กำพร้าเพราะถูกแม่แท้ๆ ทอดทิ้ง, ค้นพบพรสวรรค์ในการเล่นกีตาร์และดนตรีบลูส์, สูญเสียผู้เป็นพ่อ, รักสามเส้ากับเพื่อนสนิท, ติดยาติดเหล้า, ประสบความสำเร็จ, ดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด, สูญเสียลูกชายผู้เป็นที่รัก, สร้างบทเพลงระดับตำนาน
ราวกับตัวละครลูเซอร์หรือนักดนตรีตกอับในหนังดราม่า แต่มันคือชีวิตจริงของ เอริก แคลปตัน ชายผู้ซึ่งชีวิตได้พาให้เขาไปรู้จักกับดนตรี และดนตรีได้ถาโถมอุปสรรคต่างๆ นานา พัดพาไปพบจุดเปลี่ยนชีวิตหลายต่อหลายครั้ง คล้ายกับการอิมโพรไวซ์สเกลบลูส์ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะไปจบตรงจุดไหน และเหตุการณ์หนึ่งที่แคลปตันจดจำไม่มีวันลืมเลือนย่อมหนีไม่พ้นเหตุการณ์สะเทือนใจจากการสูญเสียลูกชาย
มีนาคม ปี 1991 หนูน้อย คอเนอร์ แคลปตัน วัย 4 ขวบ โผจากอ้อมกอดของเอริก แคลปตัน ผู้เป็นพ่อ และลอรี เดล ซานโต ผู้เป็นแม่ ไปสู่สรวงสวรรค์ก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุ แคลปตันเสียใจจนต้องปลีกวิเวกไปยังเกาะแอนติกา (Antigua) บริเวณทะเลแคริบเบียนตะวันออก และใช้เวลาที่นั่นเกือบทั้งปีเพื่อเยียวยาจิตใจอันแตกสลาย ก่อนที่จะกลับมาเริ่มทำงานเพลงอีกครั้ง แม้ความโศกเศร้ายังอัดแน่นฝังใจ แต่เขายังต้องเดินต่อไป แคลปตันได้กลับมาทำงานเพลงในภาพยนตร์เรื่อง Rush (1991)
หากพูดถึงโศกนาฏกรรมครั้งนั้น หลายคนมักจะนึกเชื่อมโยงถึงเพลง Tears in Heaven ใช่, มันคือหนึ่งในบทเพลงอันโด่งดังและดีที่สุดตลอดกาล แต่นอกจากเพลงนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งบทเพลงที่ถ่ายทอดความร้าวรานของผู้สูญเสียได้แจ่มชัดราวกับการเขียนบันทึกลำดับเหตุการณ์ที่หัวใจของผู้เป็นพ่อแตกสลายลงไปอย่างช้าๆ และเนิ่นนาน… นั่นคือเพลง Circus Left Town หรือที่รู้จักกันในชื่อ Circus
แคลปตันเขียนบทเพลงนี้ในฤดูร้อนปี 1991 หลังเหตุการณ์เศร้าสลด ซึ่งเป็นเพลงที่แคลปตันมองย้อนกลับไปถึงคืนสุดท้ายที่เขาได้ใช้เวลากับลูกชายที่คณะละครสัตว์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา คืนนั้น แคลปตันและหนูน้อยคอเนอร์ต่างมีความสุข ใบหน้าของหนุ่มน้อยระหว่างดูการแสดงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและสายตาอันตื่นเต้น ข้างๆ ของเขาคือพ่อที่นั่งมองมายังลูกชายด้วยความเอ็นดู
โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มสุดท้าย หลังจากนี้พวกเขาจะต้องจากกันไปอีกนานแสนนาน …
ถึงแม้ Tears in Heaven จะเป็นเพลงบัลลาดเศร้า แต่ Circus กลับมีจังหวะคึกคัก และแฝงกลิ่นอายของความเป็น contemporary pop rock music แต่ถึงแม้เพลงจะมีจังหวะเร็ว แคลปตันเองก็พยายามแต่งโดยใส่คอร์ดไมเนอร์ไว้หลายท่อน เพื่อให้บทเพลงมีบรรยากาศของความหม่นเศร้า
Little man with his eyes on ffiire and his smile so bright.
In his hands are the toys you gave to ffiill his heart with delight.
‘หนุ่มน้อยมีประกายในดวงตา และรอยยิ้มของเขาช่างเจิดจ้า ในมือของเขามีของเล่นที่คุณมอบให้ เพื่อเติมเต็มความสุขในดวงใจ’
บทเพลง Circus แบ่งสัดส่วนอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ท่อนเวิร์สแรกแคลปตันบรรยายถึงลักษณะลูกชายของเขาที่ดูร่าเริง แสดงถึงความรู้สึกลึกซึ้งส่วนตัวที่เขาเชื่อมโยงกับคอเนอร์ ผ่านการบรรยายที่ตรงไปตรงมา เช่นคำว่า eyes on ffiire ราวกับคอเนอร์อยู่ในสายตาแคลปตันตลอดเวลา
เมื่อเรารู้สึกกับใครบางคนเป็นพิเศษ เพียงแค่มองตา บางทีเราก็เข้าใจความรู้สึกเขาได้โดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
And in the ring stands a circus clown holding up a knife.
What you see and what you will hear will last you for the rest of your life.
And it’s sad so sad. There ain’t no easy way round.
And it’s sad so sad. All you friends gather round.
‘Cause the circus left town
‘และในพื้นที่การแสดงนั้นมีเจ้าตัวตลกถือมีดอยู่ สิ่งที่ลูกจะได้เห็นและได้ยินต่อจากนี้นั้นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่อยู่กับลูกไปตลอดชีวิต และช่างน่าเศร้า ไม่มีวิธีใดที่ง่ายดายเลยในการเผชิญกับเรื่องนี้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ เพื่อนๆ ของคุณทุกคนมารวมตัวกัน เพราะคณะละครสัตว์ได้ออกจากเมืองนี้ไปแล้วนิรันดร์’
แคลปตันบรรยายในท่อนฮุกด้วยความเศร้าสร้อยถึงลูกชาย และเปรียบเปรยถึงเพื่อนๆ ของลูกชายที่จะมารวมตัวกันครั้งสุดท้ายหลังจากคณะละครสัตว์ได้ออกจากเมืองไป เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ BBC ในปี 1998 ว่า
‘คืนสุดท้ายที่ผมใช้เวลากับคอเนอร์ เราไปคณะละครสัตว์ด้วยกัน ได้เห็นตัวตลก ได้เห็นเสือ ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิเศษมาก หลังจบการแสดง พวกเราขับรถมุ่งหน้ากลับนิวยอร์ก สิ่งที่คอเนอร์จำได้ สิ่งที่คอเนอร์พูดถึง คือเหล่าตัวตลก เขาเห็นตัวตลกกับมีด ซึ่งผมไม่เห็น ตัวตลกบางตัววิ่งไปรอบๆ พร้อมกับควงมีดไปด้วย ฟังดูค่อนข้างน่าหวาดเสียวนะ แต่คอเนอร์ชอบมัน ผมหมายถึงว่ามันทำให้เขาตื่นเต้น และทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่อยู่ในเนื้อเพลงนี้ ผมจดจำได้ ผมเขียนเพลงเพื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น และเห็นว่าเขาเป็นเหมือนคณะละครสัตว์ในชีวิตของผม แต่อย่างที่คุณรู้ สิ่งพิเศษที่เรียกว่าคณะละครสัตว์นั้น ได้จากเมืองนี้ไปแล้วล่ะ’
ภาพของคณะละครสัตว์กลายเป็นของต่างหน้าที่เมื่อแคลปตันได้เห็น เขาจะหวนนึกถึงความทรงจำในคืนสุดท้ายที่มีความสุขกับลูกชาย คล้ายกับชีวิตของใครหลายคน ที่สิ่งของของคนสำคัญมักส่งเสียงดังก้องขึ้นในใจในวันที่เจ้าของสิ่งนั้นไม่อยู่แล้ว กลายเป็นน้ำหนักของความเศร้าและความรู้สึกคิดถึงที่กดทับอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ
Hold my hand and I’ll walk with you through the darkest night.
When I smile I’ll be thinking of you and every little thing will be all right
‘จับมือไว้ แล้วพ่อจะเดินไปกับลูก ก้าวผ่านความมืดมิดยามค่ำคืน เมื่อพ่อยิ้ม พ่อจะนึกถึงลูก และทุกสิ่งเล็กน้อยจะพลันเป็นปกติ’
ในท่อนนี้แคลปตันบรรยายถึงสิ่งที่เขาจะทำหากลูกชายยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อวันหนึ่งที่ความตายมาเยือน สิ่งที่เหลืออยู่คงเป็นเพียงความทรงจำ ความอบอุ่น ความรู้สึกที่ยังเชื่อมโยงถึงกัน ที่ช่วยเยียวยาให้ผ่านวันและคืนอันมืดมิดและเดียวดายไปได้ ไม่ว่าความทรงจำนั้นจะสั้นหรือยาว สมบูรณ์หรือเว้าแหว่ง มันจะกลายเป็นความทรงจำสุดท้ายที่ไม่มีทางเติมต่อ และจะอยู่กับคุณไปชั่วนิรันดร์
บทเพลง Circus ของเอริก แคลปตัน ทำให้เรานึกไปถึงเรื่อง ‘มรณานุสติภาวนา’ หรือ ‘การระลึกถึงความตาย’ การที่เราทุกคนต้องระลึกถึงความตายนั้นเป็นเพราะว่า ความตายเกิดขึ้นได้ตลอด หากระลึกได้ว่าเราจะต้องตายในวันใดวันหนึ่ง จะทำให้เกิดความไม่ประมาทและใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น ทำให้ได้ตระหนักถึงความเปล่าประโยชน์ในการสะสมทรัพย์สมบัติพัสถานที่ล้วนไร้ค่าในวันสุดท้ายของชีวิต รวมไปถึงการตระหนักถึงคุณค่าในการใช้ชีวิตของการทำ ‘วันนี้’ ให้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง เพื่อไม่ต้องพร่ำบ่นเสียดายทีหลัง
แน่นอน, มันเป็นสัจธรรมที่เราทุกคนล้วนรู้ดี แต่มักหลงลืมไปบ่อยๆ ในบางที
เมื่อนึกถึงโลกที่ทุกสิ่งอย่างล้วนสะดวกสบายขึ้นด้วยเทคโนโลยีอย่างในทุกวันนี้ แม้ด้านหนึ่งเราจะได้รับความสะดวกสบาย แต่อีกด้านกลับทำให้อะไรหลายๆ อย่างซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้สึกและความสัมพันธ์ ราวกับว่าโลกทางกายนั้นแคบลง แต่โลกทางจิตใจเรานั้นกลับยิ่งเหินห่าง
เราไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่มีต่อใครบางคนตรงๆ แต่เลือกที่จะเก็บซ่อนไว้และระบายออกผ่านโปรแกรมบนโลกเสมือนจริงมากกว่า หรือแม้กระทั่งเรานั่งอยู่ข้างๆ กัน แต่ตาและสมองของเรากลับจดจ่ออยู่ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนมือที่คั่นกลางอยู่ คุณอาจปฏิเสธว่า ‘เราไม่ได้ทำแบบนี้ตลอดเวลาสักหน่อย’ แต่เชื่อเถอะว่า ไม่มากก็น้อย มันกำลังค่อยๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงคุณให้เริ่มห่างออกจากความจริงรอบข้างไปสู่ความจริงบนโลกเสมือนทีละนิด
The circus left town, left town.
The circus left town, left town.
‘คณะละครสัตว์ออกจากเมืองไปแล้ว’
คงคล้ายกับเอริก แคลปตัน บางทีชีวิตก็พาเราอิมโพรไวส์ไปเสียไกล พาเราออกห่างจากถนนเส้นเดิมที่ได้วาดหวังเอาไว้ แล้วก็นำพาการลาจากที่ไม่ทันตั้งตัวมาสู่ชีวิตเรา
แน่นอนว่า ‘การระลึกถึงความตาย’ ไม่ได้ช่วยให้เราไม่ต้องตาย แต่ทำให้เรามีสติ นอกเหนือจากตัวเองแล้ว ยังทำให้เราพยายามหันมองคนรอบตัว เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริง เราจะอยากแสวงหาเวลาที่มีคุณค่าเพื่อใช้อย่างคุ้มค่าที่สุดระหว่างกันและกัน เพราะเราไม่รู้หรอกว่า ‘คณะละครสัตว์’ รอบสุดท้ายที่เราจะได้ดูพร้อมกับคนสำคัญในชีวิตคือเมื่อไหร่ และคณะละครสัตว์นั้นจะออกจากเมืองไปวันไหน
บางที… อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้
Recommended Tracks
01 Track: My Father’s Eyes Album: Pilgrim Released: 1998
02 Track: Tears in Heaven Album: Rush Released: 1992
03 Track: Wonderful Tonight Album: Slowhand Released: 1977