Westwood

The Review | Westwood : Punk. Icon. Activist. ดีไซเนอร์ที่โลก (เคย) ไม่ต้องการ

บนรันเวย์ระดับโลก พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้แทบจะถูกสงวนไว้ให้กับดีไซเนอร์เพศชายเท่านั้น เราแทบไม่ค่อยเจอนักออกแบบเสื้อผ้าหญิงที่เรียกได้ว่า ‘ทรงอิทธิพล’ กับแฟชั่นมากนัก (เอาระดับที่แค่เอ่ยชื่อมาแล้วคนทั่วไปร้องอ๋อ แบบ Coco Chanel, Jeanne Paquin หรือ Miuccia Prada) การมาของ Vivienne Westwood (วิเวียน เวสต์วูด) จึงเป็นเหมือนเพชรเม็ดงามที่ใครๆ ต่างก็ตาลุกวาว เพราะอัญมณีเม็ดนี้มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร ผ่านการบีบอัดด้วยความกดดันจากสังคมรอบข้างมาอย่างโชกโชน ทั้งการถูกต่อต้าน ถูกนำไปเป็นตัวตลก หรือแม้แต่ถูกมองว่าเป็นคนปลอมเปลือก แต่สุดท้ายเนื้อแท้ที่เจิดจรัสก็ส่องแสงเปล่งประกายทะลุเศษดินเศษหินของอคติที่ห่อหุ้มเธอไว้ จนกลายเป็นไอคอนคนสำคัญที่เหล่าแฟชันนิสต้าต้องยอมศิโรราบ

Westwood

 

     Westwood : Punk. Icon. Activist. ภาพยนตร์สารคดีที่เล่าเรื่องราวของดีไซเนอร์หญิงคนนี้ โดยเปิดเรื่องอย่างเรียบง่ายด้วยการให้ วิเวียน เวสต์วูด นั่งอยู่ที่โซฟา และก็ตามฟอร์มคนดังทั้งหลายที่จะพูดเกริ่นว่าชีวิตของตัวเองไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกจะมาอยากรู้ทำไม และออกอาการงอแงเล็กน้อยพักหนึ่งให้พอน่ารัก จากนั้นแกก็เริ่มเล่าชีวิตของตัวเองให้ฟัง โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนในวัยเด็กที่เธอกลายมาเป็นคนหัวขบถ นั่นก็เพราะได้เห็นรูปวาดของพระเยซูที่ถูกจับตรึงไม้กางเขน (โคตรพังก์)

     “แรงผลักดันในชีวิตฉันเกิดจากความคับข้องใจ” นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอออกไปค้นหาตัวเอง และเริ่มงานทำงานด้านแฟชั่น เธอเล่าว่าตัวเองตัดรองเท้าเป็นตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และพยายามเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะ แต่เนื่องจากการเรียนในภาควิชานี้ต้องใช้เงินจำนวนมาก สุดท้ายเธอจึงเบนเข็มไปเรียนครูแทน โดยมีวิชาเอกคือศิลปะ ซึ่งเธอให้เหตุผลง่ายๆ ว่า อย่างน้อยก็ยังมีอาชีพไว้หาเลี้ยงตัวเองได้

     เธอเล่าเรื่องที่ตัวเองทำงานที่ร้านเสื้อผ้าเล็กๆ แต่งงานมีครอบครัว ต้นกำเนิดของร้าน World’s End ความพังก์ในชีวิตที่ผ่านมา แต่กลับไม่ยอมพูดถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อวง Sex Pistols แต่อย่างไรก็ตาม คอลเล็กชันที่เธอออกแบบให้กับ Sex Pistols และอื่นๆ ในช่วงนั้น ก็ปลุกปั่นกระแสของขบถ การต่อต้านของระบบชนชั้น และการแหกกฎให้สังคมได้เห็น แต่อย่างไรก็ตามผลงานของเธอก็พูดถึงคุณค่าในตัวมันเองออกไปแล้ว และคอลเล็กชันท้าโลกเหล่านี้ก็ถูกนำไปเก็บรักษาอย่างดีในพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย

 

Westwood

 

กองหลังของ Westwood

     ในสารคดีเรื่องนี้มีการตัดสลับให้เราเห็นการทำงานในแบบของเธอ ซึ่งในหลายสถานการณ์เรานึกว่ากำลังดู The Devil Wears Prada เวอร์ชันที่ซอฟต์ลง (พาร์ตนี้เป็นความบันเทิงสำหรับเรามาก) และตัวสารคดีเองก็พาเราไปทำความรู้จักกับ Andreas Kronthaler สามีที่อายุน้อยกว่าเธอถึง 25 ปี และพาไปพบกับแรงผลักดันของเขาที่มีต่อแฟชั่น การทำงานร่วมกันกับดีไซเนอร์ระดับโลกที่เป็นทั้งเมียและเพื่อนร่วมงาน โดยที่เขาต้องรับมือทั้งแรงกดดันของความเป็นแบรนด์ระดับโลก และความหัวรั้นของคนที่อยู่ข้างๆ แน่นอนว่าสามีเกย์ของวิเวียน เวสต์วูด (คำพูดเย้าแหย่ของ Joseph Corre ลูกชายคนที่สอง) นี้ บางทีก็มีอาการสติแตก เหวี่ยงวีนระหว่างการทำงานออกมา แต่นั่นก็แสดงให้เราเห็นถึงแพสชันที่รุนแรงของเขาที่มีต่อแบรนด์ Vivienne Westwood และมาตรฐานการทำงานที่สูงลิ่ว จนเข้าใจแล้วว่าทำไมป้าถึงเลือกชายคนนี้มาเป็นทั้งคนร่วมชีวิต และไว้วางใจให้เขาดูแลคอลเล็กชันใหม่ๆ ต่อไป เพราะเขาเป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของแกได้อย่างแนบสนิท

 

Westwood

 

พังก์ ขบถ นักอนุรักษ์ ดีไซเนอร์ที่โลกเคยหัวเราะเยาะ

     คนรุ่นใหม่อาจจะรู้จัก วิเวียน เวสต์วูด ในฐานะดีไซเนอร์หญิงที่ทรงอิทธิพล เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม อดีตสาวหัวขบถที่ต่อมากลายเป็นไอคอนให้กับหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์แฟชั่นของโลก แต่ในอีกด้านเธอเคยถูกคนในวงการแฟชั่นด้วยกันต่อต้าน หรือแม้กระทั่งเอาเธอไปทำเป็นตัวตลกออกอากาศทางโทรทัศน์ ไม่มีใครเชื่อว่าเสื้อผ้าที่เธอออกแบบนั้นจะโดนใจผู้คน ความแหวก ความแหกที่ประดิดประดอยออกมานั้นช่างไร้คุณค่าและน่าขบขัน แต่สุดท้ายเมื่อแสงสว่างในตัวเธอเจิดจรัสออกมาทุกคนก็ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเธอได้รับรางวัล British Designer ถึงสองครั้งในปี 1990 ปี 1992 และในปี 2003 เธอก็ได้รับการขนามนามให้เป็น Designer of the year พร้อมกับได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านผู้หญิง (Dame) จากราชสำนักอังกฤษ

 

westwood

 

     ผลงานของเธอไม่เพียงแต่ส่งแรงกระเพื่อมให้กับโลกใบนี้เท่านั้น เพราะในความแหกกฎนั้นยังมีผลต่อเนื่องไปยังคนอื่นด้วย เช่น ครั้งหนึ่งที่นาโอมิ แคมเบล ต้องใส่รองเท้าของ Vivienne Westwood ที่สูงกว่าหนึ่งฟุต เดินบนแคตวอร์ก และเธอก็ลื่นหกล้ม ซึ่งความเฟลในวันนั้นทำให้เธอกลายเป็นเจ้าแม่ของวงการโฆษณาประกันชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว
อีกความพังก์ของป้าแกที่เราอดยิ้มตามไม่ได้คือการที่เธอบอกกับ เคต มอส ว่าเคตเกือบจะกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เธอชอบที่สุดไปแล้ว โดยเฉพาะถ้าเกิดป้ากลายเป็นเลสเบี้ยนขึ้นมาเคตนี่แหละคือผู้หญิงที่ป้าแกอยากเป็นแฟนด้วย

     นี่คือเรื่องราวชีวิตบางส่วนของ วิเวียน เวสต์วูด ที่อยู่ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ยังมีความขบถ รันทด การต่อสู้ ฝ่าฟัน การไม่เห็นด้วยที่บริษัทจะเติบโต (เอ้า! ป้า…) และเรื่องราวเวี้ยดๆ อีกมากมายของดีไซเนอร์หญิงแกร่งคนนี้ 

     ป้าแกแม่ง… แซ่บจริง! ไม่เชื่อไปดูสิ

 

westwood

 

เข้าฉายที่ SF Cinema และ Bangkok Screening Room ตรวจสอบรอบและจองที่นั่งทาง https://bkksr.com/th/movies/westwood