พรีเวดดิ้ง

Love Actually | ความหมายในภาพถ่ายก่อนแต่งงาน

ฉันมีความรักค่ะ เป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานและด้วยวัยก็มากพอที่จะแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราวได้แล้ว แต่ฉันไม่เคยคิดอยากมีงานแต่งของตัวเองเลยสักครั้ง เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ใช่พวกแอนตี้พิธีวิวาห์ เพียงแต่สบายใจที่จะรักกันไปแบบนี้ ซึ่งโชคดีที่บ้านเราต่างไม่ได้คาดหวังพิธีรีตองใดจากเราทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันรู้สึกดีใจเสมอ เมื่อเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่รักจะเป็นฝั่งเป็นฝา ฉันไปร่วมงานด้วยความยินดีจากใจ

     เพราะไม่เคยเห็นภาพตัวเองในชุดเจ้าสาว ภาพพรีเวดดิ้งที่คู่รักถ่ายก่อนถึงวันแต่งจริงจึงเป็นเรื่องไกลตัวฉันมาก เข้าใกล้ที่สุดก็คือ เพื่อนบางคู่ขอให้ฉันและคนรักช่วยถ่ายภาพพรีเวดดิ้งให้ ฉันรับหน้าที่จัดท่าจัดทางให้บ่าวสาว ส่วนคนข้างๆ เป็นช่างภาพ ฉันสนุกมาก อยากให้ภาพของเพื่อนออกมาสวย ทุกครั้งที่ได้ทำ ฉันตั้งใจทำให้เพื่อนเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน

     เป็นเพื่อนกัน จึงพอรู้รสนิยม เราไม่มีธีมอลังการงานสร้าง ไม่เอาชุดเจ้าสาวชายกระโปรงลากยาวไปกับพื้น ไม่มีการสะบัดผ้าขึ้นฟ้า ไม่มีมุมพิสดาร เราไม่บังคับบ่าวสาว คู่รักไม่คาดหวังกับคนถ่าย เอาสบายๆ เข้าว่า ให้แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย (แต่ก็ออกมาสวยอยู่)

     ต้องขอออกตัวอีกครั้ง ฉันไม่ได้ต่อต้านภาพพรีเวดดิ้งที่สร้างสรรค์ธีมหรือแต่งตัวกันจริงจังนะคะ ที่เคยเห็นคู่รักแต่งเป็นยอดมนุษย์ สวมชุดกังฟู สร้างสตอรีเป็นตัวละครในวรรณคดีไทย หรือใส่ชุดเครื่องแบบอาชีพต่างๆ ดูแล้วก็สนุกดี เพียงแต่ด้วยความชอบส่วนตัวและศักยภาพที่มี ฉันไม่สามารถทำให้เพื่อนได้ถึงขั้นที่ช่างภาพและสไตลิสต์พรีเวดดิ้งมืออาชีพเขาทำกัน

 

     อย่างที่เกริ่นข้างต้นว่าไม่เคยคิดจัดงานแต่งอย่างคู่อื่นเขา ภาพพรีเวดดิ้งสำหรับฉันจึงเป็นเรื่องล่องลอยไปโดยปริยาย แต่ก็เคยลองเสิร์ชดูเล่นๆ ถึงเหตุผลว่าทำไมคู่แต่งงานถึงถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกัน เจอหลายเหตุผลที่เข้าใจได้ 

     เขาบอกว่า การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งเป็นโมเมนต์แห่งความสุขที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดให้คู่บ่าวสาวในระหว่างการตระเตรียมงาน, เป็นเสมือนการซ้อมใหญ่สำหรับคู่ที่ใช้ชุดวันแต่งจริงมาถ่าย, เป็นการลดอาการตื่นกล้องให้คู่รักที่ไม่ค่อยคุ้นกับกล้อง เพราะวันจริงต้องถ่ายภาพกับแขกเหรื่อเยอะมาก, ภาพถ่ายที่ได้สามารถนำไปทำเป็นการ์ดเชิญ และตกแต่งสมุดเขียนอวยพรให้คู่บ่าวสาว, ใช้ทำเป็นภาพประดับภายในงาน หรือทำพรีเซนเทชันบอกเล่าเส้นทางความรัก และเป็นภาพความทรงจำที่สามารถเก็บไว้ในอัลบั้มภาพถ่าย หรือใส่กรอบติดผนังบ้าน

     เหตุผลทั้งหมดนี้อาจใช่ทั้งหมดสำหรับหลายคู่ แต่ก็อาจไม่ใช่สำหรับบางคู่ เพื่อนบางคนของฉันเลือกใช้ภาพถ่ายที่สองคนเคยไปเที่ยวด้วยกันมา เขาบอกว่าภาพที่สะสมระหว่างทางเหล่านั้นบอกเล่าความรักของเขาได้ดีกว่าภาพที่เซตถ่ายขึ้นมาใหม่ รุ่นพี่คนหนึ่งของฉันที่ปฏิเสธภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง เธอบอกว่า “เสียดายเงิน ไม่มีภาพพรีเวดดิ้งก็แต่งกันได้ เอาแค่ภาพวันงานก็พอแล้วไหม”

     ภาพพรีเวดดิ้งจำเป็นกับการแต่งงานหรือไม่ จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเฉพาะคู่อย่างมาก

 

     คู่เพื่อนที่ฉันทำภาพพรีเวดดิ้งให้ เขาเอาไปขยายใหญ่ใส่กรอบแล้วตั้งไว้ในบ้าน ไปบ้านเพื่อนทีไร ก็ยังได้เห็นภาพถ่ายนั้นอยู่ ไม่นานมานี้เองที่ฉันไปบ้านเพื่อนแล้วได้ยืนดูภาพเขาสองคนอย่างจริงจังอีกครั้ง เพื่อนอยู่ในชุดหล่อชุดสวย เดินจูงมือกันในสวน ภาพนี้ถูกใช้ในคืนงานแต่งงาน แล้วย้ายมาตั้งไว้ในบ้าน

     เพื่อนแต่งกันมากี่ปีมาแล้วนะ ฉันไม่แน่ใจในตัวเลข แต่วันนี้ สองคนมีเจ้าตัวเล็กและอยู่ในวัยที่กำลังเริ่มจ้อ ฉันอุ้มหลาน ยืนตรงหน้าภาพถ่าย ชี้ให้หลานมองตาม “นี่ใครคะ” หลานตอบเสียงใส “ป๊า” “แล้วนี่ใคร” “แม่”

     ตอนนั้นเองที่ฉันมองเห็นความหมายของภาพพรีเวดดิ้งที่ทำให้เพื่อน เด็กคนหนึ่งกำลังเติบโตขึ้น และมีภาพถ่ายนี้อยู่ร่วมในตลอดการเจริญเติบโตของเขา ภาพของพ่อแม่ที่เขาเกิดไม่ทันเห็น ภาพความรักที่นำมาสู่ชีวิตน้อยๆ ที่วันนี้ออกเสียงคำว่าป๊าและแม่ได้ชัดเจน

     รู้สึกทันที ภาพนี้ไม่ใช่เพียงของขวัญที่ฉันมอบให้เพื่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นของขวัญที่ถูกส่งต่อไปถึงเด็กอีกคน ให้เขาได้รู้ว่าก่อนเขาเกิด พ่อแม่ของเขาเคยหนุ่มสาวและงดงามอย่างไร วันนั้น ชวนให้ฉันนึกย้อนไปถึงความรู้สึกของตัวเอง ตอนที่เจอภาพถ่ายในวัยหนุ่มสาวของพ่อและแม่ ใจฉันพองโตมาก เสมือนได้เห็นการเดินทางมาของตัวเองผ่านภาพเหล่านั้น

     ภาพถ่ายปกติธรรมดาตอนไปเที่ยวด้วยกันที่เพื่อนอีกคู่ของฉันใช้ในงานแต่งงาน อันที่จริงก็สามารถเรียกว่าเป็นภาพพรีเวดดิ้งที่มีความหมายไม่น้อยไปกว่ารูปภาพที่ถูกเซตถ่ายขึ้นเป็นพิเศษ สาระของภาพจึงไม่ได้อยู่ที่เป็นภาพแบบใด ธีมอะไร หรือถ่ายที่ไหน แต่ความหมายคือสองคนในภาพนั้นต่างหาก ภาพที่ความรัก ความทรงจำ และสายสัมพันธ์ได้ถูกบันทึกไว้ให้อยู่ตลอดกาล ไม่ว่าชีวิตปัจจุบันจะเปลี่ยนแปรไปแค่ไหน

 

     เราถ่ายภาพกันไปทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อต้องการเก็บเกี่ยวชั่วขณะที่เพียงพริบตาเดียวก็เคลื่อนผ่าน เพื่อเป็นหลักฐานแก่วันพรุ่งนี้ว่าเราเคยมีวันนี้ร่วมกันจริงๆ เพื่อในวัยแก่เฒ่า เราได้เคลื่อนมือเหี่ยวย่นไปบนภาพถ่าย เตือนใจให้นึกถึงว่าความรักของเราเคยเบ่งบานเพียงใด และเพื่อที่เราจะได้บอกลูกว่า “ดูสิ แม่ของลูกตอนสาวๆ น่ารักแค่ไหน”

     ฉันเอง นานๆ ทีได้เปิดดูภาพถ่ายใบเก่าที่เคยไปเที่ยวกับคนรัก ก็ชื่นอกชื่นใจเหมือนได้ดื่มน้ำหวานเหมือนกันนะคะ และเราไม่จำเป็นต้องรอจัดงานแต่งงานถึงจะมีภาพพรีเวดดิ้งเลยค่ะ เราทุกคน คู่รักทุกคู่ ล้วนมี ‘ภาพถ่ายก่อนแต่งงาน’ ของเราเองทั้งนั้น ภาพถ่ายที่คุณทั้งสองร่วมกันให้ความหมาย