ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังรู้สึกอึมครึม เดือนนี้ดิฉันขอข้ามผ่านเรื่องความสวยความงามมาพูดถึงการดูแลตัวเองกันบ้าง และการดูแลตัวเองในที่นี้เป็นการดูแลตัวเองจากภายในให้รู้สึกมีความมั่นคง เพราะเมื่อข้างในมั่นคง ก็จะส่งพลังความมั่นใจสู่ภายนอกได้ค่ะ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากมหกรรมโควิด-19 คอร์สหลายๆ คอร์สที่จองไว้ถูกยกเลิก หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ดิฉันเอาเงินเก็บมาใช้จนบอกได้เลยว่าเกือบจะเหือดแห้งหมดตัว ในช่วงแรกก็พอจะชิลอยู่ ว่าเรายังมีงานบางงานที่ยังเป็นฐานรายได้เล็กๆ ที่มาจ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่พอเริ่มถูกยกเลิกงานเรื่อยๆ ความรู้สึกหนักอึ้งก็ค่อยๆ กัดกินหัวใจโดยไม่รู้ตัว ด้วยความที่ดิฉันเรียนด้านโค้ชชิ่งและการพัฒนาตัวเอง ดิฉันถูกฝึกมาเยอะพอสมควร ในการที่เราจะมองหาหนทางในการแก้ปัญหามากกว่าจมอยู่กับมัน...
มีคำถามเข้ามาเยอะว่า เราจะสร้างความสมดุลในชีวิตการแต่งตัวได้อย่างไร ในเมื่อตลาดเสื้อผ้าเต็มไปด้วยฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) ทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ที่เข้ามาให้เราเลือกแทบจะนาทีต่อนาที และจบลงที่เราหลายๆ คนที่อ่านอยู่ในที่นี้มีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ไม่รู้จะหยิบชิ้นไหนขึ้นมาใส่ มากไปกว่านั้นคือเรามักจะคำถามวนอยู่ในหัวว่าเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายโลกหรือเปล่า เพราะจากข้อมูลต่างๆ ที่อ่านเจอ ธุรกิจฟาสต์แฟชั่นมีส่วนอย่างมากในการสร้างขยะและมลภาวะให้กับโลกใบนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราต้องยอมรับว่าเรา (ยัง) หนีห่างจากฟาสต์แฟชั่นอย่างถาวรไม่ได้ โดยเฉพาะในสังคมเมือง ความรีบเร่งและการทำงานที่ต้องใช้ความคิดและพลังงานมากมายเพื่อตั้งสติใช้เสื้อผ้าอย่างเกิดประโยชน์และเป็นโทษกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ...
หนึ่งในกิจกรรมที่ดิฉันมักจะให้ลูกค้าทำคือการหาสไตล์ไอคอน และหลายๆ ครั้งที่คำถามนี้ถูกส่งกลับมาว่า พยายามหาคนที่ชอบแล้ว พยายามหาสไตล์ที่ชอบแล้ว และพยายามลองแต่งตัวตามแบบเขาแล้ว ทำไมไม่ออกมาดูดีเหมือนกับไอคอนที่เราชื่นชอบล่ะ คำตอบก็คือ การแต่งตัวไม่ใช่เรื่องของเสื้อผ้า แต่เป็นเรื่องของ Personality หรือบุคลิกภาพและการนำเสนอตัวเอง เราแต่ละคนมีบุคลิกภาพที่โดดเด่น เป็นตัวของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น แม้ว่าจะเราจะมีสไตล์ไอคอน หรือไอดอล...
รู้ไหม ในช่วงเวลาแบบนี้เป็นโอกาสดีที่คุณจะเริ่มสร้าง Personal Content ดิฉันขอใช้คำว่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส หรือสร้างโอกาสให้กับตัวเองทุกๆ วัน ผ่านการสร้างสรรค์ที่คิดมาแล้วของคนกลุ่มหนึ่ง ดิฉันกำลังหมายถึงโซเชียลมีเดียทั้งหลาย Facebook, Instagram, Twitter, TikTok แน่นอนค่ะ แพลตฟอร์มเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อดึงฐานข้อมูลมหาศาลจากพวกเรา ดิฉันเลยคิดว่าได้เวลาแล้วที่เราจะเอาคืนบ้าง มีคนไทยหลายล้านคนเป็นประชากรของเฟซบุ๊กอยู่ ณ...
“Don’t be too hard on yourself” (อย่าโหดกับตัวเองมากนักเลย) โค้ชฝรั่งที่ดิฉันใช้บริการมาตลอดสี่เดือนกล่าวไว้ เมื่อดิฉันบอกกับเธอว่าช่วงนี้ดิฉันรู้สึกหมดพลังเนื่องจาก เหตุการณ์ต่างๆ ประดังประเด โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ที่ดิฉันเชื่อว่าหลายๆ ท่านที่อ่านอยู่กำลังเป็นเหมือนกัน นั่นคือการทำทุกทางเพื่อให้เรามีชีวิตรอด และไม่ใช่แค่เรา...
เสื้อผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และเสื้อผ้าก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมากในช่วง 100 กว่าปีที่ผ่านมา ช่วงหลังกระแสรักษ์โลกที่มาแรงทำให้พวกเราหลายๆ คนมีความตระหนักในเรื่องนี้มากขึ้น ดิฉันเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ตระหนักเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้วค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไปไม่ถึงขีดสุดที่จะลุกขึ้นเป็น Green Fashion อย่างเต็มตัว ดิฉันได้รับคำถามนี้จากทีมงานของ a day BULLETIN ก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ Sustainable Fashion...
ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กระแสของ Ungendered Fashion และ Unisex Fashion มาแรงมาก และกระหน่ำกระแสความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทรนด์แฟชั่น แต่เป็นเรื่องของความเท่าเทียมกันทางเพศและทางสังคมที่เราหลายๆ คนพยายามจะรณรงค์ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ในส่วนของแฟชั่นเองจะเห็นว่าหลายๆ แบรนด์ทำคอลเลกชันออกมาเพื่อให้ใส่ได้ในทุกเพศสภาพ โดย เฉพาะ Luxury Brands ที่ช่วงหลังๆ ก็ทำเสื้อผ้าแนว...
เคยเป็นไหมคะ เวลาคบกับใครสักคน เราจะมีความคาดหวังให้เขาเป็นแบบนั้นแบบนี้โดยเฉพาะในแบบที่เราอยากเป็น ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะดีในช่วงแรก แต่ในระยะยาวต่างคนต่างอาจจะรู้สึกกดดันจากความคาดหวังที่อีกฝ่ายมีให้ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก เจ้านายกับลูกน้อง หรือแม้กระทั่งลูกค้ากับผู้ถูกว่าจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว แม้เราจะเปลี่ยนเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจหรือเชื่อในตัวเรามากขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว ความหงุดหงิดรำคาญใจก็ถูกแสดงออกมาอยู่ดี เรื่องของเรื่องก็คือ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ไม่มีใครอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่นหรอกค่ะ เราทุกคนจะเปลี่ยนแปลงได้ก็เมื่อตัวเราเท่านั้นที่ต้องการจะเปลี่ยน และไม่ได้เปลี่ยนเพื่อใคร แต่เปลี่ยนเพื่อต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง...
“เจอปัญหาลูกค้าไม่เชื่อถือเพราะไม่แต่งตัว แต่งานนั้นเป็นงานด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะแก้ปัญหานี้อย่างไรได้บ้าง” เคยเป็นไหมคะ เราเชื่อมั่นในสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แต่คนอื่นอาจจะมองว่ามันไม่ใช่ คนอื่นที่ว่านั้นใช่ว่าเราต้องแคร์ แต่ถ้า ‘คนอื่น’ คนนั้นคือลูกค้าหรือเจ้านายผู้มีอุปการะคุณ ก็อาจจะต้องแคร์สักหน่อย จริงไหมคะ ดิฉันไม่ได้บอกว่าคุณต้องลุกขึ้นมา ‘เปลี่ยนแปลงตัวเอง’ เพื่อเอาใจใครๆ ตรงกันข้าม...
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่เราคุยกันเรื่อง Power of Self-Pampering มีคนอยากทราบอีกว่า จัดตู้ให้เวิร์ก นอกจากเคลียร์ของแล้วทำอะไรได้อีก เลยทำให้ดิฉันมานึกถึงเรื่อง Wardrobe Therapy ศาสตร์แห่งการบำบัดตัวเองด้วยการแต่งตัว อย่างที่บอกในทุกอีพีว่าการแต่งตัวไม่ใช่แค่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ให้ผ่านไปในแต่ละวัน แต่เราสามารถกำหนดเป้าหมายให้การแต่งตัวเพื่อช่วยเป็นใบเบิกทางให้เราก้าวสู่สิ่งที่ต้องการในชีวิตด้วยความรู้สึกมั่นใจและมั่นคงในตัวเอง มากไปกว่านั้น เราสามารถให้ความหมายและสื่อสารถึงตัวตนของเราให้คนอื่นได้รับรู้...
“ในช่วงที่รู้สึกจิตตก เราจะใช้การแต่งตัวช่วยในการบำบัดหรือเยียวยาตัวเองได้อย่างไรบ้าง” ดิฉันขอบอกว่าดิฉันเข้าใจคำถามนี้อย่างที่สุดเลยค่ะ และคิดว่าใครหลายๆ คนที่อ่านอยู่อาจจะกำลังอยู่ในความรู้สึกอึมครึมทางจิตใจ เพราะความกดดันและความเครียดที่แฝงตัวมาในรูปแบบของโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและใกล้ตัวเข้ามาทุกที ไหนจะความกดดันเรื่องหน้าที่การงาน ธุรกิจที่ช่วงนี้ก็ค่อนข้างชะงักไม่ก็หนักหนาสาหัสไปเลย และด้วยสถานการณ์แบบนี้ หลายๆ คนก็อาจจะหมดอารมณ์ที่จะอยากแต่งตัวสวยๆ เพราะอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นกันไหมคะ ยิ่งเราเห็นตัวเองในชุดอยู่บ้านสบายๆ มากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกมั่นคงในตัวก็ดูเหมือนว่าจะลดน้อยลงทุกที...
เข้าฤดูร้อนอย่างเต็มตัว และด้วยสถานการณ์รอบตัวเราที่ค่อนข้างตึงเครียดในช่วงนี้ หลายๆ คนถามเข้ามาว่าจะทำอย่างไรให้การแต่งตัวช่วยดึงความสดใสสดชื่นได้บ้าง ขอตอบว่าลายดอกไม้ช่วยได้นะคะ เมื่อพูดถึงลายดอก คนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำของลายที่ต่างกันไป บางคนก็ว่าหวานๆ บางคนก็ว่าเอะอะ ลูกค้าบางคนของดิฉันถึงกับปฏิเสธลายดอกไปเลยล่ะค่ะ เพราะรู้สึกว่าเป็นสัญญะของความหญิ้งหญิง แต่ไม่ว่าภาพลายดอกในความทรงจำของเราจะเป็นอย่างไร เราสามารถกำหนดภาพใหม่ๆ ให้ตัวเองได้เสมอ โดยยังคงความเป็นตัวเองและสามารถใส่ลายดอกไม้ได้อย่างสบายใจขึ้นด้วยนะคะ ที่พูดมานี้ดิฉันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงเท่านั้นนะ...