Along with the Gods

The Review | Along with the Gods ทำอะไรไว้ก็ต้องกลับมารับผิดชอบ

ปรากฏการณ์ของ Along With the Gods ทั้ง 2 ภาค ทำให้เราหวนกลับไปนึกถึงหนังเอเชียในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดกำลังเริ่มบุกอย่างหนัก นานๆ จะมีหนังสักเรื่องโผล่ขึ้นมาเพื่อเป็น The One ให้กับวงการหนังเอเชีย ซึ่งในความทรงจำของเรานั่นคือ The Storm Riders (ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า, 1998) จากนั้นก็ทิ้งช่วงมายัง Infernal Affairs (สองคนสองคม, 2002) หลังจากนั้นเราก็แทบหาหนังเอเชียที่ทำเงินถล่มทลายได้ยากมากๆ ซึ่ง Along With the Gods ทั้ง 2 ภาค นอกจากจะเป็นหนังทำรายได้มหาศาลแซงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของฮอลลีวูดทุกเรื่องที่ฉายในเกาหลีอยู่ตอนนี้แล้ว ความเฉพาะตัวของหนังคงเป็นเรื่องของความเชื่อ คติทางศาสนาที่ทำให้หนังฝรั่งเองไม่สามารถเข้าถึง และเอาไปทำตามอย่างกลมกล่อมได้

Along with the Gods

 

Along with the Gods: The Two Worlds 

เวียนว่ายตายเกิด ทำอะไรไว้ต้องได้รับการสะสาง

     หนังในองก์แรกพาเราไปรู้จักโลกความตายของจักรวาลหนังเรื่องนี้ (เพราะทราบข่าวมาว่ากำลังจะมีภาคที่ 3 และ4 ตามมา) ซึ่งภาพนรกในหัวของผู้กำกับ คิมยงฮวา นั้นเชื่อว่าเมื่อใครสิ้นอายุขัย วิญญาณของคนๆ นั้นจะมีเวลา 49 วัน เพื่อเดินทางไปยังนรกทั้ง 7 ขุม เพื่อรับการตัดสินโทษ (นรกของคนหลอกลวง นรกของคนเกียจคร้าน นรกของความอยุติธรรม นรกของคนทรยศ นรกบาปฆาตกรรม นรกแห่งความรุนแรง และนรกของผู้อกตัญญู) โดยมีตัวละครหลักเป็นนักดับเพลิงที่เสียชีวิตระหว่างปฎิบัติงาน และหน้าที่ของยมฑูตที่มานำวิญญาณของนักดับเพลิงเคราะห์ร้ายคนนี้ไปตัดสินคือ ทีมของ 3 ยมทูต กังลิม, เฮวอนเม็ก และ อีด๊อกชุน ที่ต้องพาวิญญาณของชายคนนี้ไปยังโลกหลังความตายที่ระหว่างทางมีอันตรายแฝงอยู่อย่าง แม่น้ำกินคน, ป่าใบมีด, หลุมดูดร่างขนาดยักษ์ หรือกองทัพนักรบทราย และถ้าดวงวิญญาณนี้ได้รับการตัดสินให้ไปเกิดใหม่ พวกเขาก็จะถือว่าสะสมแต้มในการทำงานได้ครบ และถูกส่งตัวไปเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งในเรื่องของระบบการตัดสินความผิดนี้ใช้หลักการเดียวกับการพิพากษาของโลกมนุษย์ มีผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด นอกจากหัวหน้ายมฑูตกังลิมจะเป็นผู้ปกป้องดวงวิญญาณแล้ว ยังต้องทำหน้าที่เป็นทนายคอยแก้ต่างให้กับลูกความของเขาด้วย  และมีอีกสองยมฑูตเป็นผู้ช่วย

 

Along with the Gods

 

     เราชอบแนวความคิดของการตัดสินบาปในเรื่องนี้ที่อ้างอิงระบบการพิพากษาของโลกมนุษย์ นั่นเพราะในเรื่องจะเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ในนรกล็อบบี้กันเองเพื่อผลประโยชน์บางอย่างซึ่งเป็นมุกที่เสียดสีความยุติธรรมได้อย่างเจ็บแสบ และรู้สึกว่าแม้แต่ในโลกหลังความตายนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่น่าไว้วางใจ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้

     ถึงแม้หน้าหนังจะฉาบไว้ด้วยความเป็นแอ็กชัน แฟนตาซี แต่เนื้อหาในองก์หนึ่งกลับพูดถึงเรื่องของครอบครัว ความผูกพัน การทรยศหักหลัง การไม่ปล่อยวาง และการยอมรับความจริงผ่านเส้นเรื่องของการสืบสวนสอบสวนย้อนอดีต และการเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้อย่างกลมกล่อมน่าติดตาม

 

Along with the Gods

 

Along With The Gods: The Last 49 Days

สวรรค์อาจจะไมไ่ด้อยู่ในอก แต่นรกนั้นอยู่ในใจเสมอ

     องก์ 2 ของหนังเริ่มต้นต่อจากองก์แรกแบบไม่ทิ้งช่วง และในครั้งนี้ยมฑูตทั้ง 3 ได้มาเจอกับตัวละครใหม่อย่าง ซองจูชิน เทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาบ้านของมนุษย์ ซึ่งในอดีตเขาเป็นเป็นยมฑูตที่นำวิญญาณของยมฑูตทั้ง 3 นี้ไปตัดสิน และรู้ว่าในอดีตตอนที่พวกเขามีชีวิตอยู่นั้นคือใคร ทำอะไรร่วมกันมา

     เรื่องราวของหนังภาคนี้แม้จะเป็นแอ็กชัน-แฟนตาซีเหมือนเดิม แต่ก็เดินหน้าด้วยประเด็นของการคลี่คลายปมของ 3 ยมฑูตเป็นหลัก หนังจึงตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบัน ที่เล่าเรื่องแบบคู่ขนานไปด้วยกัน เพื่อพาคนดู (และตัวละคร) ไปพบกับที่มาที่ไปว่าโศกนาฏกรรมอะไรที่ทำให้คนทั้ง 3 ต้องกลายมาเป็นยมฑูตที่ทำงานด้วยกันมาเป็นพันปี

 

Along with the Gods

 

     สิ่งที่เราชอบในหนังภาคนี้คือ การตัดอารมณ์ดราม่าฟูมฟายบีบน้ำตาที่มีอยู่ในหนังภาคแรกออกไป แล้วมุ่งไปสู่เรื่องของการต่อสู้กับความรู้สึกผิดในใจของแต่ละคน หัวหน้ากังลิม ที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความผิดบาปที่ตัวเองก่อไว้ตลอดมา ยมทูตนักสู้เฮวอนเม็ก กับการยืนอยู่ตรงทางแยกของความเชื่อใจในตัวหัวหน้ากังลิม ยมทูตเจ้าปัญญา อีด๊อกชุน ที่ต้องพบกับความจริงอันโหดร้ายทั้งตอนที่มีชีวิต และโลกหลังความตาย หรือแม้แต่เทพเจ้าประจำบ้านร่างหมี ที่พบว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด เอาเงินของชายแก่ที่เขาดูแลปกป้องอยู่ไปลงทุนในตลาดหุ้นจนกลายเป็นหนี้สินมหาศาล

     เรื่องราวทั้งหมดที่ดูแตกกระจายไปกันคนละทิศละทาง สุดท้ายๆ ค่อยๆ ถูกตบจนกลายเป็นประเด็นเดียวนั่นคือ การชำระล้างความรู้สึกผิดในใจของแต่ละคน และก้าวข้ามผ่านไปด้วยบทเรียนที่ราคาแพง

 

Along with the Gods

Along with the Gods

 

     หนังเรื่องนี้ให้ข้อคิดเดียวกับตัวละครนายตำรวจที่หลิวเต๋อหัว แสดงไว้ใน Infernal Affair นั่นคือเมื่อกรรมหมายถึงการกระทำ และทุกการกระทำก็ต้องเกิดผลกระทบต่อมา ไม่มีพลังอำนาจใดที่จะมาลบล้างความผิดที่เคยทำไว้ได้ ถ้าเรายังคงดื้อดึงไม่ยอมรับ และหาทางคลี่คลายความรุ้สึกผิดบาปของตัวเอง ก็ไม่ต่างกับตัวละครในเรื่องที่แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนที่สง่างาม มีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้นั้น กลับเป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกที่ตัวเองสร้างเอาไว้เป็นพันๆ ปี