Editor’s Note 507 : วันคืนล่วงไป ล่วงไป

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ผมกับภรรยาช่วยกันทำขนมแล้วเอาไปขายที่ตลาดนัด พอเข้าสู่ช่วงปลายปี อากาศแห้งๆ และลมหนาวเริ่มชำแรกแทรกความชื้นหนาหนักในอากาศเข้ามาถึงกรุงเทพฯ พื้นที่ว่างในเมืองหลายจุดถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นตลาดนัดฮิปๆ เราพอมีเวลาว่างจากงานประจำ ก็เลยชวนกันทำขนม แล้วเช่าแผงตลาดนัดเพื่อไปนั่งขายกันในช่วงวันสุดสัปดาห์

ตลาดนัดตอนบ่ายๆ พอมีคนเดินผ่านไปมาบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยซื้อของอะไร พวกร้านเบเกอรี พืชผัก หรืองานคราฟต์ส่วนใหญ่ก็นั่งตบยุง ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารอลูกค้าไปเรื่อยๆ พอตกเย็นเริ่มมีคนหนาตาขึ้นมาหน่อยเพราะลานเบียร์กำลังจะเปิด

 

When your legs don’t work like they used to before …

พอพลบค่ำ เสียงเพลงบนเวทีดังขึ้น เป็นสัญญาณเรียกผู้คนที่เดินตลาดอยู่ ให้หันเหความสนใจกันไปจับจองโต๊ะนั่งกัน

เราจึงช่วยกันแพคขนมที่เหลือลงกล่องเพื่อเก็บกลับบ้าน หวังว่าวันพรุ่งนี้ค่อยกลับมาลองกันอีกสักตั้ง ระหว่างแบกลังสินค้าผ่านโต๊ะเก้าอี้เรียงรายในลานเบียร์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

พรุ่งนี้เที่ยงว่างมั้ย เราพาป๊าไปกินเอ็มเคกันมั้ย – เสียงแม่ตะโกนเข้ามาในสาย

ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้ต้องมาขายขนมอีกวัน จองแผงเขาไว้แล้ว – ผมตะโกนตอบกลับไปในโทรศัพท์

หา อะไรนะ – แม่ตะโกนกลับมา … งั้นตอนเย็นแวะมาที่บ้านมั้ย แม่ซื้อส้มเขียวหวานมาหลายโล มาแบ่งเอาไปกินมั้ย – แม่ชวน

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ป๊ายังขับรถได้ ไปไหนมาไหนได้เอง ทุกเช้าวันเสาร์ เขาขับรถพาแม่ที่เดินไม่ค่อยจะไหวแล้วไปตลาดสด ซื้อผักปลาและผลไม้มาเก็บตุนไว้ทำกินตลอดทั้งสัปดาห์

ไม่ได้ๆ กว่าจะขายเสร็จก็ดึกมาก แล้วยังต้องกลับไปเก็บล้างอีก – ผมตอบกลับไป

หา อะไรนะ – แม่ตะโกนกลับมา ไม่รู้ว่าเพราะโทรศัพท์ไม่ดี หรือว่าหูเขาเริ่มตึง พักหลังๆ เขาพูดเหมือนตะโกนตลอดเวลา และเมื่อผมพูดอะไรไปเขาก็ไม่ค่อยได้ยิน ไม่ค่อยเข้าใจ

ไม่ว่างๆ เอาไว้อาทิตย์หน้านะ – ผมตะโกนตอบกลับไป

 

When my hair’s all but gone and my memory fades …

บนเวทีมีนักดนตรีแค่สองคน คนหนึ่งเล่นกีต้าร์โปร่ง อีกคนเล่นคาฮอง ผมกดปุ่มวางหูโทรศัพท์เพราะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ยืนอ้อยอิ่งฟังเพลงที่กำลังบรรเลงสักพัก

 

When my hands don’t play the strings the same way, mm …

ผมหันไปถามภรรยา เพราะจังเลย เพลงอะไรน่ะ คุณรู้จักไหม… เธอบอกว่าเพลงของ เอ็ด ชีแรน

เมื่อลองเปิดเข้าไปในแอพฯ ที่ให้บริการมิวสิคสตรีมมิ่ง มีเพลงของ เอ็ด ชีแรน อีกมากมายหลายเพลง พอเปิดฟังเพลงหนึ่ง ก็จะนำไปสู่อีกเพลงหนึ่ง นำไปสู่อีกอัลบั้มหนึ่ง แล้วนำไปสู่ศิลปินคนอื่น นำไปสู่เพลงแนวอื่นๆ อีกเป็นล้านๆ เพลง

เมื่อเปิดเข้าไปในเว็บวิดีโอสตรีมมิ่ง ก็มีเพลงของเขาอีกไม่น้อยไปกว่ากัน มันมีมิวสิควิดีโอมากมาย เมื่อเปิดดูเพลงหนึ่ง ก็จะนำไปสู่อีกเพลงหนึ่ง อีกอัลบั้มหนึ่ง สู่ศิลปินคนอื่นๆ สู่คลิปวิดีโอการเล่นคัฟเวอร์อีกมากมายหลายเวอร์ชั่น

ตลอดบ่ายวันต่อมา ผมฆ่าเวลาระหว่างนั่งเฝ้าแผงขนมรอลูกค้า ด้วยการเปิดฟังเพลงนี้วนไปเรื่อยๆ รอบแล้วรอบเล่า

 

 

ในเช้าวันนี้ ลมหนาวกลับมาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้ง

ภาพการไปขายขนมที่ตลาดนัดเมื่อปีที่แล้ว ก็ย้อนกลับมาแสดงบนหน้าจอโซเชียลมีเดียอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเพลงของ เอ็ด ชีแรน ลอยเข้ามาสู่ใจ เหมือนกับกล่องความทรงจำถูกเปิดออก

 

And darling I will be loving you ’til we’re 70… And baby my heart could still fall as hard at 23…

ผมฮัมเพลงแล้วหลับตานึกภาพตาม เมื่อถึงวันที่เราแก่ชรา ผมขาว สายตาฝ้าฟาง หูหนวกตึง เดินเหินไม่ไหว ทำงานไม่ได้เหมือนเดิม เราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร

วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน คล้ายว่าตลอดปีที่ผ่านมายังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เมื่อโลกรอบตัวขยายออกไป วันคืนกลับดูเหมือนจะหดสั้นลงๆ แต่ละวินาที นาที ชั่วโมง ผ่านไปโดยที่เราทำอะไรไม่เคยทันสักอย่าง ไม่เคยมีเวลาพอสำหรับใคร ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนอยู่ตลอดเวลา

ในโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร สรรพสิ่งถูกแปลงเป็นเลขศูนย์และหนึ่ง ไม่ใช่แค่เพลงหรืองานเขียน แต่ยังรวมถึงภาพถ่ายเล่น ข้อความบ่นด่าประจำวัน หรือเรื่องสัพเพเหระไก่กาของเราทุกคนบนโลกหล้า โยนขึ้นไปแขวนไว้บนฟากฟ้า มันขยายขอบเขตออกไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกสิ่งทุกอย่างท่วมท้นล้นเหลืออยู่ข้างบนนั้น ถ้าอยากรู้อะไร อยากได้อะไร แค่เพียงก้มหน้าลงดิน กลับเหมือนเราแหงนหน้าขึ้นฟ้า อาจจะต้องใช้เวลานานนับอสงไขย ตายแล้วเกิดอีกร้อยภพร้อยชาติ กว่าจะเปิดดูได้หมด

เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ชีวิตนี้จึงช่างน้อยนิด เล็กกระจิดริด ด้อยค่า ไร้ความหมายเสียจริง

เสาร์อาทิตย์นี้พอมีเวลามั้ย พาแม่ไปเยี่ยมป๊าที่โรงพยาบาลหน่อย – แม่ถาม

ไม่น่าเชื่อว่าลมหนาวเพียงแค่รอบเดียว วันเวลาเพียงแค่ปีเดียว ได้พรากกำลังวังชาเกือบทั้งหมดไปจากร่างกายอันแก่ชราของพวกเขา

วันนี้ในปีนี้ ป๊าขับรถไม่ได้แล้ว ไปไหนมาไหนไม่ไหว ได้แต่นอนติดเตียง และต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นประจำ

 

So baby now… Take me into your loving arms… Kiss me under the light of a thousand stars… Place your head on my beating heart…

วันคืนล่วงไป ล่วงไป จากวัยหนุ่มสาวเพียงวูบลัดนิ้วมือเดียวก็กลายเป็นแก่ชรา ทุกชีวิตมีความตายรออยู่เบื้องหน้า พระท่านสอนไว้ว่าชีวิตนี้น้อยนัก แต่สำคัญนัก อย่ามัวผัดผ่อน หรือปล่อยวันเวลาให้ล่วงไปอย่างไร้ค่า สูญเปล่า

กลิ่นของลมหนาวในช่วงปลายปี ทำให้ผมนึกถึงเพลงของ เอ็ด ชีแรน ผมเปิดฟังระหว่างที่กำลังนั่งทำงาน น้องที่ออฟฟิศเปิดประตูเข้ามา ถามว่าพี่เป็นอะไร ทำไมถึงตาแดงๆ

ผมบอกว่าเปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร แค่กำลังอินกับเพลง

 

I’m thinking out loud… maybe we found love right where we are

เสาร์นี้ไม่ว่างนะ ต้องไปทำงาน เอาไว้วันอาทิตย์เราไปเยี่ยมป๊ากันนะ – ผมบอกแม่

 

_