Editor’s Note 506 : 时 到 花 就 开 เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะบานเอง

สือ เต่า ฮัว จิ้ว ไค… แม่พูดภาษาจีนประโยคนี้ขึ้นมา แล้วทุกคนในวงสนทนาก็หัวเราะพร้อมกัน

ค่ำนั้นเป็นวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ บ้านเราจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ แม่ทำกับข้าวกับปลาหลายอย่าง แล้วเชิญครอบครัวของภรรยามาร่วม ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน เพิ่งคบหาเป็นแฟนกันได้ไม่นาน ครั้งนั้นเป็นการพาผู้ใหญ่ของสองครอบครัวมาทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ

พ่อกับแม่ของฝ่ายหญิงเอ่ยปากถามถึงเรื่องอนาคตของเราสอง พวกเขาบอกว่าปีหน้าเป็นปีมงคล เขาจะไปหาให้หมอช่วยดูฤกษ์งามยามดีเพื่อจัดงานแต่ง

ป๊ากับแม่ของผมบอกว่าเรื่องนี้ควรปล่อยให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหนุ่มสาว

สือ เต่า ฮัว จิ้ว ไค

ผมกับภรรยาฟังไม่ออก จึงถามว่ามันแปลว่าอะไร แม่บอกว่ามันเป็นสุภาษิตจีนโบราณ แปลว่า “เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะบานเอง”

คนโบราณสอนว่า ถ้าดอกไม้ยังตูมอยู่ เราก็อย่าเพิ่งไปคลี่มัน สรรพสิ่งบนโลกเรานี้ล้วนขึ้นอยู่กับเวลา ไม่เร็วก็ช้า ทุกอย่างย่อมดำเนินไปตามวิถีทางของมัน

แม่เรียนมาน้อย จบแค่ ป.4 พออ่านเขียนภาษาจีนได้บ้าง เพราะตอนเด็กๆ ไปนั่งเรียนภาษาจีนกับอาซิงแซคนหนึ่ง เขาแอบเปิดชั้นเรียนเล็กๆ ที่บ้านของเขา เพราะสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลไทยกลัวจีนคอมมิวนิสต์ การเรียนการสอนภาษาจีนในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนจึงถือเป็นเรื่องต้องห้าม

แม่กับป๊าเจอกันที่โรงเรียนแห่งนี้ แม่เป็นลูกสาวร้านขายส่งน้ำปลา ป๊าเป็นลูกชายของร้านขายส่งก๋วยเตี๋ยว ตอนเช้าป๊าทำงานส่งก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็ไปนั่งเรียนรอบกลางวัน ตอนเย็นแม่ทำงานกรอกน้ำปลาใส่ขวดเสร็จก็ไปนั่งเรียนรอบค่ำ ทั้งสองนั่งเรียนโต๊ะเดียวกัน ใช้สมุดหัดเขียนภาษาจีนเล่มเดียวกัน ป๊าหยิบสมุดขึ้นมาพลิกดูลายมือของคนแปลกหน้า เห็นว่ามีลายเส้นที่ชัดเจน เข้มแข็ง จึงนำไปถามอาซิงแซด้วยความสนใจ หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักกัน อาซิงแซบอกป๊าว่า แม่เป็นเด็กสาวที่ฉลาดเฉลียว และบอกแม่ว่า ป๊าเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจดีงาม หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดตกันไม่กี่ครั้ง แล้วก็ตกลงแต่งงานกัน

จนถึงวันนี้ พวกเขาอยู่กินกันมาห้าสิบกว่าปี อาซิงแซคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ในวันตรุษจีนทุกปี ป๊ากับแม่จะต้องไปเยี่ยมคารวะ ซื้อขนมนมเนยไปให้ เขายังพอมีสติจดจำและพูดคุยได้อยู่ ถึงแม้อายุเกือบถึงร้อย นอนป่วยติดเตียงมานานเป็นสิบปี ในสถานดูแลคนชราแห่งหนึ่ง

สรรพสิ่งบนโลกเรานี้ล้วนขึ้นอยู่กับเวลา

ในวันแต่งงานของเรา ทางโรงแรมเตรียมดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ให้เจ้าสาว เป็นดอกกุหลาบสีขาวบานสะพรั่งตามธีมการตกแต่งภายในงานที่พวกเราระบุไว้ แม่กับป๊าเดินโขยกเขยกตามสังขารขึ้นไปบนเวที พวกเขารับการคารวะน้ำชา แล้วอวยพรว่าให้เราอยู่กินกันจนแก่เฒ่าเหมือนพวกเขา

หลังงานพิธี เราเก็บกุหลาบขาวช่อนั้นกลับมาเป็นที่ระลึก อีกสองสามวันต่อมา กุหลาบขาวก็ค่อยๆ แห้งเหี่ยวเปลี่ยนเป็นสีขะมุกขะมอม

ผมหลับตาแล้วพยายามนึกภาพชีวิตคู่ของพวกเราในอีกสามสิบสี่สิบปีข้างหน้า เมื่อถึงวันที่เราต้องนั่งรถเข็นหรือใช้ไม้เท้าบ้าง

เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะร่วงโรยไปเอง

เมื่อเดือนก่อนป๊าในวัยแปดสิบเอ็ดหกล้มตอนเข้าห้องน้ำ ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังทรุด ผมไปนอนเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลนานเป็นอาทิตย์ๆ จนอาการเริ่มคงที่แล้ว หมอก็อนุญาตให้พากลับไปนอนพักฟื้นต่อที่บ้าน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน แม่ใช้วอล์กเกอร์เดินโขยกเขยกมาหาป๊าที่ข้างเตียง แล้วบอกว่าป๊าต้องสู้นะ ขนาดเมื่อสิบปีก่อนแม่เคยไปผ่าตัดเนื้องอกในกระดูกสันหลัง แม่ยังฮึดสู้ พยายามออกกำลังกาย จนกระทั่งตอนนี้พอลุกเดินและช่วยเหลือตัวเองได้ ป๊าแค่หกล้มนิดเดียว ป๊าต้องพยายามลุกขึ้นมาเดินให้ได้อีกครั้ง

แม่เล่าให้ฟัง ว่าตอนที่ออกจากโรงพยาบาลหลังจากการผ่าตัด ป๊าไปเด็ดดอกไม้ริมทางแถวบ้านมาให้ช่อใหญ่ ปกติป๊าเป็นคนเงียบๆ ไม่ช่างพูดช่างจา และไม่เคยแสดงความโรแมนติกอะไรมาก่อน มาในวันนี้ แม่เดินเหินออกจากบ้านไม่ค่อยไหว จึงไม่รู้ว่าจะไปหาดอกไม้อะไรมาให้ป๊า

ป๊านอนอยู่บนเตียงลมที่ช่วยป้องกันแผลกดทับ มองตาแม่นิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร

ไม่เร็วก็ช้า ทุกอย่างย่อมดำเนินไปตามวิถีทางของมัน

ถ้าป๊าไม่หกล้มจนเข้าโรงพยาบาลไปเสียก่อน แม่นัดช่างที่ซอยร้านทำผมปากว่าจะพาป๊าไปตัดผม ตอนนี้ผมเผ้าจึงยาวรุงรัง หนังหัวเหนียวเหนอะหนะ เพราะนอนโรงพยาบาลไม่ได้อาบน้ำสระผมมาหลายวัน ทำได้เพียงแค่เช็ดตัวและใช้ผ้าเปียกเช็ดหัว แม่โทรเรียกช่างมาตัดผมให้ป๊าถึงที่บ้าน

ให้เขาโกนหัวเลยดีไหม จะได้ดูแลรักษาง่ายๆ – ผมบอก

แม่ส่ายหน้า บอกว่าให้ช่างตัดรองทรงแบบที่ป๊าตัดประจำนั่นแหละดีแล้ว ป๊าจะได้ดูหล่อเหลา มีชีวิตชีวา แล้วแม่ก็ลูบผมสีดอกเลาของป๊าอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้วอล์กเกอร์เดินโขยกเขยกกลับเข้าห้องนอนตัวเอง

เมื่อถึงเวลา ดอกไม้จะบานเอง – แม่บอก

ดอกไม้ที่เคยเบ่งบานแล้ว และมันยังคงเบ่งบานอยู่ตลอดเวลา

ดอกไม้