textrovert

เห็นหน้าเงียบๆ แชตเพียบนะจ๊ะ หรือเราจะเข้าข่ายบุคลิกภาพที่เรียกว่า Textrovert

เจอหน้าใครแล้วพูดไม่ออก ชอบเก็บตัวเงียบมากกว่าเข้าสังคม ลักษณะนิสัยนี้อาจดูคล้ายกับ Introvert ซึ่งเป็นคนที่มักจมอยู่กับความคิดของตัวเองและเก็บตัวอยู่ตามลำพัง แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากจับมือถือเมื่อไหร่ เป็นต้องอัพสเตตัส ทวีตข้อความ หรือส่งแชตไปหาคนรู้จักด้วยความกล้าแสดงออกสุดๆ กลายเป็นคน Extravert ทันทีบนโลกออนไลน์

     บุคลิกภาพแบบนี้ ทำให้เกิดศัพท์สแลงสุดเก๋ในภาษาอังกฤษว่า ‘Textrovert’ ซึ่งเป็นคำที่ผสมระหว่าง text และ extravert

     หลายคนอาจจะเคยได้ยินแนวคิดการแบ่งประเภทของคนเป็น Introvert และ Extravert (หรือจะเรียกว่า Extrovert ก็ได้ มีความหมายเดียวกัน) ของนักจิตวิทยาชื่อดังชาวสวิสอย่าง คาร์ล ยุง (Carl Jung) โดยลักษณะนิสัยของคนที่เป็น Introvert นั้นมักมีโลกส่วนตัวสูง ระวังคำพูดคำจา นิ่งลึก ไม่ชอบเข้างานสังคมที่มีคนมากๆ แต่จะชอบใช้เวลากับกลุ่มเพื่อนสนิทหรืออยู่คนเดียว แถมยังชาร์จพลังงานด้วยการอยู่กับตัวเอง หรือทำกิจกรรมเงียบๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือเดินป่า

     ส่วน Extravert จะเป็นบุคลิกที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะจะเป็นคนที่กล้าแสดงออก พูดเก่ง ชอบปฏิสัมพันธ์ มีความกระตือรือร้น และชาร์จพลังงานด้วยการคุยกับคนอื่นหรือไปงานเลี้ยงสังสรรค์

     อย่างไรก็ตาม ภายหลังนักจิตวิทยาได้มีการศึกษาบุคลิกภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยมีข้อสันนิษฐานว่า จริงๆ แล้วไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็น Introvert หรือ Extravert อย่างสิ้นเชิง เพียงแค่บางคนอาจจะมีลักษณะนิสัยที่เอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า อาจจะเป็น Introvert 60% และ Extravert 40% หรือมากน้อยกว่านั้น ส่วนคนที่อยู่ระหว่างกึ่งกลางของ 2 ลักษณะนิสัยนี้พอดีแบบ 50/50 จะเรียกว่า Ambivert

 

     แต่ด้วยโลกสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลมากขึ้นในปัจจุบัน ก็ยิ่งทำให้การแบ่งประเภทลักษณะนิสัยของคนออกเป็น Introvert Extravert และ Ambivert ยุ่งยากและซับซ้อนออกไปอีก เพราะบางคนที่เรารู้จักผ่านแอพพลิเคชันออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ทินเดอร์ ในตอนแรกก็ดูเป็นคนพูดเก่ง ตอบเร็ว แชตไม่เคยเงียบ แถมกล้าโพสต์แสดงความคิดเห็นยาวๆ เหมือนกับคน Extravert แต่พอนัดเจอกันจริงๆ กลับเงียบขรึม สุขุม ดูระมัดระวังไปทุกคำพูดและการกระทำราวกับว่าเป็น Introvert เสียอย่างนั้น

     ความน่าประหลาดก็คือคนประเภทนี้พอกลับถึงบ้านก็ดันส่งแชตมารัวๆ เหมือนกลับไปเป็น Extravert อีกที!

 

     เว็บไซต์ Urban Dictionary ได้มีการให้นิยามของคำว่า Textrovert ว่า

     “One who feels an increased sense of bravery over texting, as opposed to in person.” – คนที่รู้สึกว่ามีความกล้ามากขึ้น เมื่อได้เท็กซ์ข้อความแทนการพบปะต่อหน้า

     เช่น

     Kelly: “So how’d the conversation go with Bill last night?” – เมื่อคืนไปคุยกับบิลเป็นอย่างไรบ้าง

     Wendy: “Ah he’s such a textrovert. We didn’t make any progress until I went home and he spilled his guts over texts.” – เขาเป็น textrovert มากๆ เลยล่ะ ตอนเจอกันไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจนกระทั่งฉันกลับบ้าน เขาถึงได้กล้าเท็กซ์หาฉันรัวๆ

 

     ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในหมู่คนมิลเลนเนียลทั่วโลก โดยงานวิจัยจาก OpenMarket พบว่า คนยุคมิลเลนเนียลชอบการเท็กซ์มากกว่าโทร.หรือพูดคุยต่อหน้าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ โดยพวกเขาได้ให้เหตุผลหลักๆ ว่าการเท็กซ์ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แถมยังไม่มีความกดดันให้ต้องรีบตอบกลับทันทีเหมือนการโทรศัพท์หรือพูดคุยต่อหน้า เหล่า Textrovert จึงมีเวลาเรียบเรียงความคิดระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบข้อความ

     แต่ถึงอย่างนั้น การเกิดขึ้นของลักษณะนิสัยแบบ Textrovert ก็ชวนให้ตั้งคำถามว่า จริงๆ แล้วบุคลิกภาพที่ว่านี้มีจริงหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วอาจจะเป็นแค่อาการของคนที่เขินอายเวลาเจอหน้า ไม่กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาตรงๆ จนต้องแอบกลับไปเท็กซ์แทน

     และอาจเป็นไปได้เช่นกันว่าคนที่เป็น Textrovert แท้จริงแล้วเขาเป็น Introvert นั่นแหละ เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่ได้เก็บก้อนความคิดของตัวเองอยู่ในหัว เขียนลงหนังสือ หรือบรรยายลงไดอารีอีกต่อไป แต่พวกเขาเปลี่ยนให้มันออกมาเป็นสเตตัสแสนยืดยาวหรือทวิตเตอร์ที่คมคาย และแน่นอน พอได้เจอคนเหล่านี้ต่อหน้า เขาก็กลับกลายเป็น Introvert เงียบขรึมคนเดิม

 


ที่มา:

  • www.urbandictionary.com/define.php?term=textrovert
  • www.genfkd.org/millennials-prefer-texting-over-calls
  • www.psychologytoday.com/intl/blog/clear-communication/201706/are-you-hiding-behind-your-texts
  • www.thehindu.com/education/extrovert-introvert-or-textrovert/article24418977.ece