Come As You Are

Come As You Are: ‘จะมิตรหรือศัตรูก็มาดิครับ’ บทเพลงที่เรียกร้องให้ทุกคนเป็นอย่างที่เป็น

จากความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายของ Smells Like Teen Spirit ซิงเกิลนำในอัลบั้ม Nevermind ได้พาเนอร์วานา วงกรันจ์ร็อกแห่งอเมริกาทะยานสู่การเป็นวงที่ประสบความสำเร็จในกระแสหลักอย่างสวยงามในปี 1992

        หลังปล่อยอัลบั้มไปสองอาทิตย์ สมาชิกวงและบริษัทต้นสังกัดได้ถกเถียงกันว่าจะปล่อย Come As You Are หรือ In Bloom เป็นซิงเกิลถัดไป เนื่องจาก เคิร์ต โคเบน ฟรอนต์แมนของวง กังวลเกี่ยวกับ ‘ความคล้ายคลึง’ กันของท่อนริฟฟ์กีตาร์ในช่วงขึ้นต้นระหว่างเพลง Come As You Are กับเพลง Eighties ของวงพังก์ในอดีตอย่าง Killing Joke ที่ปล่อยมาในปี 1984 (ลองไปหาฟังดู จะรู้ว่ามีความคล้ายมาก) แต่ภายหลังการโน้มน้าวของบริษัทต้นสังกัด ในที่สุดเคิร์ตก็ตัดสินใจเลือก Come As You Are เป็นซิงเกิลที่สองเพราะเหตุผลที่ว่ามันมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์มากกว่า

        ไม่รู้ว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดหรือไม่ แต่อย่างน้อยรางวัลและความนิยมจากการขึ้นสู่ชาร์ต American top 40 hit, UK top 10 hit และไต่ไปถึงอันดับ 32 ใน Billboard top 100 รวมไปถึงการที่เพลงนี้ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะการันตีได้ว่าเคิร์ตและวงตัดสินใจเดินหมากไม่ผิด

        เคิร์ตอธิบายถึงเพลงนี้ไว้ว่า “มันเป็นเพลงเกี่ยวกับผู้คน และสิ่งที่พวกเขาคาดหวังอยากจะแสดงออก” ส่วนชื่อเพลง Come As You Are แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเคิร์ตตั้งขึ้นมาจากอะไร (จะไปถามก็ไม่ได้ เพราะเคิร์ตไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว) แต่มีข้อสันนิษฐานจาก ชาร์ลส์ อาร์. ครอส (Charles R. Cross) นักวิจารณ์เพลงและนักเขียน ว่าอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากม็อตโต้ของโรงแรมมอร์ก (Morck Hotel) ในบ้านเกิดของเคิร์ตที่อะเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายสถานที่ที่เคิร์ตไปพักอาศัยอยู่หลังออกจากบ้านในขณะที่เขาอายุได้ 17 ปี

 

        นอกจากดนตรีและเสียงร้องของเคิร์ตใน Come As You Are เนื้อเพลงที่เคิร์ตเขียนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ หลายช่วงหลายตอนเขาพรรณนาด้วยความย้อนแย้ง แฝงด้วยความรุนแรง ยิ่งบวกกับภาพลักษณ์ การแสดงออกทั้งท่าทางและคำพูด จึงทำให้หลายคนอาจมองว่าเขาเป็นพวกหลุดโลกและรุนแรง แต่นั่นคือเสน่ห์ความเป็นศิลปินของเคิร์ต ความตรงไปตรงมา ดิบเถื่อน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพและความใจกว้าง

        ครั้งหนึ่งเคิร์ตเคยพูดกับแฟนเพลงว่า “ถ้ามีใครก็ตามในกลุ่มพวกนายรังเกียจคนรักร่วมเพศ คนที่มีสีผิวแตกต่าง หรือผู้หญิง ช่วยกรุณาทำอะไรให้พวกเราอย่างหนึ่งนะ, ไม่ต้องสะเออะมายุ่งกับพวกกูเลย! อย่าให้เห็นว่ามาดูโชว์พวกกู แล้วก็ไม่ต้องมาซื้ออัลบั้มพวกกูด้วย”

        เคิร์ตจากไปในวัยเพียง 27 ปี จากการฆ่าตัวตายในบ้านพักที่ซีแอตเทิล ในวาระสุดท้ายฟรอนต์แมนที่วัยรุ่นต่างคลั่งไคล้ยกชูให้เป็นศาสดากลับต้องนอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจอย่างโดดเดี่ยวกลางกองเลือดแดงฉาน ถึงแม้ในช่วงที่ยังมีชีวิตผู้คนจะต่างพากันพูดถึงเคิร์ตไปในแง่มุมต่างๆ นานา แถมบุคลิกของเคิร์ตก็อาจดูเย็นชาและแปลกแยกจนคนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ลึกๆ แล้วเคิร์ตอาจจะอยากบอกว่า ‘นี่… ไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น ผมยินดีรับทุกคนเป็นพวกพ้องทั้งนั้นแหละ’ ก็ได้ เพียงแต่ ‘ความเป็นเคิร์ต’ ที่แสนแตกต่างจากคนปกติ อาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิดได้ง่ายเท่านั้น

        แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้สะท้อนอยู่ในเนื้อเพลง Come As You Are อย่างที่ไอคอนแห่งยุค 90s ต้องการจะสื่อ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะเป็นมิตรหรือศัตรู ถ้าเปิดใจยอมรับ คุณก็คือพวกพ้องเดียวกัน

        มาเถอะ, ไม่ต้องกลัว, มาอย่างที่คุณเป็นนั่นแหละ

 

 

Come as you are, as you were as I want you to be

As a friend, as a friend as a known enemy

Take your time, hurry up

Choice is yours, don’t be late

Take a rest as a friend as an old memoria

‘มาอย่างที่คุณเป็น อย่างที่คุณเคยเป็น นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการ ในฐานะเพื่อน ในฐานะศัตรูที่รู้จักกันดี ตามสบายเลย แต่รีบหน่อยก็ดี ทางเลือกอยู่ที่คุณนะ อย่าชักช้าล่ะ มาผ่อนคลายกันฉันมิตร เพื่อจะได้เป็นความทรงจำถึงความหลัง’

 

        ‘มาอย่างที่คุณเป็น’ ประโยคแรกของเพลงน่าจะเป็นใจความสำคัญที่สุดที่เคิร์ตต้องการจะสื่อ คำถามเกี่ยวกับตัวตน ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราเป็นหรือเคยเป็น และสิ่งที่โลกหรือสังคมพยายามให้เราเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนทุกยุคทุกสมัยต้องเผชิญ สิ่งที่เคิร์ตต้องการบอกเราอย่างตรงไปตรงมาคือ การพยายามสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้เป็นไปตามกระแสสังคมอาจไม่ใช่คำตอบ เพราะเราต้องสละความเป็นจริง ทิ้งตัวตนเราเพื่อไปเป็นคนอื่นที่เราอาจไม่ได้อยากเป็น นั่นอาจเป็นสิ่งอันตรายที่สุด เพราะนั่นหมายถึงเราอาจได้ละทิ้งคุณค่าความเป็นเราทิ้งไปเสียแล้ว

        ในท่อนนี้มีความย้อนแย้งบางอย่างเช่นกัน หลังการกล่าวถึงเพื่อน เคิร์ตได้เปลี่ยนมาพูดถึงศัตรู มีสุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า ‘จงเก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวยิ่งกว่า’ แน่นอนว่าความเป็นเพื่อนย่อมมีความหมายถึงความไว้วางใจในระดับที่มากกว่าปกติ และในความเป็นศัตรูก็ย่อมหมายถึงความไม่ไว้วางใจซึ่งกัน แต่หากเราเข้าถึงศัตรูอย่างใกล้ชิดได้ ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้รู้ความคิดและความเป็นไปได้ง่ายขึ้น

        ในบริบทเพลงนี้ เคิร์ตอาจจะอยากบอกว่า โดยที่ไม่ต้องแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างเพื่อนหรือศัตรู เพียงแค่ให้เราได้ลองเปิดใจทำความรู้จักฝั่งตรงข้ามเท่านั้น หรืออีกทางหนึ่ง เคิร์ตอาจจะบอกว่า เราไม่มีทางรู้หรอกว่าใครเป็นเพื่อนหรือศัตรูที่แท้ วันหนึ่งเพื่อนอาจกลายเป็นศัตรู และศัตรูอาจกลายเป็นเพื่อนก็ได้

 

Come doused in mud, soaked in bleach as I want you to be

As a trend, as a friend as an old memoria

‘มาสิ มาแช่ในโคลน มาฟอกสีจนขาว นั่นแหละคือสิ่งที่ผมอยากให้คุณเป็น ในฐานะกระแสนิยม ในฐานะเพื่อน เพื่อจะได้เป็นความทรงจำถึงความหลัง’

 

        นี่เป็นอีกท่อนที่เคิร์ตแสดงให้เห็นว่าเขาไม่แคร์ว่าคุณจะมาอย่างไร สำคัญคือสิ่งที่คุณเป็นนั่นแหละคือความจริง ‘Come doused in mud, soaked in bleach’ เป็นสโลแกนต่อต้านการใช้เฮโรอีนในซีแอตเทิลเมื่อปี 1990 ซึ่งประโยคที่แท้จริงเขียนว่า ‘if doused in mud, soak in bleach’ ถ้าลองดูดีๆ มันแสดงให้เห็นถึงขั้วตรงข้ามของกันและกัน mud คือโคลน หรือความสกปรก ส่วน bleach หมายถึงการฟอกขาว หรือความสะอาด

        แน่นอนว่าในบริบทของเพลงได้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นในแง่ร่างกาย อารมณ์ และที่สำคัญที่สุดคือสีผิว เคิร์ตอาจต้องการสื่อว่าให้ทุกคนอดทนและยืนหยัดในสิ่งที่ตนเองเป็น ไม่ว่าคุณจะมีสีผิวแบบใดก็ตาม และแน่นอน มาอย่างที่คุณเป็นนั่นแหละ

        ที่น่าสนใจอีกอย่างในท่อนนี้คือการพูดถึงเทรนด์ (หรือกระแส) หลายครั้งที่คนมีชื่อเสียงมักหลงลืมคนตัวเล็กๆ หรือเพื่อนที่พวกเขาเคยมี เพื่อนที่คอยสนับสนุนเขาตั้งแต่วันที่ยังนับศูนย์ จนวันหนึ่งได้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าเทรนด์ (อีกนัยหนึ่งก็คือกลายเป็นคนดัง) เคิร์ตเองเป็นศิลปินที่เกลียดความมีชื่อเสียง เขาเพียงแค่อยากจะสื่อว่าเขาต้องการจะปฏิบัติต่อผู้คนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าตัวเขาเองจะโด่งดังขนาดไหน

 

And I swear that I don’t have a gun

No I don’t have a gun No I don’t have a gun

‘และผมสาบานเลยนะ ว่าผมไม่มีปืนหรอก ไม่ ผมไม่มีปืนหรอก เชื่อสิ ผมไม่มีปืนแน่ๆ’

 

        นี่เป็นท่อนที่เคิร์ตอาจเล่าด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวก็ได้ เขารู้ว่าคนที่เข้ามาหาคนที่มีภาพลักษณ์อย่างเขาอาจหวาดกลัวว่าเขาเองอาจเปลี่ยนจากมิตรกลายเป็นศัตรูได้ในวันใดวันหนึ่ง และคนที่เข้ามาหาเขาจะรู้สึกปลอดภัยไหม? คำว่าปืนอาจมีความหมายถึงความรุนแรงที่ผู้คนมองมายังตัวเคิร์ต แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ สิ่งที่เคิร์ตอยากสื่อคือ เขาต้องการเพียงแค่มิตรภาพ และเขามาด้วยสันติ เขาต้องการเพียงแค่ความสัมพันธ์อันเรียบง่ายกับเพื่อนแท้สักคน หรือครอบครัวที่ดีก็เท่านั้น

        แต่สิ่งที่เป็นเรื่องตลกร้ายก็คือ เคิร์ตกลับเสียชีวิตด้วยปืนของตัวเอง

        อย่างไรก็ตาม เคิร์ตเคยให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า “เพียงเพราะผมใช้คำว่า ‘ผม’ ในเพลง ไม่จำเป็นว่าต้องหมายถึงตัวผมเองเท่านั้น หลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นแค่วิธีที่ผมใช้ในการเขียนเสมอ ผมสวมบทบาทเป็นบุคลิกคนอื่น ผมค่อนข้างทำแบบนี้บ่อย เพราะชีวิตผมมันค่อนข้างน่าเบื่อ ผมแค่เอาเรื่องพวกนี้มาจากสิ่งที่ได้อ่าน จากโทรทัศน์ หรือเรื่องราวที่ได้ยินมา บางทีอาจเป็นเพื่อนสักคนก็ได้”

        ใช่แล้ว ‘ผม’ หรือ ‘ฉัน’ ในเพลงนี้เป็นใครก็ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม มีชื่อเสียงหรือไม่ ยากดีมีจน แตกต่างกันอย่างไร เราล้วนอยู่บนพื้นดินเดียวกัน ไม่มีใครสูงไปกว่าใคร ทุกคนแลกเปลี่ยนกันฉันมิตรได้ หากลองเปิดใจ 

        แม้ภาพลักษณ์ของเคิร์ตและเนอร์วานาจะเป็นวงที่ดิบเถื่อนขนาดไหน แต่บทเพลงของพวกเขากลับมีเป้าหมายชัดเจนที่จะพูดถึงสันติ สิ่งนั้นเองทำให้วงยังคงได้รับความนิยมและกล่าวถึงมาจนทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าวงจะเข้าสู่ ‘นิพพาน’ ไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม

 

        ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง ผู้คนแบ่งแยกกันและกัน จะยังคงมีความหวังเสมอ ในทุกครั้งที่เพลงนี้ดังขึ้นพร้อมๆ กับภาพของ เคิร์ต โคเบน และผองเพื่อนในวงอย่าง เดฟ โกรห์ล และ คริส โนโวเซลิก ไม่ผิดหรอก หากคุณจะมองพวกเขาเป็นไอ้ตัวแสบ แต่นั่นแหละ แม้กระทั่งไอ้ตัวแสบอย่างพวกเขายังทำเพลงให้คนรักได้ ฉะนั้น อย่ากลัวที่จะเปิดใจรับความแตกต่าง เพราะในวันหนึ่ง สิ่งที่แตกต่างจากคุณมากที่สุด อาจกลายเป็นสิ่งที่คุณรักมากที่สุดก็ได้ ใครจะรู้?

        มาสิ มาเป็นเพื่อนกัน แต่มีข้อแม้เดียวคือ ขอให้มาอย่างที่คุณเป็นนั่นแหละ

 


Recommended Tracks

01 Track: In Bloom Album: Nevermind Released: 1991

02 Track: Breed Album: Nevermind Released: 1991

03 Track: Heart-shaped Box Album: In Utero Released: 1993