เกือบ 4 ปีเชียวที่กว่า Mac DeMarco จะกลับมาเล่นที่เมืองไทยอีกครั้ง ถ้าเป็นความรัก ความสัมพันธ์คงได้เทกันไปแล้ว ไม่อยากเห็นแม้แต่เงา แต่พอเป็น Mac DeMarco เท่านั้นแหละ อย่าว่าแต่ 4 ปีเลย นานกว่านี้คิดว่าก็รอไหว
เราไม่รู้ว่าครั้งที่แล้ว ที่ Mac DeMarco มาเล่นที่ไทยครั้งแรกบรรยากาศเป็นอย่างไร มาเสิร์ชทีหลังทราบว่าจัดที่ Cosmic Cafe ตอนปี ค.ศ. 2013 ซึ่งเล็กกว่ามาก ๆ ถ้าเทียบกับการแสดงครั้งที่สองที่ Voice Space โดย Singha Light Live Series Vol 3.2 – Mac DeMarco ถือว่าสมศักดิ์ศรีของเจ้าพ่อผู้บุกเบิกดนตรีสไตล์ Bedroom pop
ก่อนหน้าที่แมคจะมาแสดงที่ไทย 3 วันก่อน เขาไปเล่นที่เทศกาลฟูจิร็อก ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความที่เราเนิร์ดในตัวเขา ก็อดไม่ได้ที่จะดูไลฟ์สดเพื่อส่องดูเพอร์ฟอร์แมนซ์ว่าเขาใช้ไม้ไหนที่ญี่ปุ่น เล่นอะไรยังไง ตีลังกากี่ตลบ แต่พอมาเจอการดีไซน์เวทีที่ไทย ที่มีแป้นบาสตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ 3 อัน ก็อดตั้งคำถามกับเพื่อนข้างๆ ไม่ได้ว่า ‘พี่แมคจะทำอะไรกับแป้นบาสนั่นป่ะวะ’ เพราะเขาเป็นคนสนุกเกินกว่าจะเมินสิ่งเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นว่าตอนนั้นเราลุ้นว่าเขาจะเล่นอะไรบนเวที มากกว่าจะร้องอะไรเสียอีก
สี่ทุ่มตรงเป๊ะ เราก็เห็นแมคเดินชิลขึ้นมาบนเวทีหลังจากที่สองวงเปิดที่ทำได้ดีมาก ๆ อย่าง Gorn Clw และ temp. เปิดการแสดงไป สิ่งที่พี่เขาทำเป็นอย่างแรกไม่ใช่การทักทายคนดูด้วยความรักหรือ appreciate แฟนๆ ที่ทะยอยเข้ามาในฮอลล์จนแน่ แต่กลับเป็นการหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาเปิด แล้วยิ้มกะล่อนโชว์ซิกเนเจอร์ฟันห่าง วินาทีนั้นก็สบถในใจได้ทันทีเลยว่า ‘แมคนี่มันแมคจริงๆ’
เรื่องแฟชั่นของ Mac DeMarco เป็นสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้น เพราะแมคที่เรารู้จัก มักจะอยู่ในเสื้อโอเวอร์ไซซ์กับกางเกงที่มีกระเป๋าเสมอ และมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงแฟชั่นของตัวเองไปทางไหนจากที่เป็นอยู่แน่นอน เพราะเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร The Gradient ว่า เขาคือขั้วตรงข้ามของ ‘cool guy fantasy’ ไอ้แนวสูงหล่อ เซ็กซี่ ร็อกสตาร์น่ะ ไม่มีทางได้แอ้มเขาแน่นอน ลุกส์ป๊ะป๋ายุค 90s นี่แหละตัวเขา
หลังจากเปิดเบียร์ แมคเริ่มคอนเสิร์ตด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุด This Old Dog จังหวะยั่วยวนชวนสะโพกขยับ แล้วต่อด้วย Salad Days จังหวะน่ารัก ถ้าใครเป็นแฟนคลับสายแข็งก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นเพลงอะไรตั้งแต่โน้ตแรกที่ได้ยิน
อีกสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดมากในคอนของป๊ะป๋าคือแฟนคลับที่หลากหลาย เราเห็นคนหลายรุ่น เหมือนเอาเด็กมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ปีสอง ปีสาม และปีสี่มารวมกัน ความสนุกคือการเห็นรีแอ็กชันของคนแต่ละวัย โดยเฉพาะน้องๆ ที่พลังเยอะ และนั่นได้สะท้อนให้เห็นว่า Mac DeMarco ไม่เคยหายไปไหน เขายังอยู่ทุกยุค
สิ่งที่ชอบมากๆ คือวัฒนธรรมการดูคอนของแมคในเพลง One More Love Song ที่เขาให้คนดูหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุด เป็นการแทนที่วัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตที่เดี๋ยวนี้ชอบใช้แสงแฟลชจากมือถือ ซึ่งเคยฮิตทำกันมากเมื่อช่วงปี 60s แต่ดูเหมือนว่าความโรแมนติกกับป๊ะป๋าแมคจะไม่ใช่ของคู่กัน เขาทำให้เราอินกับแสงของไฟแช็กในเพลงรักซึ้งๆ ไม่ทันไร ก็เล่นแผลงๆ ด้วยการโดดขึ้นบนตู้ลำโพงแล้วโดดฉีกขาท่ากบลงมา เออ นี่ค่อยสมกับเป็นป๊ะป๋าหน่อย
แล้วเวลาก็เริ่มเดินหน้าไปเรื่อยๆ ยิ่งใกล้จบก็เหมือนอะไรก็เป็นไปได้ เพราะเมื่อถึงช่วงทอล์ก แมคก็ส่งไมค์ให้โจ (มือกลอง) แล้วตัวเองก็ไปตีกลองแทน แต่แทนที่เราจะได้ซาบซึ้งกับสกิลการตีกลองของแมค โจกลับแย่งซีนทุกอย่าง ด้วยการประกาศหาคนร่วมอุดมการณ์ช่วง after party หลังจบคอน และบอกว่าเขาจะอยู่ไทยต่อคนเดียวอีก 2-3 วัน พูดยาวมากเหมือนโดนเพื่อนทั้งวงทิ้งให้อยู่คนเดียวต่อทั้งที่ตัวเองเลือกอยู่เอง ก่อนตบท้ายด้วยการแจกเบอร์โทรศัพท์ โดยมีเสียงกลองของแมคคลอไปพร้อมๆ กัน เราทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มเอ็นดูให้พวกเขาเท่านั้น
และก็ดูเหมือนว่าตั้งแต่คุณโจมือกลองออกมา คอนเสิร์ตก็เริ่มแรนดอมและเข้าสู่ช่วง ‘อะไรวะเนี่ย’ ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เล่นเพลง Freaking Out The Neighborhood จบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คือความสด และไร้ซึ่งทิศทางล้วนๆ เริ่มขนเพลงที่ไม่ได้เล่นมานานมาเล่น แล้วก็แก้เขินด้วยการบอกคนดูว่า ถ้าเล่นผิดก็ช่างมันนะ ก็แหม่ นี่เป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของทัวร์ครั้งนี้ เวลาอะไรก็ตามที่มีคำว่า ‘ครั้งสุดท้าย’ ต่อท้าย เรามักจะอยากทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งป๊ะป๋าแมคและวงของเขา ที่เทียวเวียนกันมาพูดใส่ไมค์ ขนาดมือคีย์บอร์ดที่อยู่นิ่งๆ มานานยังมาแจมกับพี่โจมือกลองที่ลุกจากตำแหน่งมือกลองมาครองไมค์อีกครั้ง แล้วเริ่มเข้าสู่ช่วงคัฟเวอร์เพลง
เราแทบไม่ต้องตะโกนขออังกอร์เพราะพวกเขาจัดให้แบบไม่ต้องขอ แป้นบาสด้านหลังถูกใช้งานเป็นที่เรียบร้อย อุปกรณ์ที่ใช้โยนทำแต้มได้เปลี่ยนจากลูกบาสที่คนทั่วไปใช้กันเป็นกระป๋องเบียร์ และมันจะไม่ใช่โชว์ของ Mac DeMarco เลยถ้าไม่มีการเล่น Crowd Surffiing ในตอนจบ ทุกอย่างแรนดอมและสนุกขึ้นเรื่อยๆ แต่ในใจเรารู้ดีว่าความสนุกครั้งนี้กำลังจะจบลงในไม่ช้า
เรามอง Mac DeMarco ที่กำลังลาเวทีด้วยร้อยยิ้มพร้อมกับข้อมูลที่เรามีในหัว เขาคือผู้ชายอายุ 27 ย่าง 28 ที่เติบโตจากแม่เลี้ยงเดี่ยว แยกอยู่กับพ่อตั้งแต่อายุ 5 ขวบ อินเทอร์เน็ตอธิบายเขาไว้ว่าเป็น นักร้องและนักแต่งเพลงสุดเพี้ยนแทบจะทุกบทความ แต่เราว่าเขาคือศิลปินที่น่ารักที่สุดที่เราเคยดูมา เขาจริงใจ เขาเต็มไปด้วยพลัง เขาเป็นธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในประสบการณ์ทางดนตรีที่ดีที่สุดที่เราได้รับ เติมไฟให้เราอยากหาเงินให้เก่งแล้วออกไปหาประสบการณ์ทางดนตรีอีกเรื่อยๆ ในขณะที่เรายังมีแรง เหมือนที่เขาเองก็ไม่หยุดที่จะส่งความสุขผ่านเสียงเพลงและไม่หยุดตีลังกาบนเวทีเหมือนกัน
เรื่อง: วัลญา นิ่มนวลศรี ภาพ: Have You Heard?