คืนดี

Love Actually | ควรทำอย่างไร เมื่อคนรักเก่ามาขอคืนดี และหวังให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เมื่อความสัมพันธ์ที่พยายามสร้างมาโดยตลอดต้องสิ้นสุดลงอย่างที่ไม่ทันได้เตรียมใจ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฝ่ายถูกบอกเลิก (หรือในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นอาจเรียกว่าถูกทิ้ง) ที่จะต้องทำใจยอมรับ

กว่าจะผ่านช่วงเวลาโศกเศร้าแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับมาได้ กว่าหยดน้ำตาที่เสียไปจะหยุดรินไหล กว่าจะซ่อมแซมหัวใจให้เข้มแข็งอีกครั้ง กว่าจะกอบกู้ตัวตนและความรู้สึกหลังจากแหลกสลายเกือบไม่เหลือชิ้นดี เพราะเอาไปผูกติดกับใครบางคนที่คิดว่าดีพอจะเห็นคุณค่าแต่กลับกลายเป็นว่าเขาหรือเธอคนนั้นคือคนเดียวกันที่กล้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามอบให้ด้วยความรัก ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักแค่ไหนไม่มีใครรู้

     แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว จนเราเรียกมันว่า ‘อดีต’ แต่เชื่อเถอะว่าทุกความรู้สึกในวันวานยังคงเป็นภาพจำชัดเจนที่ไม่มีวันเลือนหาย และเมื่อนึกย้อนกลับไปทีไร ก็อดกลั้นหัวเราะทั้งน้ำตาไม่ได้กับการกระทำของตัวเองในตอนนั้น การเสียคนรักเพราะเขาหรือเธอไปมีคนอื่นมันทำให้คนหนึ่งคนเป็นบ้าได้ขนาดนั้นเลยเหรอ

     หลายคนยอมทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนในภาวะปกติของชีวิต บางคนกินเหล้ากับเพื่อนหวังให้ความเมาเจือจางความเศร้าที่ยังเข้มข้นในใจ บางคนออกเดินทางไปให้ไกลแสนไกลเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่หวังให้แทนทีความทรงจำเก่าที่ยังร้าวรานในความรู้สึก บางคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อหวังสร้างความรู้สึกเสียดายให้กับคนที่เลิกกันไป และอีกมากมายหลายวิธีตามแต่ที่คนจะนึกคิดได้และลงมือทำเพื่อเยียวยาตัวเองในช่วงเวลาที่ยากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต

     จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เวลาค่อยๆ ผันผ่าน ระดับความเข้มข้นของความรู้สึกเจ็บปวดหลังถูกบอกเลิกก็บรรเทาลงเช่นกัน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณความรักที่ทุ่มเทไป แม้จะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งแต่ในท้ายที่สุดหัวใจจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และเมื่อถึงวันนั้นมาถึง เราต้องขอบคุณตัวเองที่อยู่กับปัจจุบันและก้าวข้ามจุดที่ยากที่สุดจุดหนึ่งของชีวิตมาได้โดยไม่จมปลักกับอดีตอันขื่นขมปนเศร้า นับจากนี้ชีวิตก็พร้อมเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในทุกๆ เรื่อง (บางคนอาจเปรียบเปรยว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่) โดยเฉพาะเรื่องความรัก

 

     ความรักไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือน่ากลัวชวนรู้สึกเข็ดหลาบ แต่ความรักที่เกิดขึ้นทำให้เราในฐานะคนธรรมดาที่มีความรู้สึก มีหัวจิตหัวใจ เข้าใจว่าคนเราด้วยกันนี่แหละที่เลวร้ายเพราะไม่เห็นคุณค่าของรักที่มอบให้ไป ขณะเดียวกันก็ยังมีคนอื่นๆ ที่น่าจะเห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในรักของเรา ทำให้พร้อมเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้อีก เพียงแต่ครั้งนี้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นเพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย ชีวิตกำลังราบรื่น ภาพทุกอย่างชัดเจน และเรากำลังพาชีวิตให้เดินไปในทิศทางที่วางแผนไว้ จนกระทั่งวันที่เขาหรือเธอคนเดิม เดินกลับเข้ามาในเส้นทางชีวิตของเราอีกครั้ง เพื่อมาขอคืนดี และหวังให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม “จะทำอย่างไรดี?”

     สำหรับคนที่ชัดเจนและแน่วแน่ในการตัดสินใจของตัวเอง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าเป็นปัญหา แต่สำหรับคนที่เกิดความรู้สึกหวั่นไหวหรือลังเลนี่สิ ต้องคิดให้ดีๆ เพราะบางทีเราอาจหลงลืมอะไรบางอย่างไปได้

     ย้อนกลับไปในวันที่ถูกบอกเลิก หัวใจของเราที่เคยมอบให้ ในวันนั้นคงมีสถานะไม่ต่างจากแก้วที่ถูกทำให้ตกลงบนพื้น หรือเป็นเพียงแผ่นกระดาษที่ถูกขยำ เขาหรือเธอคือคนทำ แล้วเดินจากไป คงเหลือไว้เพียงเราคนเดียวต้องเพียรพยายามดูแลและเยียวยาหัวใจของตัวเอง ซ่อมแซมสิ่งที่ชำรุดให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์เหมือนเก่า ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้อาจใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์เหมือนเก่าก็จริง ดีที่สุดคือกลับมาใช้งานได้เช่นเดิม แต่มันกลายเป็นของมีตำหนิไปเสียแล้ว

     นับตั้งแต่วันที่เขาหรือเธอเดินออกไปจากชีวิต เราได้บทเรียนความรักความสัมพันธ์มากมาย ทั้งเฝ้าถามตัวเองถึงเหตุผลที่ถูกทิ้ง ทำไมนะทำไม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด หรือถ้าจะเอาความดีที่มีให้มาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิกว่า “ดีเกินไป” ก็ดูเขลาไม่น้อย ช่างนามธรรมและสิ้นคิดเกินกว่าจะนับรวมเป็นเหตุผลมากล่าวอ้าง ต้องเป็นคนเลวระยำหรือไงถึงจะพอใจ ทั้งคิดทบทวนถึงความรักที่เคยทุ่มเทและมีให้ เป็นธรรมดาที่เราจะคาดหวังการได้รับความรักกลับมาเช่นกัน แต่เขาหรือเธอกลับตอบแทนด้วยประสบการณ์เจ็บเจียนตาย ทำไมถึงเลือดเย็นเช่นนี้ เพราะรักมากก็เลยเสียใจมาก ในตอนนั้นเรามักจะไม่เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปและมีสติมากพอ ได้กลับมานึกถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้วพบว่า เราเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลเสมอ การที่เราถูกบอกเลิกก็คงมีเหตุผลของมัน และการที่อดีตคนรักกลับมาขอคืนดีเขาหรือเธอก็คงมีเหตุผลเหมือนกัน เสียดายหรอ เป็นไปได้ เห็นเป็นของตายหรอ ก็เป็นไปได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ

 

     ในวันที่คนเคยรักตัดสินใจเดินเข้ามาหาอีกครั้ง ขอคืนดีและขอร้องให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสมือนว่าเรื่องเลวร้ายในอดีตเป็นเพียงความผิดพลาดที่มองข้ามไปได้ “มาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่นะ” แล้วที่ผ่านมาคืออะไร นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่สิ่งสมมุติหรือเป็นฝันร้ายที่เราบังเอิญพบเจอขณะหลับ เมื่อตื่นมาก็หาย

     ใครกันที่เป็นคนเลือกเดินจากไป ใครกันที่ต้องทนทุกข์เสียใจ ใครกันที่ไม่เคยมาเหลียวแลกันอีก ช่างน่าขำ แม้ว่าเคยรักกันมากขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำไว้นั้นรุนแรงเกินกว่าจะลืมได้ ไม่หรอก ไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดเราทั้งคู่อาจขีดเส้นระดับความสัมพันธ์ไว้ที่ “เพื่อน” เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

     แต่ถ้ายังรักมากและรับความเสี่ยงได้ การยอมคืนดีและให้โอกาสอีกครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่นับว่าผิดกติกา ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราหรอก เพราะเรื่องความรักเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครเก่งไปกว่าใคร และไม่มีสูตรสำเร็จใดที่ใช้ได้กับความรักของทุกคน

 

     ความรักนั้นละเอียดอ่อน หลากหลาย แตกต่าง มากแง่มุม และซับซ้อนเกินกว่าจะตีตราและเหมารวมว่าให้ทำแบบนี้แล้วจะดี ไม่เลยผิดถนัด รักคือการเรียนรู้กันและกัน ต้องลอง ต้องปรับ ต้องแก้ไปด้วยกัน ที่สำคัญรักเป็นวิชาที่ต้องเรียนรู้ทุกวันตลอดชีวิตความสัมพันธ์

     และสาเหตุที่ความรักคือความเสี่ยง ก็เพราะไม่มีอะไรสามารถการันตีได้ว่าชีวิตรักจะดำเนินไปตามที่วาดฝันไว้ ดังนั้นการกลับไปคืนดี เท่ากับว่าเราแบกรับทุกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ได้ หมายรวมถึงการถูกบอกเลิกซ้ำสองด้วย แต่ถ้ามันคือสิ่งที่ตัดสินใจเลือกแล้วก็ขอให้เชื่อมั่นในการเลือกตัวเอง และเตรียมใจเรียนรู้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

     ในท้ายที่สุด ไม่ว่าใครจะตัดสินใจอย่างไรแบบไหน ความจริงแท้ที่ทุกคนได้จะเรียนรู้ก็คือ ความรักของเราไม่เท่ากันและความรักคือความสัมพันธ์ที่มีราคาที่ต้องจ่ายด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ ซึ่งมีเพียงเราเท่านั้นที่รู้

 

     ถึงตอนนี้ทุกคนน่าจะได้คำตอบกันแล้วว่า “ควรทำอย่างไร เมื่อคนรักเก่ามาขอคืนดี และหวังให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม”