เรารักงานเพราะเรารักเงิน หลังจากชักแม่น้ำทั้งห้ามาสองตอนติดกัน ว่าการลาออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนไปเป็นฟรีแลนซ์ หรือความพยายามสานฝันของการเป็น ‘นายตนเอง’ นั้นหากปราศจากเงินถุงเงินถัง สายป่านที่ยาวพอ หรือมีรังนอนอบอุ่นปลอดภัยที่มาในนามของการมีพ่อแม่ร่ำรวยพร้อมเข้ามาโอบอุ้มยามเราผิดพลาด บริหารกิจการเจ๊ง หรือถ้าเราไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ talented โดดเด่นมากจริงๆ ฉันยืนยันว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือน ...
ได้รับคำถามมาว่า ถ้าฉันเป็นเฌอเอม ฉันจะรับมือกับวิกฤตในชีวิตนี้อย่างไร? เพื่อลดทอนความซับซ้อนของดราม่าทั้งหมด ฉันจะลดรูปเหตุการณ์ของเฌอเอมว่า มันคงคล้ายๆ กับการทุจริตในห้องสอบ เหมือนมีนักเรียนคนหนึ่งไปสนิทกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลข้อสอบ แล้วเจ้าหน้าที่ขโมยข้อสอบออกมาให้นักเรียนคนนั้น ทำให้นักเรียนคนนั้นสามารถไปฝึกทำข้อสอบมาล่วงหน้าก่อนวันสอบจริง แน่นอนว่าย่อมได้เปรียบคนอื่น เมื่อลดรูปดราม่าให้เหลือแบบนี้...
หลังจากที่เข้ามารับบทบาท ‘คุณป้า’ ที่ต้องดูแลหลานชายวัยรุ่นแบบค่อนข้างเต็มตัว และไม่ใช่วัยรุ่นธรรมดา แต่เป็นวัยรุ่นที่อยู่ในกลุ่ม special need จากภาวะสมาธิสั้น ทำให้ฉันต้องเข้าไปอ่านเพจที่เกี่ยวกับเด็กสมาธิสั้น เพจว่าด้วยจิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็ก ไปจนถึงการเข้าร่วมกลุ่มในเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก คู่มือการเป็นพ่อและแม่ที่ควรจะเป็น เรียกว่าได้เข้าไปในโลกที่ไม่เคยเข้ามาก่อน ในฐานะที่นิยามตัวเองว่าเป็นหญิงโสด นับตั้งแต่อายุ 40...
ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่เลย จนกระทั่งวันหนึ่งที่แม้จะพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้พูดประโยคนี้ออกมาดังๆ แต่ท้ายที่สุดฉันก็พูดมันออกมาจนได้ นั่นคือฉันได้พูดว่า “อยากให้โลกนี้กลับไปเหมือนเมื่อก่อนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต” ไม่ถึงกับไม่มีอินเทอร์เน็ต ฉันคิดถึงในยุคที่เราใช้อินเทอร์เน็ตแค่สำหรับรับ-ส่งอีเมล กับเข้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่ออ่านบล็อกของคนที่เราเห็นว่าเขาเผยแพร่หรือเขียนเรื่องที่น่าสนใจ หรืออ่านพันทิปพอเพลินๆ และนี่คงเป็นความย้อนแย้งของคนเจเนอเรชัน X...
เชื่อว่าเราคงคุ้นเคยกับเรื่องเล่าว่าด้วยความเสียสละของมหาบุรุษมหาสตรีที่อุทิศชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น เรื่องเล่าเหล่านี้จะเดินไปบนเส้นเรื่องที่ว่า มีคนที่ประเสริฐมากอยู่คนหนึ่ง และเขาหรือเธอก็มีชีวิตที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่มีความเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยใดๆ ที่ส่งผลต่อคนอื่น เช่น อาจเป็นลูกเศรษฐีที่บ้านร่ำรวย อาจมาจากตระกูลอีลิตอภิสิทธิ์ชน อาจเป็นคนมีการศึกษาสูงเด่น ทำให้มีทางเลือกในชีวิตมากเสียจนไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ชีวิตตัวเองลำบาก แต่คนเหล่านี้ไม่อาจทนเห็นชะตากรรมของคนที่เดือดร้อนทุกข์ยากได้ จึงเสียสละความสุขสบายที่พึงมีไปทำงานที่ยาก ที่ลำบาก ที่ทุรกันดาร ไปอยู่ในที่อันตราย...
No More Content