น้องสาวคนหนึ่งเข้าโรงพยาบาลไปตรวจร่างกายด้วยอาการภูมิแพ้ ตรวจไปจนทั่ว หมอจึงพบว่าที่เธอเจ็บหน้าอกอยู่ เพราะมีก้อนเนื้อเล็กๆ ในเต้านมกดทับเส้นประสาท และเมื่อเช็กดูอย่างละเอียด ก็พบว่ามันมีหลายก้อน ระหว่างนั้นเธอมักโทร.คุยกับฉัน ฉันเข้าใจความกลัวของเธอ เพราะฉันก็เคยเจออะไรที่คล้ายกัน เพียงแต่มันอยู่คนละแห่ง คนละจุด ฉันบอกเธอว่า รอให้หมอสรุปว่าเป็นอะไร จากนั้นก็ให้หาวิธีรักษาที่เหมาะสม ...
เราอยู่ใกล้กันมากขึ้นในช่วงนี้ จะบอกว่าโลกกำลังขังเราให้อยู่ด้วยกันก็ได้ และแปลก ที่แค่รู้สึกว่าถูกขัง เราก็อึดอัดขึ้นมาหน่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราก็อยู่กันสองคนกับหมาหนึ่งตัว เราไปไหนมาไหนได้ จะไปกรุงเทพฯ วันนี้เลยก็ได้นะ เอาไหมล่ะ ฉันถาม...
เสียงฝีเท้าขึ้นบันได เสียงเขาสั่ง “นั่ง” หมายถึงต้องเตรียมตั้งรับ ฉันนั่งนิ่ง กอดอก ตามองบน พยายามไม่ชายตาไปทางประตู – แม้หางตา แต่ถึงอย่างนั้น ท้าวฮุ่งก็ยังสะบัดหางพรึบพรั่บ พุ่งมาหาฉัน ...
ฉันขึ้นเครื่องบินไม่บ่อย ทุกครั้ง ฉันไม่เคยง่วง ไม่หลับตา และไม่อ่านหนังสือ ฉันเอาแต่ทอดสายตาออกไปทางช่องหน้าต่างเล็กๆ นั่น หลังสัญญาณรัดเข็มขัดดับ ฉันคิดถึง แซงเตก ซูเปรี เขาเขียนหนังสือด้วยสายตาของนักบิน ทัศนียภาพในการเขียนของเขาจึงแตกต่างจากคนอื่น เป็นหนึ่งเดียว และเป็นที่หนึ่งในใจฉัน ถัดจากนั้น...
ภาพความฝันสูงสุดของคู่รักทุกคู่ น่าจะเป็นคำว่า ‘ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร’ อยากจะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า จินตนาการเห็นภาพเป็นคนแก่สองคนเดินจูงมือกันเดินบนสนามหญ้า และ happy ending ส่วนมากก็ตัดจบที่ตรงนั้น… แต่เบื้องหลังฉากในฝันของคู่ตายายเดินจับมือกันแสนอบอุ่นนี้ หากดำเนินเรื่องต่อเนื่องไปในความจริงแล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะต้องมีใครคนหนึ่งจากไปก่อนอย่างแน่นอน และจะมีอีกคนที่ยังต้องอยู่เผชิญโลกคนเดียวต่อไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้อย่างโดดเดี่ยว ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงอยู่ทุกวันที่ตื่นลืมตา และเฝ้ารอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้ง เวลาที่รักใครสักคนด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี...
ส่วนใหญ่เวลาที่คนเราเลิกกัน มักจะต้องเกิดขึ้นแถวๆ จุดเปลี่ยนของชีวิตที่เป็น turning point ต่างๆ เช่น เรียนจบ เปลี่ยนงาน ไปเรียนต่อ ย้ายที่อยู่ เพราะคนหนึ่งยังอยู่ที่เดิม มีชีวิตแบบเดิม สถานที่เดิม กิจกรรมเดิม เพื่อนกลุ่มเดิม แต่อีกคนได้ไปเจออะไรใหม่ ปรับตัวกับเรื่องใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่...
เราไม่ควรพบกันอีก แค่นั้นยังไม่พอ เราไม่ควรข้องเกี่ยวหรือสัมพันธ์กันเลย เราอาจอยู่บนโลกเดียวกัน และเราต่างไม่ลืม แต่เราจะเป็นเหมือนไม้สองต้นที่เติบโตอยู่บนดินคนละผืน คนละสิ่งแวดล้อม บางครั้งเราได้กินน้ำจากฟ้าเดียวกัน นั่นก็ช่วยไม่ได้ แต่เราจะไม่กินธาตุอาหารจากดินเดียวกัน กิ่งก้านของเราจะไม่เกี่ยวพันกัน เราจะไม่เห็นกันและกัน และกระทั่งต้นหนึ่งได้ล้มลงแล้ว อีกต้นก็จะไม่รู้ ...
“ทุกวันนี้พี่คุยกับเพื่อนมากกว่าแฟนอีกนะ” ฉันบอกเธอ เธอทำตาโต มองไปทางคนรักของฉัน “ทางนั้นเขาก็คุยกับเพื่อนเหมือนกัน แถมบางเรื่องต้องคุยกับเพื่อนเท่านั้น” ฉันบอก หันไปถามเขา...
ฉันเปลี่ยนไปมาก… การยอมรับจำเป็น และถ้าไม่ใช่ปัญหา ก็โชคดีไป ถ้าเป็นปัญหา เราจะได้เริ่มต้นแก้ไข-ตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย ปีแรกของเรา อยู่บ้านฉันยังโบกรองพื้น ทาลิปสติก เขียนคิ้ว ปัดแก้ม...
“เมื่อผมได้เจอกับผู้หญิงคนนี้ในลอนดอน ภาวะซึมเศร้าของผมลดลง หัวใจในตอนนี้เต็มไปด้วยความรักอีกครั้ง และผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้ ท่านประทานให้พวกเราแบ่งปันรสชาติในแบบเดียวกัน ในหนังสือแบบเดียวกัน และในดนตรีแบบเดียวกัน แบบนี้แปลว่าต้องมีความหมายอะไรใช่ไหม” ถ้อยคำที่ สกอตต์ นอยสตัดเตอร์ ผู้เขียนบทหนังเรื่อง 500 Days of Summer...
ครั้งหนึ่งเราเคยพังเพราะความรักมาแล้ว พังหนักถึงขนาดจะเลิกทำวง Klear เพราะคิดว่ามันจะแลกกับการมีเขาอยู่ต่อไปได้ จุดนั้นทำให้เรารู้เลยว่าความรักเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ที่ถ้าเราไม่ระวัง ไม่ดึงสติ ลืมใช้สมองแล้วใช้แต่หัวใจกับอารมณ์ มันจะพาเราไปทางไหนก็ได้ ลงเหวหรือขึ้นฟ้าก็ได้ ทำให้ชีวิตคนคนหนึ่งดีหรือแย่ก็ได้ ชีวิตจะขึ้นจะลง คนข้างๆ นี่มีผลมากที่สุด จริงไหมที่บางคนจะได้ไปเรียนต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับแฟน บางคนจะเปลี่ยนงานจะไปเที่ยวไหน ทำอะไรขึ้นอยู่กับแฟน จะวางแผนการเงินยังไงขึ้นอยู่กับแฟน จะคบเพื่อนกลุ่มไหนก็ขึ้นอยู่กับแฟน...
แทบจะเป็นเรื่องปกติในทุกงานของวง Klear ที่เราจะต้องเห็นคนดูร้องไห้ โดยเฉพาะเวลาถึงเพลง คำยินดี คงเพราะเรื่องคนเก่ามักจะฝังใจ แต่เราเองอยากให้ทุกคนที่เจ็บได้รู้สึกดีขึ้นไวๆ ก่อนเข้าเพลงเราก็เลยจะพูดบ่อยๆ ว่า “ดีแล้วที่เลิกกับคนที่ไม่ใช่ จะได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่า” แต่ครั้งหนึ่งมีเสียงตะโกนกลับมา (เบาๆ) จากคุณผู้หญิงแถวๆ หน้าเวทีว่า “แต่คนใหม่ก็ยังแย่อยู่ดี” หลังจบโชว์วันนั้นเราเลยมานั่งคิดดูว่า เวลาที่เราเลิกกับคนหนึ่งไป แล้วเจอคนใหม่ก็แย่อีก ความรักครั้งใหม่ก็โดนทำร้ายอีก...