ถั่วเขียว “ดูโน่น สงสัยตามิตรยังไม่เข็ด วันนี้ไถอีกแล้ว” สีหน้าที่เรียบเฉย มาพร้อมกับเสียงบ่นกระปอดประแปดของยายเริง เจ้าของร้านขายน้ำชงโบราณที่ตั้งอยู่ข้างๆ กับประตูรั้วหน้าบ้านของแม่สามีที่หมู่บ้านทุ่งโพธิ์ จังหวัดพิจิตร ทำเอาเดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ บริเวณนี้เป็นหนึ่งในสภากาแฟโบราณขนาดเล็กที่อยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปี และยายเริงคือเจ้าของร้านดำรงประธานสภา มีเดและเพื่อนบ้านคนอื่นๆ...
เมื่อถึงเวลา ลมหนาวก็จะกลับมาเอง ตั้งแต่ฉันกลับบ้านที่ทุ่งโพธิ์ จังหวัดพิจิตร ครั้งแรกจนถึงครั้งล่าสุด ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคงมีเพียงฤดูกาลที่ฉันมักจะชอบเฝ้ามองอยู่เสมอ ช่วงต้นฤดูหนาวท้องฟ้าสีครามไร้ริ้วเมฆ ฉันจะเห็นแมลงปอและผีเสื้อหลากสี ตกกลางคืนยิ่งแล้วใหญ่ ฟ้าไร้เมฆ แต่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับทั่วทั้งฟ้า...
ความคิด ยามค่ำคืนในวันที่พายุดีเปรสชันอ่อนกำลัง แต่ท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยเมฆที่อีกไม่นานก็จะก่อตัวให้เกิดเป็นเม็ดฝน ฉันยืนมองถนนในซอยเล็กๆ อยู่ริมระเบียงบ้านชั้นบนสุดของตึกที่อาศัย “คืนนี้แปลก” – ฉันคิด ปกติช่วงหัวค่ำแบบนี้จะต้องได้ยินเสียงเครื่องยนต์สลับกับเสียงบิดคันเร่งจากมอเตอร์ไซค์ แต่คืนนี้กลับเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงแมลงตัวเล็กที่ดังมาจากดงกระถินยักษ์ข้างบ้าน ...
รสชาติของฤดูกาล ที่ประจำของฉันเวลาเขียนต้นฉบับคอลัมน์ ‘รสกับข้าว’ จะต่างจากพื้นที่เขียนงานชิ้นอื่นๆ ฉันชอบนั่งในห้องนอน เปิดประตูฝั่งระเบียงออก เปิดประตูหน้าห้อง ปิดพัดลม และรูดผ้าม่านขึ้นให้ชิดติดขอบหน้าต่างด้านบน ให้อากาศถ่ายเทแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศ สัมผัสกับอุณหภูมิตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดประสบการณ์ร่วมเวลาที่แม่เล่าถึงฤดูกาล แม้ว่าจะไม่ใกล้เคียงเลยก็ตาม ...
ฤดูลม และว่าวจุฬาอีสาน “ปีนี้จะหนาวไหมนะ” ฉันจำได้ว่าแม่มักเอ่ยถามท้องฟ้าแบบนี้เป็นประจำทุกปี หลังจากบ่นเรื่องฝนตกหนักจนทำให้เสื้อผ้าส่งกลิ่นเหม็นอับแทบทุกวัน ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังชอบฤดูฝน แต่ก็อดคิดถึงฤดูหนาวไม่ได้ แม่บอกว่า หน้าหนาวที่บ้านกอกจะเริ่มตั้งแต่ราวปลายเดือนพฤศจิกายน สังเกตได้จากไอเย็นที่เริ่มพัดมาเป็นระลอกๆ มองไปในนาก็จะเห็นรวงข้าวของตาเริ่มโน้มตัวลงต่ำ อีกไม่ช้าก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยว...
ของเล่นธรรมชาติ โชคดีที่ข้างบ้านของฉันมีพื้นที่สีเขียวที่กึ่งร้างกึ่งใช้งาน ในอดีตตรงนี้เคยมีบ้านไม้อยู่หลายหลัง และทุกหลังก็คือเพื่อนเล่นแก๊งวัยเด็กของฉัน ที่จะใช้พื้นที่ที่เหลือเล่นด้วยกันตั้งแต่ปีนต้นตะขบ เล่นขายของ โดดหนังยาง วิ่งไล่จับ เป่ากบ ดีดลูกแก้ว และอีกสารพัดที่งัดกันมาเล่น แต่แล้วไม่นานทุกคนก็ย้ายออก...
เสียงนกร้องและฤดูกาล ราวต้นเดือนพฤศจิกายน ฤดูหนาวในเมืองใหญ่ได้พัดผ่านมาพอให้หัวใจได้พองโตเพียงสองสามวัน หลังจากนั้นฤดูหนาวก็จากไป อาจจะพบกันอีกครั้งราวสิ้นปีหน้า ฤดูกาลที่มาเพียงชั่วครู่อาจจะไม่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้คนมากเท่าไหร่นัก แต่ฤดูกาลและวันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละเดือน ส่งผลต่อการมีชีวิตอยู่ของสัตว์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยเฉพาะเหล่านกตัวเล็กอย่างนกกาเหว่าและนกกระปูด สัตว์ป่าที่เปลี่ยนพฤติกรรม และย้ายถิ่นมาอยู่ในเมืองใหญ่ จนทำให้เรามีโอกาสได้ยินเสียงของพวกมันในยามเช้าตรู่ ให้รู้สึกสดชื่นและรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ...
ท้ายฤดูฝนที่กำลังจะชนกับต้นฤดูหนาว และแล้วสายฝนสุดท้ายของปีก็ได้โบกมือลาฤดูกาล หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยของความชุ่มฉ่ำ และความเขียวขจีของพืชพรรณธัญญาหาร ฉันชอบช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูแบบนี้ โดยเฉพาะที่บ้านทุ่งโพธิ์ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท้ายฤดูฝนที่กำลังจะชนกับต้นฤดูหนาว ทำให้แปลงนาปีตรงข้ามบ้านเขียวชอุ่ม อุดมไปด้วยต้นข้าวสายพันธุ์หอมมะลิที่กำลังตั้งท้องกลมอวบออกรวงสีเขียว...
จดหมายถึงยาย แด่… ยายที่รัก ตอนนี้ยายเป็นยังไงบ้าง อยู่ทางนั้นสุขสบายดีไหม กินอิ่มนอนหลับหรือเปล่า ดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า ปวดท้องดีขึ้นหรือยัง สิ่งที่เคยเป็นกังวล ปล่อยวางได้ไหมนะ ได้กินต้มส้มปลานิลที่แม่ทำส่งไปให้ทุกปีหรือเปล่า แม่ทำอร่อยเหมือนเดิมเลย...
บ้านเล็กในทุ่งกว้าง เวลาผ่านไปหลายสิบปี นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้มีโอกาสกลับบ้านเกิดของแม่ ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กน้อยวัยเพียงประถมสาม ตัวอ้วนกลม ผิวเข้มจากการเรียนว่ายน้ำ มาพร้อมกับผมสั้นเสมอติ่งหู ตัดหน้าม้าเต่อขึ้นไปจนถึงกลางหน้าผาก ภาพของเด็กน้อยที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่ในวัยเด็กได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ในความทรงจำ สิ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าของฉันคือ บ้านเก่าที่ทรุดโทรม แต่ถึงอย่างนั้น...
ท้องฟ้า สายฝน และการเอิ้นขวัญ ทุกครั้งที่เมฆเทาเข้มเคลื่อนตัวมาคลุมท้องฟ้าจนเปลี่ยนเป็นสีหม่น หากมีลมกระโชกแรงมาเป็นระลอกๆ นั่นแสดงว่า อีกไม่ช้าฝนก็จะตก หยดน้ำที่กำลังพอดี นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ชาวบ้าน รวงข้าวในนาเจริญงอกงาม พืชผักต่างๆ ผลิดอกและแตกใบอ่อน สัตว์กินได้ตัวเล็กตัวน้อยต่างอ้วนพี มีแอ่งน้ำเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้กระโดดย่ำโคลนเล่นอย่างสนุกสนาน...
กลิ่นฝนมาพร้อมกับ ‘ความทรงจำ’… ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มนั่งคุยกับแม่เรื่องอาหารอีสานและชีวิตบ้านนอกในวัยเด็กเมื่อช่วงกลางฤดูแล้ง กระทั่งเข้าฤดูฝน สีหน้าและคำพูดของแม่ทำให้ฉันคิดแบบนั้นเรื่อยมา ตลอดการพูดคุยกับแม่ ทำให้เรารู้ว่า ทุกฤดูที่ผ่านไปในแต่ละปี ชีวิตของแม่ในวัยเด็กก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ แม่ใช้ชีวิตบ้านนอกได้เพียงสิบสามปีเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ แต่กลับกลายเป็นว่าแม่สามารถบันทึกความทรงจำดีๆ...