Long Shot

The Review | Long Shot อยากรักก็ต้องเสี่ยง

โจนาธาน เลไวน์ (Jonathan Levine) เคยสร้างความประทับใจให้กับเราในหนังรักซอมบี้ Warm Bodies (2013) และหนังให้กำลังใจผ่านเรื่องราวของชายเป็นโรคมะเร็งใน 50/50 (2011) เมื่อเขาเข้ามากำกับผลงานชิ้นล่าสุด Long Shot (มีชื่อภาษาไทยอย่างเป็นทางการว่า นายโคตรแน่ขอจีบตัวแม่หน่อย) ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจอยู่พอสมควร เพราะฝีมือในการสร้างเคมีระหว่างตัวละครให้ออกมากุ๊กกิ๊กสมกับเป็นหนังรักนั้นก็เชื่อมือได้อยู่ อย่างใน Warm Bodies เขาก็สร้างโลกของคู่รักคนธรรมดากับซอมบี้หนุ่มจอมเปิ่นให้ออกมาได้จิกหมอนจนเราต้องกลับไปดูซ้ำ ส่วนใน Long Shot ก็ได้นักแสดงตลกตัวพ่ออย่าง เซธ โรเกน (Seth Rogen) ที่กวาดมาแล้วทั้ง Canadian Comedy Awards ในปี ค.ศ. 2008-09 กับ American Comedy Awards ในปี 2014 จับคู่กับ ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) หนังแสดงหญิงคุณภาพ ผู้ฝากผลงานไว้มากมายนับตั้งแต่ Sweet November (2001) ยัน Gringo (2018)

     Long Shot เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เฟรด (เซธ โรเกน) นักข่าวผู้หนักแน่นในอุดมการณ์ที่ถูกมรสุมชีวิต (เหมือนจะดราม่า) พัดพาไปเจอกับหญิงสาวรุ่นพี่ที่เป็นรักครั้งแรกของเขาเมื่อ 25 ปีก่อน ชาร์ลอต (ชาร์ลิซ เธอรอน) ผู้เป็นถึงรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา การโคจรมาพบกันของสองคนที่มีวิถีชีวิตและฐานะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถือเป็นโครงเรื่องหลักและเป็นการปูทางให้ โจนาธาน เลไวน์ ได้ใส่วัตถุดิบที่ (น่าจะ) สนุกสนาน ลงไปในหนังเรื่องนี้อย่างไม่ยั้ง

 

Long Shot

 

ดอกฟ้ากับหมาวัด

     ด้วยตัวโครงเรื่องอย่างที่กล่าวไปถึงความห่างชั้นระหว่างคู่พระ-นางนั้น ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ที่จะได้รับกลิ่นอายของหนังแนวดอกฟ้ากับหมาวัดรุ่นพี่ระดับตำนานอย่าง Notting Hill (1999) อาจจะด้วยความที่เป็นหนังแนวโรแมนติกคอเมดี (ที่สมัยนี้เรียกกันว่าหนังรอมคอม – RomCom) ด้วยกันทั้งคู่ ทั้ง Long Shot และ Notting Hill โดยในด้านความโรแมนติกนั้นก็เป็นเส้นเรื่องบังคับของความรักที่เกิดขึ้นจากคนที่มีพื้นฐานทางการงานและสังคมต่างกัน รวมถึงการใช้อำนาจของฝ่ายหญิงในการเรียกให้ฝ่ายชายไปหาด้วยอุบายที่ยากแก่การปฏิเสธ (เอาจริงๆ ฝ่ายชายก็ยอมไปพบด้วยความเต็มใจนั่นแหละ) หรือการสร้างความเป็นส่วนตัวจากสถานการณ์ที่ไม่ส่วนตัว เกิดเป็นสถานการณ์ผิดที่ผิดทางเพื่อสร้างมุกตลกให้แก่คนดู และตัวเอกของเราก็จัดการกับเรื่องราวได้อย่างอย่างแนบเนียน ส่วนผู้ชมก็รู้สึกอิ่มเอมไปกับเหตุการณ์นั้นๆ ได้อย่างไม่มีข้อกังขา

 

 

หัวเราะอย่างเดียว (อาจจะ) ไม่พอ

     ในส่วนของความตลกในหนังเรื่องนี้จะเกิดจากบทสนทนาที่ไหลลื่น จังหวะจะโคนในการรับส่งมุกผ่านทางการแสดงระดับรู้ใจกันระหว่างตัวเอกของเรื่อง เฟรดกับแลนซ์ (เพื่อนซี้ของ เฟรด รับบทโดย โอเชีย แจ็กสัน จูเนียร์) ที่กลายเป็นส่วนที่ตลกมาก และเป็นความลงตัวที่จะพาผู้ชมเข้าไปเพลิดเพลินกับเรื่องราวในหนังที่ดำเนินไปอย่างยุ่งเหยิงได้เป็นอย่างดี

     อาจจะเพราะเคมีของนักแสดงในเรื่องนี้เข้าขากันได้อย่างดีทำให้หนังเรื่องนี้ขาดความจริงจังและดราม่าไป (ในหนังรุ่นพี่อย่าง Notting Hill แม้จะเป็นหนังฟีลกู้ดเทพนิยายเหลือเกิน แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่ขมขื่นของตัวละครแฝงอยู่ เช่น นางเอกที่ต้องอดอาหารตั้งแต่เด็กเพื่อเป็นดารา หรือคู่รักที่ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้เพราะอุบัติเหตุ ซึ่งแม้จะเบาบาง แต่ความขมที่เจือจางนี้ก็ช่วยขับรสชาติของหนังให้กลมกล่อมขึ้น) ดังนั้น การที่ผู้กำกับไม่ได้ใส่ความจริงจังลงไปในหนังเลย ก็ทำให้ปมหรือจุดหักเหต่างๆ ดูเหมือนจะคลี่คลายไปได้อย่างรวดเร็ว เร็วจนผู้ชมอาจจะยังไม่ทันได้รู้สึกตามไปกับปมนั้นๆ หรือกล่าวแบบซื่อๆ คือยังไม่ทันได้อินไปกับปมหรือเหตุการณ์ที่จะเป็นข้อขัดแย้งในความสัมพันธ์ก็ถูกความโรแมนติกคอเมดีแทรกขึ้นมาให้ปมนั้นคลี่คลายไปอย่างง่ายดาย ซึ่งอาจจะเป็นความจงใจของตัวผู้กำกับเองในแง่ที่จะชูความโรแมนติกคอเมดี แต่นั่นก็อาจเป็นดาบสองคมในแง่ของผู้ชมที่ยังไม่ทันได้รู้สึกอะไรไปด้วยเลย ปมก็คลายแล้ว

 

Long Shot

Long Shot

 

การมุ้งการเมือง

     ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ตัวเอกของเรื่องคนหนึ่งเป็นนักข่าวผู้มีอุมดมการณ์ในการใช้ชีวิต รวมเรื่องทัศนคติด้านการเมืองที่เข้มข้น อีกคนหนึ่งเป็นถึงรัฐมนตรี ผู้ชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งมีอุดมการณ์เข้มข้นไม่แพ้กัน ทำให้ตัวบทของหนังใส่ความจิกกัดการเมืองของอเมริกาลงไปได้อย่างไม่เคอะเขิน

     แต่อย่างไรก็ตาม ตัวบทก็ไม่ได้ใส่ความเป็นการเมืองมาในดีกรีที่เข้มข้นจนผู้ชมเมามาย ปริมาณของเรื่องการเมืองในสหรัฐอเมริกาถือว่าหยอดลงมากำลังดีให้คนไทยได้ยิ้มกริ่มไปกับการเสียดสีนั้น หรือแม้กระทั่งการใส่เรื่องของเฟมินิสต์ ซึ่งเป็นที่พูดถึงในวงกว้างระดับโลก รวมถึงเรื่องของกลุ่มนิยมนาซี เหยียดยิว ผิวขาว ตัดสกินเฮด ในตอนต้นเรื่อง กับเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง ทอมและแม็กกี้ สองลูกน้องคนสนิทของชาร์ลอต ที่ถูกหยอดลงไปเป็นกับแกล้ม นับเป็นการเพิ่มมิติของหนังให้ดูหลากหลายขึ้นได้อย่างมีรสชาติ

 

Long Shot

 

     Long Shot จึงจัดว่าเป็นหนังรอมคอมย่อยง่าย ผู้ชมสามารถอิ่มอร่อยไปกับเรื่องราวระหว่างทาง ความสัมพันธ์ ปมของเรื่อง ความเข้ากันของนักแสดง และบทของหนังได้ แม้จะยังไม่ถึงขั้นเป็นระดับมาสเตอร์พีซที่ต้องได้รับการกล่าวถึง แต่เราเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในหนังที่คนพูดถึงเวลามีคนอยากจะหาหนังประเภทนี้ดู โดยจะอยู่ในลิสต์เดียวกันกับ Notting Hill (ฮิวจ์ แกรนต์ คู่ จูเลีย โรเบิร์ตส์) The Proposal (ไรอัน เรย์โนลด์ส คู่ แซนดรา บูลล็อก) และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายเกินกว่าจะใส่ไว้ในการรีวิวนี้ได้หมด

     หากเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นเพลง เราให้ Long Shot เป็นเพลง คนมีเสน่ห์ ของ ป้าง นครินทร์ ด้วยชื่อของผู้กำกับ โจนาธาน เลไวน์ เรื่องราวตามแบบฉบับดอกฟ้ากับหมาวัด ความเป็นรอมคอมที่ดูเหมือนจะมีเอกลักษณ์ในแง่ที่จับนักข่าวตกงานมาจีบว่าที่ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ก็ยังแอบใส่ความเป็นสูตรสำเร็จของหนังประเภทนี้ลงไป ความตลกที่ไหลลื่นในบทสนทนา รวมถึงบรรดานักแสดง การเสียดสีการเมืองหรือเรื่องราวในสังคมได้อย่างมีชั้นเชิง สิ่งเหล่านี้ทำให้ดูรวมๆ แล้วหนังเรื่องนี้มีเสน่ห์พอให้เราดูได้อย่างชุ่มชื่นหัวใจ