ตั๊ก บงกช เพื่อน

‘ตั๊ก’ – บงกช เบญจรงคกุล | ความหมายของคำว่าเพื่อน

คงไม่มีพรใดในโลกหล้าจะส่งผลดีต่อชีวิตของเรามากไปกว่าการมีเพื่อนที่ดี ‘ตั๊ก’ – บงกช เบญจรงคกุล น่าจะเป็นคนที่ทำให้เราตระหนักถึงสัจธรรมข้อนี้ได้ชัดเจนที่สุด

เธอบอกว่า สิ่งที่ทำให้เธอข้ามผ่านบทเรียนชีวิตมากมายทั้งดีและร้ายก็คือความเป็นเพื่อน เพราะเราเป็นสัตว์สังคม จึงต้องได้รับการฝึกฝนและขัดเกลาตัวเองจากใครสักคน เพื่อนจึงเป็นกระจกสะท้อนให้เราเห็นตัวเอง ช่วยทำให้เราไม่เหงาจนเป็นบ้าไปเสียก่อน เพื่อนเป็นปัญญาอีกฝั่งที่คอยโต้ตอบพูดคุย บางครั้งผิด บางครั้งพลาด บางครั้งก็สุขและทุกข์ปะปนกัน แต่ในท้ายที่สุด เราทุกคนก็จะได้รับบทเรียนที่ดี

     เพื่อนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้เราได้รับบทเรียนมากมาย ตั๊กบอกเล่าถึงแม่ที่คอยสั่งสอน เพื่อนสาวที่ช่วยประคับประคองยามเศร้าเสียใจ สามีที่คอยให้กำลังใจในการทำงาน และลูกชายที่รอฟังนิทานสนุกๆ ของเธอทุกวัน ฯลฯ

     วันคืนหมุนเวียนผ่านไป จากภาพเด็กสาวเกเรก้าวร้าวที่มักจะถูกนำเสนอผ่านสื่อ มาถึงวันนี้เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เธอเป็นเมีย เป็นแม่ เป็นผู้กำกับหนังคลื่นลูกใหม่ ซึ่งกำลังมีผลงานหนังที่น่าจับตามอง ‘เพื่อนฉัน…ฝันสลาย’

     และที่สำคัญที่สุด เธอเป็นเพื่อนที่น่ารักและจริงใจกับทุกคนรอบตัว ‘ฟลอเรนซ์’ – วนิดา เฟเวอร์ และ ‘แอม’ – ภัควดี สุวรรณ สองดาราสาวจาก ‘เพื่อนฉัน…ฝันสลาย’ มาร่วมกันบอกเล่าเรื่องราวแห่งมิตรภาพ ประสบการณ์ และบทเรียนแห่งความเป็นเพื่อน ที่พวกเธอได้รับจากการร่วมงานกันในหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องซาบซึ้งกินใจ ไปจนถึงความ ‘ลำไย’ ของสามสาวสวยเวลามาอยู่ด้วยกัน

     เพราะแบบนี้ไง เราทุกคนจึงต้องมีเพื่อน… สามสาวช่วยกันยืนยันกับเรา

ตั๊ก บงกช เพื่อน


Storyteller

ดูเหมือนว่าคุณมีความใฝ่ฝันที่จะกำกับภาพยนตร์มานานแล้วใช่ไหม เราเห็นทิศทางของคุณตั้งแต่เรื่อง ปายอินเลิฟ แล้ว

     บงกช : ตอนนั้นกล้องจำกัด ไฟจำกัด โชคดีที่เราได้นักแสดงดีมาร่วมงาน ถือเป็นการกำกับและเขียนบทเรื่องแรกในชีวิตของตั๊กเลยก็ว่าได้ เล่าเรื่องผู้ชายที่กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วัน เลยมาทบทวนชีวิตตัวเองที่ปาย แล้วบังเอิญมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเลิกกับแฟนมาเมื่อไม่กี่วัน สองคนมาเจอกัน เกิดความรู้สึกดีต่อกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

     ตั้งแต่ ปายอินเลิฟ, นางฟ้า มาจนถึงเรื่อง เพื่อนกัน…ฝันสลาย ตั๊กชอบทำหนังคุยกัน มีไดอะล็อกเยอะๆ แต่ผู้กำกับคนอื่นอาจจะบอกว่าเป็นข้อเสีย เราน่าจะปล่อยให้หนังเล่าเรื่องโดยภาพไป มีอารมณ์ความรู้สึก แต่บางคนบอกว่าเป็นข้อดี ก็แล้วแต่สไตล์ใครสไตล์มัน สำหรับตั๊ก ตั๊กชอบการพูดคุย คิดว่าคำพูดบางคำบางประโยค แค่นิดเดียว เราไม่ต้องใส่อะไรอย่างอื่นเข้าไปอีกเลย แค่คนคุยกันก็พอ

     จริงๆ แล้วตั๊กไม่ได้ฝันอยากเป็นผู้กำกับ แต่ตั๊กฝันอยากเป็นนักเล่าเรื่อง ตั๊กมีเรื่องที่อยากเล่ามากมาย ทุกวันนี้ยังชอบเล่านิทานให้ลูกฟังทุกวัน ตั๊กชอบอ่านหนังสือ อ่านแล้วก็นึกขึ้นมาตลอดว่าอยากจะเล่าให้คนอื่นฟัง อยากให้คนอื่นได้อ่านเล่มนี้บ้าง อยากให้คนอื่นได้มาสนุกด้วย ตั๊กชอบขีดๆ เขียนๆ ตั้งแต่เด็กก็เขียนไดอารี วันนี้ไปเจอใคร ทำอะไร คิดอะไรในใจ มีเหตุการณ์อะไรที่ควรจะจดจำไว้ ทุกวันนี้ยังเอาไดอารีเก่าๆ มาย้อนอ่าน อย่างเมื่อแปดปีก่อน อ่านแล้วก็ อู้หู เมื่อก่อนเราทำแบบนี้เหรอ มันมีโมเมนต์ที่ควรจดจำเยอะมาก ทุกอย่างกลายเป็นพล็อตหนังได้หมดเลย อ่านไดอารีเก่าๆ แล้วจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเยอะแยะ เกิดความคิดใหม่ๆ ทั้งที่มาจากเรื่องราวเก่าๆ

     อย่างเรื่อง ปายอินเลิฟ พี่ปื๊ด (ธนิตย์ จิตนุกูล) ให้โอกาสลองกำกับดู ก็เอาเรื่องเก่าๆ ในไดอารีตัวเองมาทำ เคยเจอเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมาบอก เออเนี่ย พรุ่งนี้พี่จะแต่งงานแล้วนะ แต่วันนี้พี่ยังไม่แน่ใจเลย พี่ยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้เลยว่ะตั๊ก เขาพูดแบบนี้ เรื่องของเพื่อน เรื่องของแฟน เรื่องของภรรยาเขา เราก็เลยเกิดไอเดียขึ้นมา สามวันของฉัน สามวันของเธอ และสามวันของเรา สามวันของเรย์ สามวันของกระแต และสามวันของสองคนนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน

เรื่องเล่าที่ดีควรจะต้องประกอบด้วยอะไร

     บงกช : ต้องมาจากความรู้สึกก่อนเลย เรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีในชีวิตของเรา เกิดเป็นความประทับใจ แล้วเราจะเล่ามันออกมาด้วยความรู้สึกร่วม แต่ความรู้สึกเป็นดาบสองคมนะ ถ้ารู้สึกมากไปก็ทำงานแล้วเครียด ถ้ารู้สึกน้อยไปก็ทำงานออกมาไม่ถึง หนังต้องใช้ความรู้สึกเยอะ บางครั้งเราจึงเห็นคนในกองถ่ายทะเลาะกัน อย่างเวลาพักเบรก ตั๊กเห็นแล้วว่าทีมงานเหนื่อย หิว แต่เรายังถ่ายทำไม่เสร็จ ตั๊กรู้สึกได้ว่าคนอื่นกำลังหิว แล้วจะทำอย่างไรล่ะ พี่รอแป๊บหนึ่งได้ไหม ขอเวลาอีกนิด เขาก็จะต่อลังให้เสียงดังๆ (หัวเราะ) สิ่งเหล่านี้ตั๊กสัมผัสได้ หนังต้องใช้ความรู้สึก แม้กระทั่งตอนถ่ายทำ

คุณไวต่อความรู้สึกของคนอื่นมากเลย

     บงกช : ใช่ๆ ตั๊กเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วควรปล่อยไปบ้างจะดีกว่า การคิดเล็กคิดน้อยมันดีตรงที่ช่วยให้เราทำงานออกมาได้ละเอียด แต่มันไม่ดีต่อการใช้ชีวิตหรอก ถ้าตั๊กไม่รู้สึกกับเรื่องอะไร ตั๊กจะเล่าออกมาไม่ได้ เพราะตั๊กไม่ได้เป็นผู้กำกับที่เก่งอะไรมากมาย ถ้าไม่มีสตอรีบอร์ดออกมาก็ทำไม่ได้ ต้องเริ่มต้นจากการเขียนก่อน แล้วจึงจะคิดออกมาเป็นภาพ และทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในผลงาน เราต้องชอบที่จะเล่าเรื่องนี้จริงๆ ตอนนั่งเขียนบทก็ร้องไห้ ตอนกำกับอยู่ก็ร้องไห้ มันทำให้เราระลึกถึงวันเก่าๆ ตอนเขียนบทเราก็ย้อนกลับไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เคยไป ไปสัมผัสสถานที่เดิมๆ เพื่อให้เกิดความรู้สึกกลับคืนมา ตอนที่แม่เสียชีวิตไป ตั๊กชอบไปนั่งกินข้าวในห้องของแม่ทุกวันๆ เพื่อจะได้ความรู้สึกว่าเรายังอยู่กับแม่ ทุกวันนี้ก็ยังไปนั่งกินในห้องนั้น เคยนั่งกินข้าวกับแม่ตรงไหนก็นั่งกินอยู่ตรงนั้นแหละ

ตั๊ก บงกช เพื่อน

เคยสังเกตตัวเองไหมว่าคุณมีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่อง

     บงกช : ไม่แน่ใจเลย เราแค่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มา เก็บความรู้สึกมา เราอยากจะให้คนอื่นได้รู้สึกร่วมกัน ได้เห็นคุณค่าของมัน เผื่อว่าจะมีใครเคยรู้สึกแบบเดียวกันหรือเจอประสบการณ์แบบเดียวกัน เราเคยเขียนสเตตัสในเฟซบุ๊กบางเรื่อง แล้วมีคนเข้ามาคอมเมนต์ว่า ใช่ ผมก็รู้สึกเหมือนกัน ผมเคยประสบเหตุการณ์เหมือนกัน ผมเข้าใจคุณ เช่นเดียวกันกับหนังเรื่องหนึ่ง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อแชร์ความรู้สึกกัน

     ตั๊กเลยบอกไงว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำกับหนังก็ได้ เราแค่อยากเล่าเรื่อง หรือเมื่อเราได้มากำกับหนัง เราอาจจะไม่ได้เก่งมากหรอก เพียงแต่เราเล่าเรื่องนั้นออกมาได้รู้เรื่องไหม สื่อสารเรื่องราวออกมาตามที่เราต้องการมากแค่ไหน มีครั้งหนึ่งตั๊กเคยทดลองทำหนังบู๊ แล้วก็รู้ตัวเลยว่าไม่ใช่ผู้กำกับหนังบู๊แน่ๆ หนังบู๊เป็นหนังภาพ ไม่ใช่หนังพูด ตั๊กเลยไม่ถนัด ทดลองถ่ายทำไปแล้ว เสียเงินไปแล้วด้วย รู้สึกเฟลไปพักหนึ่งเลย

อยากรู้ว่าคุณเล่านิทานอะไรให้ลูกฟัง และสื่อสารเรื่องอะไรไปถึงลูก

     บงกช : เขาชอบให้เล่านิทาน กระต่ายกับเต่า ทุกคนรู้จักเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว มันเป็นนิทานเบสิกสุดๆ แต่ความน่าสนใจในการเล่าเรื่องคือ เราสามารถนำมาสอนได้หลายแบบ ไม่ใช่แค่สอนว่ากระต่ายประมาทและเต่าขยัน แต่สอนเรื่องอื่นได้อีก

     สมมติวันนี้เขาไปโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งมา กลับมาถึงบ้านแล้วเราก็ถามว่าลูกทำอย่างไร ลูกบอกว่าเขาก็ตอบโต้กลับไป เราก็เล่าเรื่องกระต่ายกับเต่าแบบใหม่ เต่าเดินออกไปเหยียบงู งูโกรธมาก มาเหยียบฉันทำไม งูก็เลยฉกกลับมา เต่าด้วยความที่มันมีกระดอง ก็หดตัวเข้าไปในนั้น งูกัดยังไงก็ไม่โดน เราก็บอกว่า ถ้าลูกทะเลาะกับเพื่อนก็ใจเย็นๆ ได้นี่ แล้วลูกไม่ต้องไปชักชวนคนอื่นมาทะเลาะด้วยนะ เคลียร์กับเพื่อนคนนั้นตรงๆ อย่าให้คนอื่นเข้ามาเป็นมือที่สาม เพราะพอดีมีอีกาตัวหนึ่งบินมาเห็นงูกับเต่าทะเลาะกัน อีกาอยากกินงูก็เลยวางแผนลงมาทำท่าทีว่าจะช่วยงู งูบอกว่า เนี่ยดูสิ เต่านี่มันหดหัวอยู่ ฉกยังไงก็ไม่ตาย อีกาก็บอกว่า งั้นฉันจะช่วยพาเธอไปหาคนที่เอาเต่าออกมาจากกระดองได้ งูก็บอกว่า งั้นเราไปด้วยกัน อีกาก็คาบงูบินขึ้นฟ้า แล้วมันก็กินงูไปเลยตอนเผลอ (หัวเราะ)

ตั๊ก บงกช เพื่อน


Friend Forever

ได้ยินมาว่าคุณเริ่มคิดโปรเจ็กต์หนังเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อสัก 7-8 ปีที่แล้ว และชะลอไปพักหนึ่งเนื่องจากปัญหาสุขภาพของแม่

     บงกช : เรามีความคิดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่พอเวลาที่ผ่านไปแต่ละปีๆ ก็ทำให้ภาพในหัวเปลี่ยนแปลงไปตามทิศทางรสนิยมของตลาด เรื่องราวยังเหมือนเดิม เพียงแต่การนำเสนอและจุดจบของเรื่องราวอาจจะต้องเปลี่ยนไป หลักการเขียนบทหนัง เราควรคิดเผื่อไว้ล่วงหน้าสัก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย เพราะกว่าจะถ่ายทำเสร็จ กว่าจะนำออกเผยแพร่ คนดูจะได้รู้สึกว่ามันเป็นหนังของปีนั้นจริงๆ แต่เราจะเขียนบทไปถ่ายไปไม่ได้ คอยปรับบทตลอดไม่ได้ เพราะสมาธิจะไม่จดจ่ออยู่กับการทำงาน

มันเป็นเรื่องเฟมินิสต์ใช่ไหม ดูเทรเลอร์แล้วทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง Thelma & Louise

     บงกช : เราว่ามันเกี่ยวกับความเป็นเพื่อนมากกว่า เราเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาสมมติว่า ถ้าเราจะต้องไปติดเกาะร้างคนเดียว จะเลือกเอาระหว่างทรัพย์สมบัติเงินทอง หรือลิงสักตัว มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม เราต้องการเพื่อนที่ดีสักคนในชีวิตนี้ ตั๊กเลยคิดว่าไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน อีกสามสี่ปีข้างหน้าหลังจากถ่ายทำหนังเรื่องนี้เสร็จ ประเด็นเรื่องความเป็นเพื่อนก็ต้องมีอยู่ต่อไปแน่นอน ตั๊กอยากนำเรื่องนี้มาเล่า อยากเอามาเล่าให้แปลกออกไป เล่าอย่างไรในแบบที่คนอื่นไม่เคยเล่า หนังฮอลลีวูด หนังอินดี้ หนังทุกประเทศ ทุกศาสนา เคยเล่าเรื่องเพื่อนมาแล้วทั้งนั้น

     หนังของตั๊กจะทำอย่างไรให้แตกต่างออกไป ตัวละครของตั๊กมักจะเป็นคนโดดเดี่ยว ในเรื่องนี้นางเอกเป็นเปอร์เฟกชันนิสม์ แต่กลับไม่เข้าใจตัวเอง คนเราเกิดมาแล้วไม่เข้าใจตัวเองนี่จะสับสนนะ คนแบบนี้ต้องการเพื่อนที่เข้าใจตัวเขา เพื่อนที่ดีก็คือคนที่เข้าใจตัวเองให้ได้ก่อน แล้วก็มาเข้าใจเพื่อน มีเพื่อนแบบนี้เข้ามาในชีวิตก็ช่วยเติมเต็มเราได้

     แต่สมมติว่าอยู่มาวันหนึ่ง เขาต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้ไป จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องสูญเสียตัวเองเช่นกัน ถ้าไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย เราก็จะเคว้งเลย ตั๊กสร้างตัวละครตัวนี้ขึ้นมาแทนตัวเอง เพราะตั๊กเป็นคนเพื่อนน้อยมาตลอดชีวิต และตั๊กอยากจะเข้าใจตัวเอง ตัวละครเพื่อนในหนังเรื่องนี้ก็มาจากเพื่อนรักที่สุดของตั๊ก ฟ้าส่งมาให้เป็นเพื่อนตั๊ก แต่ตลอดเวลาที่เราเป็นเพื่อนกัน ตั๊กไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าของเขาเลยนะ คิดถึงแต่ว่าจะไปทำอะไรสนุกด้วยกัน ไปกินอะไรด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งเราต้องพรากจากกัน

เขาคนนี้คือใคร

     บงกช : เขาชื่อเพลง (นิ่งอึ้งไป) เป็นผู้หญิงสวย สวยแบบน่ารักๆ มีเซ็กซ์แอพพีล ดึงดูด บุคลิกดี ไม่ได้สวยจัดๆ ถึงแม้ผู้หญิงสวยจัดมากๆ ก็อาจจะไม่มีแรงดึงดูดพิเศษอะไร แต่เพื่อนของตั๊กคนนี้มีแรงดึงดูด เมื่อตั๊กอยู่ด้วยแล้วมีความสบายใจ เขาน่ารัก ฉลาด มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเพื่อนเสมอ เขาเสียชีวิตไปแล้วนะด้วยโรคมะเร็งที่ตาซ้าย… ตอนแรกเขานึกว่าเป็นแค่กุ้งยิง ก็ไปหาหมอ ตรวจแล้วเจอว่าเป็นมะเร็ง ตอนนั้นพวกเราทั้งสองคนยังอายุน้อยอยู่เลย แค่ยี่สิบกว่าๆ ตั๊กก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก หมอตรวจผิดแน่ ไปหาหมอคนอื่นแล้วตรวจใหม่สิ เขาบอกว่าเขาตรวจมาสามโรงพยาบาลแล้ว หมอทุกคนบอกตรงกันว่าเป็นมะเร็ง

     ในวัยยี่สิบกว่าๆ ด้วยความที่เป็นเด็ก ตั๊กยังไม่เข้าใจเรื่องความเจ็บป่วย ความตาย ว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร แถมตอนนั้นเราเริ่มดังแล้วด้วย เราก็เป็นคนประเภทที่สนใจแต่ตัวเอง มีความหลงตัวเอง พอมีชื่อเสียงเข้ามา ความดังเข้ามา คำยกย่องสรรเสริญเข้ามา ตอนนั้นเรามองข้ามไปเลยว่าเพื่อนกำลังทุกข์มาก ในขณะที่เพื่อนก็ยังคอยสนับสนุนเราอยู่ตลอด สนับสนุนทางความรู้สึก

     เราเองรู้ทั้งรู้ว่าเขาป่วย ยังพาเขาไปเที่ยวผับ เฮ้ย ไปเต้นกันสิ ในนั้นทุกคนก็ดูดบุหรี่ เขาเป็นมะเร็งก็ต้องปิดตาข้างหนึ่งไป เขายอมไปกับเรา แม่เขายังงงว่าทำไม แต่พอหลังจากเขาเริ่มไปฉายคีโม อีกสิบสองเดือนจากนั้นเขาออกจากบ้านไม่ได้อีกเลย ตั๊กเหงามาก โทร.ไปหาเขาก็ไม่รับสาย มารู้ตอนหลังว่าเขากำลังเจ็บปวดมาก ตั๊กคิดถึงเขาจนทนไม่ไหว ก็เลยไปหาเขาดีกว่า เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสามอาทิตย์สุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต สามอาทิตย์นั้นเป็นสามอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งรักเขา ทั้งกลัวเขาตาย กลัวเขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว เขาเองก็พูดเสมอว่าเขากำลังจะตาย

พูดได้เลยไหมว่าหนังเรื่องนี้คือหนังของเพื่อนคนนี้

     บงกช : พูดได้เลย จนกระทั่งหลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว เราเพิ่งคิดขึ้นมาได้ ว่านี่เราโทร.หาเขาไม่ได้อีกแล้วนะ ได้แต่นั่งมองเบอร์ในโทรศัพท์ พอโทร.ไปหาแฟนเขาก็รับสาย เพราะแฟนเขายังเก็บเบอร์นี้ไว้ เรารู้สึกขึ้นมาเลยว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทำไมเราไม่ทันคิดอะไรมากกว่า ทำไมเราไม่พูดอะไรกับเขามากกว่านี้

ตั๊ก บงกช เพื่อน

ในชีวิตคนคนหนึ่ง โอกาสที่เราจะได้เจอเพื่อนรักแบบนี้บ่อยแค่ไหน

     บงกช : คนที่โชคดีคงเจอได้ตลอด แต่ถ้าเป็นคนอย่างตั๊กก็ไม่แน่ว่าอาจจะเจอแค่ครั้งเดียว ตั๊กไม่เคยเจอเพื่อนที่สนิทแบบนี้อีกเลย เพื่อนที่รักเราทุกอย่าง เรามีแม่ที่รักเรามาก ไม่มีใครมาแทนแม่ได้ และเพื่อนก็เหมือนกัน เพื่อนที่รักเรามาก และไม่มีใครมาแทนเพื่อนคนนี้ได้ ตั๊กอยากให้คนเห็นคุณค่าของเพื่อน และเห็นคุณค่าของตัวเองด้วย ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เราไม่รู้หรอกว่าจะตายเมื่อไหร่ หรือคนที่ใกล้ชิดเราจะจากไปเมื่อไหร่

การได้ ก้องเกียรติ โขมศิริ มาช่วยทำงาน ได้เรียนรู้อะไรบ้าง 

     บงกช : พี่โขมช่วยได้ในเรื่องจินตนาการที่น่าหวาดเสียว ภาพการฆาตกรรม เขาทำให้ออกมาแล้วรู้สึกโหดๆ เป็นมุมมองแบบผู้ชายๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องบทระหว่างผู้หญิงๆ พี่เขาจะแบบ… ไม่ต้องมาถามผมเลย (หัวเราะ) ผมไม่เข้าใจเรื่องผู้หญิงๆ เขาสอนว่าตั๊กต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ตั๊กอยากเล่าอะไร ให้เล่าออกมาแบบนั้น

ตั๊ก บงกช เพื่อน


Girly Journey

สงสัยว่าเวลาผู้หญิงสวยๆ มาทำงานด้วยกัน เขาทะเลาะกันหรือเปล่า

     บงกช : คุณหมายถึงเราสามคนหรือเปล่า อืม ตั๊กคิดว่าตัวเองอาจจะใส่อารมณ์มากไปหน่อย มีบ้าง

     ฟลอเรนซ์ : ขึ้นอยู่กับหน้าที่ของแต่ละคนด้วยนะ อย่างตั๊กต้องทำแบบนี้อยู่แล้วตามหน้าที่ เพราะต้องการให้ได้ภาพออกมาตามที่ต้องการ ก็ต้องเคี่ยวเข็ญกัน ดึงอารมณ์ตัวละครออกมาจากนักแสดง เวลาแสดงแล้วไม่ถึง ก็ต้องเค้นออกมาให้ได้

     บงกช : ตั้งแต่ตอนที่น้องแอมมาแคสต์แล้ว เราคุยกันอย่างลึกซึ้ง ตั๊กถามเขาว่ามีเรื่องอะไรที่เศร้าที่สุดในชีวิต พูดแล้วก็ร้องไห้ทุกที แรกๆ น้องก็อ้ำอึ้งไม่อยากเล่า จนเมื่อเขาเล่าออกมา เราก็มีความเข้าใจกัน หลังจากนั้นมาถ้ามีฉากไหนที่น้องเขาแสดงไม่ถึง ตั๊กก็เข้าใจเลยว่าเขากำลังคิดอะไร รู้สึกอย่างไร

เรื่องอะไร เป็นความลับหรือเปล่า

     ภัควดี : เป็นเรื่องสุขภาพของคุณแม่ ตอนนี้กำลังเป็นห่วงแม่ ลึกๆ ในใจเราสองคนตอนนี้ก็ตรงกัน พี่ตั๊กเขาก็รักแม่มากเหมือนกัน เป็นความเศร้าที่เรามีตรงกัน ในบางฉากที่ถ่ายทำแล้วพี่ตั๊กบอกว่า พี่ขอเห็นน้ำตาฝั่งนี้ได้ไหม หนูก็ร้องไห้น้ำตาไหลง่ายแค่ข้างเดียว จะให้ทำอย่างไร เพราะข้างที่มีน้ำตามันดันเป็นข้างที่ปิดตาอยู่ด้วยสิ

เวลาตั๊กกำกับดาราหน้าใหม่ เคยนึกย้อนไปถึงตัวตอนเข้าวงการใหม่ๆ บ้างไหม

     บงกช : นึกถึงตลอดเลย สมัยนั้นตั๊กโดนหนักมาก (หัวเราะ) ผู้กำกับสมัยก่อนเขาจริงจัง กดดันมากเลยนะ หนังทุกเรื่องต้องบิลด์อารมณ์ ตั๊กเข้าใจเรื่องนี้ดี พี่ปื๊ดกดดันให้เราแสดงออกมาให้ได้ตามต้องการ โชคดีที่ตั๊กเป็นคนสู้ ยิ่งโดนกดดันเรายิ่งสู้ แต่ตั๊กว่าน้องๆ สมัยนี้อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เด็กน้อยหลายคนพอโดนกดดันปุ๊บ จบเลย ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้วิธีกดดัน ต้องหาวิธีอื่นแทน

     ฟลอเรนซ์ : แต่เวลาฟลอเรนซ์ทำงานในกองถ่ายต่างประเทศ รู้สึกว่าไม่ค่อยโหดกันเท่าไหร่นะ วัฒนธรรมในการทำงานไม่เหมือนกัน เขาทำงานกันแบบมืออาชีพ ซีเรียสมากเรื่องเวลา แต่ผู้กำกับโหดๆ นี่ฟลอเรนซ์ยังไม่เคยเจอ พูดตรงๆ ฟลอเรนซ์ว่าเขาเอาใจนักแสดงมากกว่าด้วยซ้ำ เขาถนอมความรู้สึกของทีมงาน ไม่อยากให้คนในทีมรู้สึกสะเทือนใจ ฟลอเรนซ์ว่าเขาเซนสิทีฟกับเรื่องแบบนี้ เพราะเรามาทำงานด้วยกัน เราไม่รู้หรอกว่าคนไหนเป็นยังไง ดังนั้น ก็ไม่เสี่ยงดีกว่าที่จะทำอะไรร้ายๆ แก่กัน

     แต่พวกเราสนใจเรื่องเวลามากกว่า อย่างการแสดงซีรีส์ ต้องถ่ายทำให้เสร็จเร็ว เทกให้น้อย ไม่มีเวลามาดึงอารมณ์แล้วเทกซ้ำเยอะๆ หรอก ไม่เหมือนกับการเล่นหนัง ซึ่งฟลอเรนซ์คิดว่าอยากเล่นหนังมากกว่า ที่ใช้เวลานานๆ ในการสร้างอารมณ์แล้วแสดงออกมา ซีรีส์เขาถ่ายทำล่วงหน้าสัก 7-10 วัน ระหว่างที่เราถ่ายทำ ตอนก่อนหน้านั้นก็ออกฉายแล้ว ฟลอเรนซ์มาเล่นหนัง แล้วรู้สึกผูกพันกับคาแรกเตอร์นี้ ตั้งแต่ตอนที่อ่านบทแล้ว

     บงกช : พี่เขาพิจารณานานมาก กว่าจะติดต่อกันได้ และเวลาก็ต่างกัน

     ฟลอเรนซ์ : ก็ส่งบทมาเป็นภาษาไทยทั้งหมด (หัวเราะ) ฟลอเรนซ์แรกๆ ก็อ่านเอง แต่หลังๆ ต้องให้แม่ช่วยอ่านให้ฟัง จะได้ทำความเข้าใจเร็วขึ้น

อยากให้แต่ละคนเล่าถึงเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต

     ฟลอเรนซ์ : ฟลอเรนซ์มีเพื่อนคนหนึ่งที่โตมาพร้อมกัน ทำงานร่วมกันมา เราซี้กันมาก ในขณะที่ฟลอเรนซ์มีความเป็นฝรั่ง เรียนโรงเรียนอินเตอร์ จึงมีเพื่อนเป็นคนไทย และพูดไทยได้ แต่ความคิดเป็นเหมือนฝรั่ง เพื่อนคนนี้เรารักกันมากๆ บ่อยครั้งที่ฟลอเรนซ์รู้สึกเลยว่าเรามุมมองต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน แต่แปลกที่เราเป็นเพื่อนกันได้ มีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจกันหมด ฟลอเรนซ์คิดเอาเองว่าเราเข้าใจเขามากกว่านะ เขาเข้าใจเราน้อยกว่า

     จนกระทั่งฟลอเรนซ์ย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง เขาจะน้อยใจหรือเปล่า แต่จนวันนี้ฟลอเรนซ์ก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกัน และเขารักเราแบบไม่มีเงื่อนไข แม้จะห่างกัน ไม่ได้เจอกันเลย มีหลายเรื่องที่คิดไม่เหมือนกัน มีบางครั้งทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้ ก็ยังรู้สึกว่าเราสนิทกันเหมือนเดิม เราเป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์นะ จึงอาจจะไม่ค่อยติดต่อเพื่อน ไม่ส่งเมสเสจ ไม่พิมพ์แชตอะไรแบบนั้น แม้กระทั่งการคุยกับแม่ เราก็พยาย้าม พยายาม (หัวเราะ) ฟลอเรนซ์เป็นคนที่ทำโน่นนี่ตลอดเวลา เลยไม่ติดต่อเพื่อนเก่าสม่ำเสมอ แต่สำหรับเพื่อนคนนี้ ฟลอเรนซ์รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนเสมอ

     ภัควดี : มีเพื่อนแบบนี้เหมือนกัน เรารักกันมาก แอมเรียนนาฏศิลป์ มีครั้งหนึ่งไปแสดงต่างประเทศ แล้วเจออากาศเปลี่ยนแปลงมาก เจอฝุ่น เจออากาศหนาว เราเป็นคนป่วยง่ายอยู่แล้ว แถมยังขี้ลืม เราก็ไม่ได้เอายาอะไรไปเลยในทริปนั้น ปรากฏว่าเพื่อนเราคนนี้เป็นเตรียมไปให้เราเอง พี่แอมกินยาหรือยัง กินยาสิ กินยาแล้วพักผ่อนนะ เวลาจะแต่งตัวขึ้นแสดงเขาก็จะรีบแต่งตัวเองให้เสร็จก่อน เพื่อจะได้มาช่วยเราที่ยังไม่เสร็จ จนช่วงหลังๆ มานี้เราก็แยกย้ายทำงาน มีบางช่วงที่เราไม่ได้เจอกันนานหลายอาทิตย์ แต่เมื่อมาเจอกัน ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เฮฮาปาร์ตี้ เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนโลกทั้งโลกมีแค่เราสองคนเท่านั้นเอง เวลาคุยกัน คนอื่นก็จะไม่เข้าใจ เรามีเรื่องที่เรารู้กันเองสองคนเท่านั้น

ตั๊ก บงกช เพื่อน

เชื่อในกฎของแรงดึงดูดไหม คนที่มีอะไรคล้ายกันก็จะมาเจอกัน และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป

     บงกช : ชอบพี่โฟตรงที่เขาสวย มีเซ็กซ์แอพพีล มีความเป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่ตอนวัยรุ่นที่เราเจอกัน ปีที่ไปเทศกาลหนังเมืองคานส์ เราอยู่ด้วยกันตลอด ตั๊กเมาเหล้า พี่เขาก็ช่วยหิ้วปีกกลับมาโรงแรม เช้ามาตั๊กตื่นไม่ไหว พี่เขาก็เดินมาดู แล้วระหว่างวันเราก็ตระเวนช้อปปิ้งด้วยกัน ตั๊กหิวมาก เดินไม่ไหวแล้ว ตั๊กบอกพี่เขาว่าปวดหัว พี่เขาบอก เฮ้ย ไม่เป็นไร เรามีพาราเซตามอลมา (หัวเราะ) พี่เขาเห็นหน้าเราก็ถามว่าหิวใช่ไหม งั้นแวะกินข้าวก่อน แล้วเราสั่งอะไรไม่เป็น พี่เขาก็ช่วยสั่งให้

     ฟลอเรนซ์ : โอ้โฮ นี่เราจำไม่ได้เลยนะ

     บงกช : พี่สั่งเป็นสลัดมาให้ตั๊กจานหนึ่ง (หัวเราะ) หิวมาก ทำไมสั่งสลัดเนี่ย

เขาคงนึกว่าคุณกำลังไดเอ็ต

     บงกช : โชคดียังมีไข่ต้มใบหนึ่ง ผ่าสองซีก ทำไมวันนั้นถึงสั่งสลัด ตั๊กหิวมาก (หัวเราะ) พี่โฟก็หยิบผักจากจานตั๊กไปกินสองสามใบ แล้วก็นั่งรอตั๊กกิน แล้วเราก็ไปต่อคิวดูหนังกัน แต่โอ้โฮ คิวยาว ไม่เอาดีกว่า พี่เขาเลยพาไปซื้อครีมทาเซลลูไลต์ ทาแล้วอย่างหนาว ต้องห่มผ้าหนาๆ วันนั้นตั๊กก็บ้าซื้อตามมา สามหมื่นกว่าบาท หนาวมากนะ ประทับใจพี่เขาตั้งแต่ทริปนั้น ยังจำได้คืนที่เขาแบกเรากลับมาโรงแรม แล้วพี่รู้ไหมว่าตั๊กต้องจ่ายค่าปรับที่ไปอ้วกใส่กระถางต้นไม้หน้าโรงแรมด้วย

     ฟลอเรนซ์ : เฮ้ย จริงปะ

     บงกช : ก็มันมีกล้องวงจรปิดหน้าโรงแรม เช้ามาเขาก็แจ้งเจ้าหน้าที่ทีมไทยว่ามีดาราไทยไปอ้วกไว้ใช่ไหม ตั๊กจะเถียงว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้นะ มีภาพกล้องวงจรปิด (หัวเราะ)

ถ้าตอนนั้นมีโซเชียลมีเดียแล้ว พวกคุณคงแย่

     ฟลอเรนซ์ : โอ้โฮ แย่แน่ๆ

     บงกช : เหล้าที่นั่นมันแรง พี่เขาก็เตือนแล้วว่าแค่จิบๆ อย่าไปกินเยอะ

     ฟลอเรนซ์ : เหล้ามันมาเรื่อยๆ เลย เหล้าฟรีด้วย เสิร์ฟตลอดงาน เวียนมาตลอด

     บงกช : เราก็เห็นว่าฟรีไง ก็หยิบๆ

เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีหน้า คุณสามคนจะได้ไปตะลุยด้วยกัน

     บงกช : ถ้าได้ไปนะ (ยิ้ม)

ตั๊ก บงกช เพื่อน

จากวันนั้นถึงวันนี้ ดูเหมือนคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะ

     บงกช : คุณเคยได้ยินคำนี้ไหม ถ้าเราถูกทำร้าย เราก็จะทำร้ายคนอื่นด้วย ตั้งแต่เด็กๆ เริ่มเข้าวงการมา เรารู้สึกว่าถูกทำร้ายโดยสื่อ สื่อเขียนถึงเราไม่ดีเลย ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปทำอะไรเขา ไม่เคยรู้จักพวกเขา พอเราได้รับผลกระทบตรงนั้นมา เราขีดเส้นใต้ไว้เลย ว่าถ้าเจอหน้าสื่อเมื่อไหร่เราจะต้องร้ายใส่เขา ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นถึงคิดแบบนั้น เราไม่เคยถูกเทรนมา เราดังแบบชั่วข้ามคืน ทำให้ตอนนั้นเราแก้ปัญหาด้วยความก้าวร้าวกลับไป เอาความก้าวร้าวไปลงกับทุกคน แล้วพวกเขาก็ยิ่งเขียนถึงเราไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นว่าเราไม่สามารถยุติวงจรของความรุนแรงได้อีกเลย เราไม่ได้คิดเลย แทนที่จะคุยดีๆ อธิบายดีๆ กับนักข่าวว่ามันไม่ใช่นะ ไม่ใช่นะ แล้วก็แค่ปล่อยวางไป มันก็จบ แต่เราคิดไม่ได้ ตอนนี้เราคิดได้แล้ว ปล่อยวางคนที่คอยว่าเรา และเราขอทำดีกับคนที่ดีกับเรา อันนี้ต้องทำใจนะ เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราเปลี่ยนตัวเองดีกว่า

พวกคุณดูมีเคมีที่น่ารักกุ๊กกิ๊กกัน ทั้งที่ต่างรุ่น ต่างวัฒนธรรม มันเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันใช่ไหม

     บงกช : แอมเหมือนเพื่อนตั๊กคนนั้นมากๆ ดูอ่อนหวาน แต่ไม่ได้อ่อนต่อโลก เขาฉลาดมาก มองผู้ชายขาดมาก เวลาไปเดตกับหนุ่มแล้วสั่งอาหารกัน ผู้ชายสั่งอาหารสามอย่าง เพื่อนตั๊กบอกเลยว่าคุณสั่งไปแล้วสามอย่าง แล้วฉันสั่งอีกสามอย่างได้ไหม เราจะกินหมดไหม ผู้ชายคนนี้ไม่ผ่านแล้ว

     ภัควดี : ที่ดูกุ๊กกิ๊กๆ มันอาจจะเป็นความลำไยของตัวหนูเองคนเดียว

     ฟลอเรนซ์: เดี๋ยวนะ ลำไยแปลว่าอะไรอ่ะ

     บงกช : (หัวเราะ)

บอกฟลอเรนซ์หน่อยว่าลำไยแปลว่าอะไร

     บงกช : (หัวเราะ) จำได้ไหมตอนที่เราเถียงกันเองอะ นั่นแหละ ลำไยคือเรื่องมาก เรื่องเยอะแบบผู้หญิงๆ และมันมีอีกทีตอนที่เราไปหาร้านกินข้าวที่เขาใหญ่ เรื่องเยอะมาก ร้านนั้นก็ปิด ร้านนี้ก็ปิด หาข้าวกินไม่ได้ซะที โวยวายกันอยู่สามคนในรถ

หลังจากปิดกล้องไปแล้วเหงาไหม

     บงกช : เหงามากเลย เราก็พยายามส่งไลน์ไปหาตลอดนะ

     ฟลอเรนซ์ : เพราะเราได้ใช้เวลาร่วมกัน จนรู้จักนิสัยกันอย่างละเอียด ความเป็นเพื่อนคือตรงนี้แหละ ตั้งแต่ตอนที่เราทำเวิร์กช็อปกัน อ่านบทร่วมกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ แอมเองไม่เคยเป็นแสดงหนังมาก่อน เราก็เลยต้องช่วยกัน การทำงานด้วยกันนานๆ ก็เป็นการบังคับให้เราเห็นอะไรเหมือนกัน คิดอะไรด้วยกัน แล้วเราก็เลยเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเพื่อนสมัยเด็กๆ

ตั๊ก บงกช เพื่อน

ขอขอบคุณ : บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด