เช้าวันอาทิตย์ที่แสนสุขสงบและเนิบนาบเชื่องช้า ฝนโปรยปรอยลงมาด้านนอกหน้าต่างห้องนอน คุณพลิกตัวไปมาบนเตียงคลอเคลียกับคนรู้ใจสักคน ไม่มีธุระการงานใดมากวนใจให้วุ่นวาย ไม่มีสิ่งใดให้ต้องระแวดระวัง ทุกอย่างลงตัวราวกับเป็นห้วงเวลาบนสรวงสวรรค์
ก่อนจะระลึกได้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงช่วงเวลาชั่วครู่ชั่วคราว เมื่อพ้นวันแสนสุขไป การงาน ผู้คน และการต่อสู้กับเรื่องน่าปวดหลายอย่างก็กลับมาสู่วังวนปกติ ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในช่วงระหว่างสัปดาห์ให้คุณต้องจัดการ และตามแก้ไขให้ลุล่วง
แน่นอนว่าคุณก็เฝ้ารอจนกว่าเวลาจะล่วงเลยกลับสู่ห้วงแห่งความสงบสุขในวันอาทิตย์ที่คิดถึง และซุกตัวในอ้อมกอดของบุคคลผู้เป็นที่รักอีกครา (ถ้ามี) เติมพลังให้ใจที่อ่อนล้า ก่อนจะต้องบ่ายหน้าออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกที่วุ่นวายอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็นวัฏจักรของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต…
สิ่งที่เล่าไปในช่วงต้นมีเค้าโครงจากเพลง Sunday Morning บทเพลงจากอัลบั้ม Songs About Jane ของวงดนตรีพ็อพอเมริกันขวัญใจแฟนเพลงอย่าง Maroon 5 ในปี 2002
ในทีแรกเพลงนี้ไม่ถึงกับเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ หากเทียบกับซิงเกิลเปิดตัวอย่าง This Love หรือ She will be Loved ที่โด่งดังเป็นพลุแตก แต่ก็ยังสามารถทะยานไปสู่อันดับที่ 31 ในชาร์ตเพลงฝั่งอเมริกา รวมไปถึงอันดับที่ 27 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียได้
ที่สำคัญ Sunday Morning ยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ดนตรีมากมาย และว่ากันว่า Sunday Morning นี่ต่างหาก เป็นเพลงที่ทำให้ Maroon 5 ได้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มกับ Octone Records ซึ่งผู้บริหารของค่ายอย่าง เบน เบิร์กแมน (Ben Berkman) ถึงกับเรียกขานเพลงจังหวะสุดชิลนี้ว่า ‘ที่สุดแห่งอัจฉริยภาพ’ เลยทีเดียว
มีคำกล่าวขำๆ ของแฟนเพลง Maroon 5 หลายคนบอกว่า ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้จะทำให้พวกเขานึกย้อนไปในช่วงที่ Maroon 5 หมายถึง ‘ทุกคนในวง’ ไม่ได้หมายถึงแค่ ‘อดัม เลวีน’ เหมือนทุกวันนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของอดัมที่เป็นฟรอนต์แมนของวง รวมไปถึงบทบาทอันโดดเด่นอื่นๆ ที่เขามีโอกาสได้รับ ทั้งการเป็นหนึ่งในโค้ชรายการ The Voice และปรากฏตัวในภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทำให้อดัมโดดเด่นกว่าเพื่อร่วมวงคนอื่นๆ แต่นั่นก็ไม่เคยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในวงลดลง เพราะหากเปรียบ Maroon 5 เป็นบุคคล ก็คงเป็นบุคคลผู้เป็นที่รัก ที่มอบความสบายใจให้สมาชิกทุกครั้งที่ได้กลับมารวมวงกัน แน่นอนว่ารวมถึงอดัมด้วย ไม่เช่นนั้นเราคงไม่เห็น Maroon 5 ยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบันนี้
เหมือนที่ครั้งหนึ่ง เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine) มือกีตาร์ของวง เคยให้สัมภาษณ์ว่าสมาชิกเองไม่ได้มีปัญหากับประเด็นนี้เลย
“การที่เขา (อดัม) ได้รับโอกาสให้ลองทำบทบาทอื่นๆ ก็ทำให้วงของเราพลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วยกัน ผมว่ามันมีคุณค่ามหาศาลเลยแหละ วงเราเองก็ถือว่าสร้างชื่อมาด้วยกันอย่างมั่นคงแล้ว เรามีลิสต์เพลงที่ดีมากมายซึ่งบางคนอาจคุ้นหูแต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร การที่อดัมไปโผล่ในรายการโทรทัศน์ก็คงทำให้เขาได้รู้ว่ามันเป็นเพลงของวงเรา”
Sunday morning, rain is falling
Steal some covers, share some skin
Clouds are shrouding us in moments unforgettable
You twist to ffiit the mold that I am in
‘ฝนโปรยปรอยลงมาในเช้าวันอาทิตย์ เราสองหยอกล้อแกล้งขโมยผ้าห่มบนเตียง โอบรัดเบียดแบ่งร่างกายให้แนบชิดกัน เมฆหมอกปกคลุมห่อหุ้มเราไว้ในช่วงเวลาที่แสนน่าจดจำ และคุณก็พยายามเขยิบจัดระเบียบร่างกายให้สอดประสานไปด้วยกัน’
บทเพลงเริ่มต้นด้วยการบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองบุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นคู่รักกัน ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับความอบอุ่นบนเตียงในเช้าวันอาทิตย์ที่ไม่เร่งรีบ ขณะที่สภาพอากาศด้านนอกมีฝนโปรย แต่ถึงแม้อากาศข้างนอกจะไม่เป็นใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนสองคนที่ใช้เวลายามเช้าด้วยกันมีความอึดอัดใจ ตรงกันข้าม มันนำมาซึ่งความผ่อนคลาย ความสบายใจ และเติมแต่งให้เป็นบรรยากาศของการพักผ่อนที่น่าจดจำเสียอีก
But things just get so crazy, living life gets hard to do
And I would gladly hit the road, get up and go if I knew
That someday, it would lead me back to you
That someday, it would lead me back to you
‘แต่ทุกๆ สิ่งในชีวิตก็ยังคงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส และฉันก็ยังยินดีที่จะกระโจนออกไปบนถนนเหล่านั้น หากฉันได้รู้ว่าสักวันหนึ่ง เส้นทางนี้จะนำพาให้ฉันกลับมาหาคุณ’
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาแห่งเช้าวันอาทิตย์ที่จะแสนสุขสันต์ขนาดไหน แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และเป็นเพียงเศษส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น เพราะอีกด้านหนึ่ง เรายังมีบทบาทชีวิตอีกหลายด้านที่กำลังดำเนินไปและต้องจัดการ โดยเฉพาะเรื่องการงาน บางครั้งชีวิตของการทำงานก็ดูซับซ้อน วุ่นวาย นอกเหนือการควบคุม บางครั้งเรื่องยากๆ ในชีวิตก็พุ่งเข้าใส่คุณอย่างหนักหน่วง ไร้ความปรานี กลายเป็นความท้าทายที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน
แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ยังบอกคุณว่า อีกไม่นานก็จะได้พบวันอาทิตย์ที่แสนสุข และคนรักที่รอคอยอยู่เสมอ
That may be all I need
In darkness, she is all I see
Come and rest your bones with me
Driving slow on Sunday morning
And I never want to leave
‘นั่นอาจเป็นทุกสิ่งที่ฉันต้องการ ท่ามกลางความมืดมิด คุณเป็นคนเดียวที่ฉันมองเห็น มาสิ เข้ามาพักใจกับฉัน ขับรถเชื่องช้าไปในเช้าวันอาทิตย์กัน และฉันจะไม่มีวันห่างคุณไปเลย’
ความมืดมิดเปรียบเสมือนช่วงเวลาที่สับสนไร้ทางออก แต่กระนั้นคนที่อยู่เคียงข้างเราก็เป็นแสงสว่าง เป็นความหวัง และเป็นที่พักพิงให้กับหัวใจที่อ่อนล้าเสมอ ตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากระหว่างสัปดาห์ จนถึงการตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกันในสุดสัปดาห์ และการนั่งรถออกไปอย่างเชื่องช้าด้วยกันในเช้าวันอาทิตย์ ล้วนบ่งบอกถึงระยะของความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่ความหลงใหล แต่เป็นความใกล้ชิดที่ได้ผ่านทั้งเรื่องราวที่ดีและแย่มาด้วยกัน
Fingers trace your every outline
Paint a picture with my hands
Back and forth we sway like branches in a storm
Change the weather, still together when it ends
‘ปลายนิ้วไล่เรียงไปบนส่วนเว้าโค้งของเรือนร่างคุณ วาดเป็นภาพของคุณด้วยมือฉันเอง ปัดแกว่งไปมาราวกับกิ่งก้านไม้ที่ลู่ลมพายุ ถึงสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็เถอะ เราก็ยังคงอยู่ด้วยกันกระทั่งทุกอย่างสิ้นสุดลง’
เนื้อเพลงสุดโรแมนติกท่อนนี้เปรียบเปรยให้เห็นว่าร่างกายเปรียบเสมือนงานศิลปะที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาจากฝีมือของกันและกัน เป็นสายใยและผลลัพธ์ของความผูกพันที่ถักทอขึ้นมาผ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาทดสอบ ความสัมพันธ์ของคนสองคนย่อมต้องมีทั้งช่วงที่ดีและเลวร้าย คล้ายกับคำว่าสภาพอากาศที่ใช้ในเนื้อเพลง เปรียบเสมือนความไม่ง่ายดายและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในทุกความสัมพันธ์เสมอ แต่หากสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้โดยที่ยังไม่ปล่อยมือกัน ความสัมพันธ์ย่อมกระชับแน่น และแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
ความเป็นจริงของชีวิตได้กระซิบบอกว่าความสุขสงบไม่ได้อยู่กับเราตลอด เช่นเดียวกับความทุกข์วุ่นวายก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดเช่นกัน ทุกอย่างล้วนมีวาระและเวลา
เพียงแต่ในช่วงเวลาที่มืดมิดและดูสับสนไร้หนทาง เราต้องค้นหาแสงแห่ง ‘ความหวัง’ ที่จะจุดประกายและเป็นพลังให้เราลุกขึ้นยืนก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้ เพื่อไปพบกับสิ่งที่รอคอยในบั้นปลาย สำหรับบางคนอาจเป็นการรอคอยที่จะได้พบคนรัก บางคนอาจเป็นการเฝ้ารอวันที่ผลลัพธ์จากงานที่ปลุกปั้นมาจะสำเร็จสักวัน หรือบางคนอาจเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เช่น การรอได้ทานอาหารอร่อยๆ พร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่บ้านในช่วงเย็นย่ำหลังเลิกงาน หรือการรอคอยให้ถึงสุดสัปดาห์เพื่อดูการแข่งขันกีฬาดีๆ สักแมตช์
เพราะมีสิ่งที่รอคอยให้เรากลับไปพบ เรื่องราวในทุกๆ วันที่ได้พานพบจึงมีความหมายและคุ้มค่าที่จะเผชิญ
Recommended Tracks
01 Track: Goodnight Goodnight Album: It Won’t Be Soon Before Long Release: 2007
02 Track: I Can’t Lie Album: Hands All Over Release: 2010
03 Track: Just a Feeling Album: Hands All Over Release: 2010