปวดอยู่ดี เพราะคุณต้องฝืนใจตัวเองอยู่เรื่อยๆ และคุณก็คงรู้สึกผิดบ้างแหละที่ต้องทำร้ายคนอื่นทางอ้อม คุณว่าจริงไหม?