ความจริง หรือ ความฝัน? เมื่อคืนฉันฝันดี – ฝันเห็นตาบุและยายชีน้อยที่เสียไปนานแล้ว ฉันเห็นบึงกว้างสุดสายตา เรือลำน้อยที่มีรอยน้ำซึม เล้าเป็ดสองชั้น กระต๊อบเก่าคร่ำคร่าใต้ถุนสูง และตัวฉันเองในวัยเด็กใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสลับขาว ฉันทบทวนความฝันและนั่งปะติดปะต่อเรื่องราว...
กลิ่นฝนมาพร้อมกับ ‘ความทรงจำ’… ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มนั่งคุยกับแม่เรื่องอาหารอีสานและชีวิตบ้านนอกในวัยเด็กเมื่อช่วงกลางฤดูแล้ง กระทั่งเข้าฤดูฝน สีหน้าและคำพูดของแม่ทำให้ฉันคิดแบบนั้นเรื่อยมา ตลอดการพูดคุยกับแม่ ทำให้เรารู้ว่า ทุกฤดูที่ผ่านไปในแต่ละปี ชีวิตของแม่ในวัยเด็กก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ แม่ใช้ชีวิตบ้านนอกได้เพียงสิบสามปีเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ แต่กลับกลายเป็นว่าแม่สามารถบันทึกความทรงจำดีๆ...
ของเล่นธรรมชาติ โชคดีที่ข้างบ้านของฉันมีพื้นที่สีเขียวที่กึ่งร้างกึ่งใช้งาน ในอดีตตรงนี้เคยมีบ้านไม้อยู่หลายหลัง และทุกหลังก็คือเพื่อนเล่นแก๊งวัยเด็กของฉัน ที่จะใช้พื้นที่ที่เหลือเล่นด้วยกันตั้งแต่ปีนต้นตะขบ เล่นขายของ โดดหนังยาง วิ่งไล่จับ เป่ากบ ดีดลูกแก้ว และอีกสารพัดที่งัดกันมาเล่น แต่แล้วไม่นานทุกคนก็ย้ายออก...
ถั่วเขียว “ดูโน่น สงสัยตามิตรยังไม่เข็ด วันนี้ไถอีกแล้ว” สีหน้าที่เรียบเฉย มาพร้อมกับเสียงบ่นกระปอดประแปดของยายเริง เจ้าของร้านขายน้ำชงโบราณที่ตั้งอยู่ข้างๆ กับประตูรั้วหน้าบ้านของแม่สามีที่หมู่บ้านทุ่งโพธิ์ จังหวัดพิจิตร ทำเอาเดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ บริเวณนี้เป็นหนึ่งในสภากาแฟโบราณขนาดเล็กที่อยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปี และยายเริงคือเจ้าของร้านดำรงประธานสภา มีเดและเพื่อนบ้านคนอื่นๆ...
อากงแห่งเกาะไหหลำ และธุรกิจโรงสีข้าว ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ท้องนากว้างสุดลูกหูลูกตาในหมู่บ้านทุ่งโพธิ์ จังหวัดพิจิตร ยังคงว่างเปล่า วันไหนที่ฝนตกพอให้ผิวหน้าดินอ่อนนุ่ม เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นชาวนาก็จะกระโดดขึ้นรถแทรกเตอร์พ่วงด้วยผานเจ็ดหรือผานพรวน (เครื่องมือเตรียมดินชนิดหนึ่ง เหมาะสำหรับการไถเตรียมดินระดับตื้นๆ ในครั้งแรก) จากนั้นก็ขับลงท้องนาเพื่อไถเปิดหน้าดิน ซึ่งชาวนาจะเรียกวิธีนี้ว่าการไถหยาบ จากนั้นก็จะไถละเอียดอีกครั้งด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่าไถลูกกลิ้ง ทั้งหมดเพื่อเตรียมดินสำหรับการหว่านเมล็ดข้าวเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเต็มฤดูในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ...
ร่องรอยจากท้องนาก่อนเข้าฤดูฝน เสียงจักจั่นตัวผู้ตีปีกดังเซ็งแซ่อยู่บนต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน แข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มมาจากถนนเล็กๆ ที่ผ่านหน้าบ้าน เสียงหนึ่งดังขึ้นเพื่อประกาศฤดูกาล อีกเสียงดังขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงยุคสมัย กลายเป็นทำนองดนตรีน่าขบขันที่ฉันฟังแล้วกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ตรงข้ามกับแม่ที่ยังคงชื่นชอบและยังอยากได้ยินเสียงหวานๆ ที่ดังมาจากธรรมชาติมากกว่าเสียงล้อบดถนนคอนกรีต หรือเสียงเครื่องยนต์ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกอึดอัดคล้ายกับเสียงคนไอแห้งๆ ฟังแล้วไม่ต่างจากเสียงเคาะท่อเหล็กที่ขึ้นสนิม ...
บ้านเล็กในทุ่งกว้าง เวลาผ่านไปหลายสิบปี นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้มีโอกาสกลับบ้านเกิดของแม่ ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กน้อยวัยเพียงประถมสาม ตัวอ้วนกลม ผิวเข้มจากการเรียนว่ายน้ำ มาพร้อมกับผมสั้นเสมอติ่งหู ตัดหน้าม้าเต่อขึ้นไปจนถึงกลางหน้าผาก ภาพของเด็กน้อยที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่ในวัยเด็กได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ในความทรงจำ สิ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าของฉันคือ บ้านเก่าที่ทรุดโทรม แต่ถึงอย่างนั้น...
เสียงนกร้องและฤดูกาล ราวต้นเดือนพฤศจิกายน ฤดูหนาวในเมืองใหญ่ได้พัดผ่านมาพอให้หัวใจได้พองโตเพียงสองสามวัน หลังจากนั้นฤดูหนาวก็จากไป อาจจะพบกันอีกครั้งราวสิ้นปีหน้า ฤดูกาลที่มาเพียงชั่วครู่อาจจะไม่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้คนมากเท่าไหร่นัก แต่ฤดูกาลและวันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละเดือน ส่งผลต่อการมีชีวิตอยู่ของสัตว์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยเฉพาะเหล่านกตัวเล็กอย่างนกกาเหว่าและนกกระปูด สัตว์ป่าที่เปลี่ยนพฤติกรรม และย้ายถิ่นมาอยู่ในเมืองใหญ่ จนทำให้เรามีโอกาสได้ยินเสียงของพวกมันในยามเช้าตรู่ ให้รู้สึกสดชื่นและรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ...
น้องสะใภ้ และกลิ่นอายภูเขียว “ฮาโหลแม่ ปีนี้บ่ได้กลับบ้าน คิดฮอดล้ายหลาย” (ลากเสียงยาว) (ฮัลโหลแม่ ปีนี้ไม่ได้กลับบ้าน คิดถึงมากๆ เลยนะ) ฉันแอบได้ยินเสียงน้องสะใภ้วิดีโอคอลคุยกับแม่เมื่อช่วงก่อนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา “บ่เป็นหยังดอกลูก...
ฤดูร้อน “ร้อนอีกปีแล้วสิเนอะ” เสียงพึมพำของเด (คำเรียก ‘พ่อ’ ในภาษาจีนไหหลำ) ที่กำลังสอยมะม่วงเขียวเสวยอยู่หน้าบ้าน ลอยมาตามสายลมเอื่อยๆ ที่หอบเอาไอร้อนมาเป็นระยะๆ สลับกับเสียงขยับปีกของจักจั่นที่ดังก้องมาจากต้นฉำฉาหลังบ้าน แตรสัญญาณตามธรรมชาติที่บ่งบอกว่า ฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้นแล้ว ...
จดหมายถึงยาย แด่… ยายที่รัก ตอนนี้ยายเป็นยังไงบ้าง อยู่ทางนั้นสุขสบายดีไหม กินอิ่มนอนหลับหรือเปล่า ดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า ปวดท้องดีขึ้นหรือยัง สิ่งที่เคยเป็นกังวล ปล่อยวางได้ไหมนะ ได้กินต้มส้มปลานิลที่แม่ทำส่งไปให้ทุกปีหรือเปล่า แม่ทำอร่อยเหมือนเดิมเลย...
รสชาติของฤดูกาล ที่ประจำของฉันเวลาเขียนต้นฉบับคอลัมน์ ‘รสกับข้าว’ จะต่างจากพื้นที่เขียนงานชิ้นอื่นๆ ฉันชอบนั่งในห้องนอน เปิดประตูฝั่งระเบียงออก เปิดประตูหน้าห้อง ปิดพัดลม และรูดผ้าม่านขึ้นให้ชิดติดขอบหน้าต่างด้านบน ให้อากาศถ่ายเทแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศ สัมผัสกับอุณหภูมิตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดประสบการณ์ร่วมเวลาที่แม่เล่าถึงฤดูกาล แม้ว่าจะไม่ใกล้เคียงเลยก็ตาม ...