ถึงแม้คุณจะไม่เคยรู้จัก Beats by Dre มาก่อน แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่คุณต้องเคยผ่านตากับหูฟังและสัญลักษณ์รูปตัว b สีแดง จากมิวสิกวิดีโอ โฆษณา ภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งจากรูปปาปารัซซี่ของเซเลบริตี้คนโปรด ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจ และเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Beats Electronics บริษัทผู้ผลิตหูฟังและอุปกรณ์เครื่องเสียงอิเล็กทรอนิกส์แห่งนี้มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ทำให้ Beats by Dre เป็นหูฟังระดับพรีเมียม และเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการฟังดนตรีของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ในระดับที่กว่าเราจะรู้ตัวอีกที หูฟังราคาหลายพันก็กลายเป็นของจำเป็นไปแล้ว
Make Sound Cool Again
วิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2006 เมื่อ จิมมี ไอโอวีน และดอกเตอร์เดร สองผู้ก่อตั้งและโปรดิวเซอร์ผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรี มองเห็นถึง 2 ภัยคุกคามทางธุรกิจ อย่างแรกคือการละเมิดลิขสิทธิ์ และสองคือหูฟังคุณภาพต่ำที่ทำให้เสียงเพลงไปไม่ถึงคนฟังอย่างที่ศิลปินตั้งใจ เป้าหมายของ Beats by Dre จึงเป็นการสร้างหูฟังที่นำอารมณ์ คุณค่า และสุนทรียะของการฟังดนตรีกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
“It’s not a number thing. I go to people with great taste.”
พวกเขานำข้อได้เปรียบสำคัญนั่นคือคอนเน็กชันกับคนดังในแวดวงดนตรี มาเป็นส่วนผสมของแบรนด์นี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งในระหว่างพัฒนาหูฟัง พวกเขาส่งตัวอย่างไปให้เพื่อนๆ ศิลปินชื่อดังระดับโลก อย่าง ฟาร์เรล วิลเลียม, MIA, เกวน สเตฟานี และ วิล.ไอ.แอม เพื่อฟังฟีดแบ็กของหูฟัง ซึ่งจิมมีเคยพูดไว้ว่า แม้พวกเขาถามความเห็นจากคนไม่มาก แต่ฟีดแบ็กนั้นก็มาจากคนที่มีรสนิยมที่ดีจริงๆ
Partner with Monster(s)
ในการผลิต อาจเรียกได้ว่า Beats เริ่มจากศูนย์จริงๆ พวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของดีไซน์ ไม่ได้เป็นเจ้าของโรงงานผลิตและช่องทางจัดจำหน่าย แต่เริ่มจากการจับมือกับบริษัทหูฟัง Monster Cable เพื่อพัฒนาหูฟังรุ่นแรกออกสู่ตลาดในปี ค.ศ. 2007 พวกเขาส่งหูฟังไปให้ เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลระดับโลก เลบรอนตอบกลับมาด้วยการขอหูฟังเพิ่มอีก 15 คู่ ซึ่งสุดท้ายได้ไปปรากฏอยู่บนตัวนักบาสทีมชาติอเมริกันแบบยกทีม ต้นทุนของสินค้าที่เสียไป จึงเทียบไม่ได้กับมูลค่ามหาศาลของ media coverage ที่ได้กลับมา
Power of Product Placement
เมื่อรู้ถึงพลังของสื่อในมือ พวกเขาผลักดันแบรนด์ Beats by Dre ไปอีกขั้นผ่านทางมิวสิกวิดีโอ ทุกครั้งก่อนและหลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ของชิ้นนั้นจะไปปรากฏในมิวสิกวิดีโอของศิลปินเบอร์ใหญ่ที่มียอดเข้าชมหลายร้อยล้านวิวจากทั่วโลก ตั้งแต่เพลง Poker Face ของ เลดี้ กาก้า ไปจนถึงเพลง Blurred Line ของ โรบิน ธิก หูฟังของบีตส์แทรกตัวไปในกระแสป๊อปคัลเจอร์แบบเนียนๆ (และไม่เนียนบ้าง) จนในเวลาไม่กี่ปี โลโก้ตัว b สีแดงก็กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก
$300 Investment
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเห็นซ้ำๆ บ่อยๆ ก็เริ่มอยากได้ขึ้นมาจริงๆ ยิ่งเห็นหูฟังปรากฏอยู่บนตัวนักดนตรีและนักกีฬาที่ชอบ แฟนๆ ก็ต้องหามาครอบครองให้ได้ จากหูฟังพรีเมียม ดีไซน์ดี Beats by Dre เริ่มกลายมาเป็นแอ็กเซสซอรีที่แสดงสเตตัสและทัศนคติ เป็นเครื่องประดับที่ตะโกนออกไปแทนคนใส่ว่า “ฉันสนใจดนตรี” สินค้าของ Beats ตั้งแต่ระยะนี้ จึงมีองค์ประกอบของทั้งซาวนด์และลุกส์ จนในที่สุด หูฟังราคา 300 เหรียญฯ ก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสายตาคนหลายล้านคน
The New Beats
ด้วยภาพลักษณ์ที่ให้คุณค่ากับเสียงดนตรี แบรนด์ Beats by Dre จึงได้ร่วมงานกับ HP เพื่อสร้างแล็ปท็อปรุ่นพิเศษที่มีระบบเสียงคุณภาพ ทั้งยังได้ขยับขยายไปพัฒนาระบบเสียงในรถยนต์ให้กับรถของ Dogde, Crysler และ Fiat ต่อเนื่องมาจนถึงการเข้ามาถือหุ้น Beats by Dre ของ HTC ในปี 2011 ที่จบลงด้วยการซื้อหุ้นคืนของจิมมีและดอกเตอร์เดร ในปี 2012 ซึ่ง Beats by Dre ได้ยกเลิกสัญญากับ Monster และหันมาผลิตสินค้าเองเต็มรูปแบบ
Keep the Beat Up
ยอดขายของ Beats เติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวในแต่ละปี จนบริษัทครองตลาดหูฟังพรีเมียม พวกเขายังคงต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์โดยเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ให้น้ำหนักกับดีไซน์อย่างต่อเนื่อง จากหูฟังสู่ earbuds และลำโพงบลูทูธที่ยังคงได้รับการโปรโมตผ่านช่องทาง product placement ในมิวสิกวิดีโอ รวมทั้งการทำโปรเจ็กต์ collaboration กับศิลปินดังๆ อย่างหูฟัง JustBeats รุ่นพิเศษจาก จัสติน บีเบอร์ หรือ ลำโพง Beats Pill ที่ได้ นิกกี้ มินาจ มาช่วยดัน นอกจากนี้ Beats ยังได้เข้าซื้อบริษัทมิวสิกสตรีมมิง MOG และพัฒนาแอพพลิเคชันเพื่อลุยตลาดมิวสิกสตรีมมิง ภายใต้ชื่อ Beats Music
Apple Era
ผลตอบรับของ Beats Music อยู่ในระดับกลางๆ ด้วยผู้ใช้งานประมาณ 2 แสนคน จนกระทั่งแอพฯ Beats Music ไปเข้าตา Apple ที่กำลังหาช่องทางมาแข่งขันในตลาดนี้ กับคู่แข่งอย่าง Spotify และ Pandora ปี ค.ศ. 2014 จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ Apple ตัดสินใจเข้าซื้อเครือ Beats ในราคา 3.2 พันล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ก่อนที่ Apple จะพัฒนา Beats Music และแปลงร่างมันเป็น Apple Music ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
—
Founders’ Profile
—
Beats by Dre เกิดขึ้นจากการร่วมแรงของสองโปรดิวเซอร์ชื่อดัง จิมมี ไอโอวีน ผู้บริหารค่ายเพลงชื่อดัง และดอกเตอร์เดร อดีตสมาชิกฮิปฮอปกรุ๊ป N.W.A. ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Eminem และเคนดริก ลามาร์ ทั้งสองคนปลุกปั้นแบรนด์หูฟังคุณภาพแบรนด์นี้ผ่านคอนเน็กชันระดับเอลีต บวกกับการตลาดที่ใช้อิทธิพลของสื่ออย่างเฉียบขาด ที่ไม่เพียงแค่ปฏิวัติตลาดหูฟัง แต่ยังเปลี่ยนทัศนคติของคนเสพดนตรีไปทั้งเจเนอเรชัน
ภาพ : Beats by Dre