MSN couple

‘เรื่องรักจาก MSN’ | บอย ตรัย และ ตุ๊กตา พนิดา ก่อนจะมาเป็นกุนบ้อกุนแม่ของหนูชื่น

เสียงโมเด็มในเครื่องคอมพิวเตอร์ดังอี๊ด… อ๊าด… ลากยาวให้ลุ้นว่าจะต่ออินเทอร์เน็ตติดไหมในสมัยก่อน อาจเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับคนในยุคนี้ และความเชื่องช้าของอินเทอร์เน็ตความเร็ว 56K ในตอนนั้น (ที่ตัดเองทุกๆ 2 ชั่วโมง) กลับเป็นความโรแมนติกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘ตุ๊กตา’ – พนิดา เอี่ยมศิรินพกุล และ ‘บอย’ – ตรัย ภูมิรัตน ที่อาศัยโปรแกรมรับส่งข้อความอย่าง MSN เป็นสื่อกลางในการพัฒนาความสัมพันธ์ให้งอกเงย แน่นแฟ้น และยืนยาวมาจนถึงวันนี้

 

MSN couple

 

สำหรับเรา การแชตหากันเราว่ามันกำลังดี เพราะเราถนัดเขียนมากกว่า ถ้าให้พูดก็ต้องคิดก่อนที่จะพูดอะไร ถ้าให้เขียนเป็นประโยคหรือพิมพ์แชตนี่จะพลิ้วมาก (หัวเราะ)

 

วันที่คุณบอกว่าพรหมลิขิตเริ่มทำงานตั้งแต่เห็น ตรัย ภูมิรัตน เดินเข้ามาในที่ทำงานขณะที่คุณนั่งทำงานอยู่ หลังจากนั้นคุณทั้งสองเชื่อมความสัมพันธ์กันด้วยวิธีไหน

พนิดา: ตอนนั้นเราเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ให้กับนิตยสาร Hamburger แล้วพี่วิภว์ (วิภว์ บูรพาเดชะ) ซึ่งเป็นบรรณาธิการในตอนนั้นก็บอกเราว่า พี่บอยเขาฝากสวัสดี เราก็งงว่าบอยไหน เพราะตอนที่เราเล่นมิวสิกวิดีโอให้วง Friday เราก็ไม่เคยเจอเขาเลย แต่เคยเห็นเขามาที่ออฟฟิศ เราก็ไม่รู้หรอกว่าคนนี้คือ บอย ตรัย (หัวเราะ) จนตอนที่พี่วิภว์บอกว่าพี่บอยฝากสวัสดีมา เราถึงขออีเมลของพี่บอยเพื่อแอด MSN ไปทักสวัสดีกลับ

 

จำได้ไหมว่าประโยคแรกที่คุยกันทาง MSN ของพวกคุณคือเรื่องอะไร

บอย ตรัย: ใคร? พิมพ์ถามไปแบบนี้ (หัวเราะ)

พนิดา: แรกๆ ก็คุยทักทายกันปกติ แล้วเขาก็สงสัยเรื่องหนึ่ง เลยถามเราไปว่าทำไมต้องมีเลข 13 ในอีเมล ก็บอกว่าเลขวันเกิด แล้วพี่บอยก็พิมพ์มาว่า ‘อย่าบอกนะว่าเราเกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน’ เราก็บอกว่าใช่ ซึ่งตอนนั้นก็งงนะว่าคนเพิ่งเคยคุยกันไม่กี่ประโยค แล้วอยู่ๆ มาคุยกันเรื่องวันเกิดกันได้ยังไง เขาบอกว่าตัวเขาเกิด 14 พฤศจิกายน เราก็คิดว่าเขาอำเราหรือเปล่า อะไรจะบังเอิญกันขนาดนั้น

 

MSN Couple

 

การแชตข้อความคุยกันสำหรับพวกคุณนั้นยากไหม เพราะอย่างบางคนเขาก็จะเป็นคนเงียบๆ ไม่ถนัดเรื่องการชวนใครคุย จะพิมพ์ชวนคุยอะไรทีก็ต้องคิดแล้วคิดอีก

บอย ตรัย: สำหรับเรา การแชตหากันเราว่ามันกำลังดี เพราะเราถนัดเขียนมากว่า ถ้าให้พูดก็ต้องคิดก่อนที่จะพูดอะไร ถ้าให้เขียนเป็นประโยคหรือพิมพ์แชตนี่จะพลิ้วมาก (หัวเราะ)

พนิดา: เราว่าก็เป็นการคุยเรื่องทั่วๆ ไป อีกอย่างตอนนั้นเราออนไลน์ตลอดทั้งวัน เพราะเราทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอด ส่วนพี่บอยก็อยู่ในช่วงพักๆ เงียบๆ อยู่ในถ้ำของตัวเอง เขาก็เลยมีเวลาออนไลน์บ่อยเหมือนกัน ก็ทำให้เราได้คุยกันเรื่อยๆ

 

พอสนิทกันในระดับหนึ่งแล้วทำไมถึงไม่แลกเบอร์แล้วโทร.คุยกัน

พนิดา: เราสองคนคุยกันทาง MSN นานมากกว่าจะแลกเบอร์กัน ซึ่งได้เบอร์มาก็ไม่โทร.ด้วย (หัวเราะ) ใช้เป็นการส่ง SMS ให้แทน ความรู้สึกว่าให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป

บอย ตรัย: เราเป็นคนที่อยู่ในยุคที่เป็นรอยต่อของเทคโนโลยี ยังเคยคิดเลยว่า ถ้าเขียนจดหมายได้ก็จะเขียนจดหมายส่งไปให้เขา (หัวเราะ)

พนิดา: แต่เราก็มีการส่งของไปให้กันทางไปรษณีย์นะ อย่างเราทำของอะไรขึ้นมาก็ส่งไปให้เขา บางทีเขาก็ไรต์ซีดีเพลง แบบเลือกเพลงที่เขาชอบแล้วอยากให้เราฟัง หรือเพลงที่คิดว่าเราน่าจะชอบ ส่งกลับมาให้เรา

 

MSN Couple

 

ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวของเรา เราเชื่อว่ายิ่งช้ายิ่งดี ไม่ต้องรีบ คนสมัยก่อนจีบกันยังต้องเขียนเพลงยาวส่งให้กัน เราเชื่อว่ายิ่งใช้เวลานานเราจะซึมซับกับความรู้สึกได้ดีกว่า

 

เมื่อก่อนเวลาชอบใครสักคนเราก็จะทำอัลบั้ม mix tape รวมเพลงบอกความในใจใส่ซีดีไปให้เขา แต่สมัยนี้มันถูกลดทอนเหลือแค่การส่งลิงก์ให้กดฟังทางยูทูบ เรารู้สึกว่าคุณค่ามันไม่เท่ากันเลย คุณคิดยังไง

บอย ตรัย: เรายังสามารถทำเป็นเพลย์ลิสต์รวมเพลงได้อยู่นะ แต่ความรู้สึกอาจจะไม่เท่ากันในหลายๆ มิติ อีกอย่างเพลงสมัยนี้ก็ไม่มีเพลงที่เรียกว่าเพลงหน้าบีด้วย ความพิเศษของเพลงที่เลือกให้ก็แตกต่างไป

แต่สุดท้ายเราว่าไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหรอก เราว่าอยู่ที่ความละเอียดอ่อนมากกว่า ว่าเรามีความตั้งใจแค่ไหนที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อเขา

พนิดา: เรื่องนี้วัดยากมาก เพราะถึงแม้ยุคนี้อะไรจะง่ายขึ้นเยอะ แต่เราก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาส่งให้เราถูกคัดเลือกแล้วด้วยความใส่ใจ ซึ่งเรื่องนี้คนจะสัมผัสกับความรู้สึกนี้ได้ ถ้าเป็นเพลงที่สื่อถึงความรู้สึกที่ต้องการบอก ต่อให้เป็นการส่งลิงก์ยูทูบ เราว่ายังไงก็จับความรู้สึกตรงนั้นได้

 

เคยมีอาการกระส่ายกระสับอยากรีบกลับไปออน MSN เพื่อคุยกันข้างไหม

พนิดา: สำหรับเราไม่มีเลย เพราะทำงานอยู่หน้าคอมฯ ตลอด (หัวเราะ) แล้วพี่บอยก็อยู่ในช่วงทำเพลง ไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ใน My Diary Original Soundtrack อัลบั้มแรกของเขา ก็มีเพลงที่แต่งถึงเรา คือเพลง MSN

บอย ตรัย: พอยิ่งคุยกับเขา เราก็ยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้มทุรนทุราย มีช่วงที่คิดถึงเขามากๆ แล้วไม่ได้ออน MSN เราก็นั่งเขียนชื่อเขาลงบนกระดาษ เขียนจนเต็มกระดาษเลย บางทีก็ดูเหมือนพวกโรคจิตยังไงไม่รู้ (หัวเราะ)

 

MSN Couple

 

ต้องตั้งเสียงเตือนเฉพาะด้วยไหม ถ้าคนนี้ออนไลน์ เพลงที่เราเลือกไว้เป็นพิเศษสำหรับคนคนนี้จะดังขึ้นมาบอกเรา

พนิดา: เราไม่เคยทำนะ ทำได้ด้วยเหรอ?

 

การมีระยะห่างที่ไม่ต้องออนไลน์ทุกนาทีมันดีกว่าจริงๆ ใช่ไหม เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องอย่าง ทำไมอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ

พนิดา: ก็ต้องมีคิดบ้างเป็นธรรมดาว่าทำไมถึงอ่านแล้วไม่ตอบ

บอย ตรัย: แต่ก็ต้องอยู่ที่เราด้วย ว่าเราคุมพื้นที่ของเราไว้แค่ไหน ไม่งั้นก็จะเป็นแบบ ‘อยู่ดีๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ’ (ฮัมเพลงตาม)

 

MSN Couple

 

ความรักไม่ควรจะอยู่แล้วทุกข์ ไม่มีคำว่าอดทนสำหรับเรื่องความรัก เพราะถ้าเราคิดว่าทนไปก่อน ต่อไปก็จะมีวันที่ทนไม่ได้เกิดขึ้น

 

ในยุคที่ช่องทางการสื่อสารเข้าถึงได้ง่าย คุณคิดว่าทำให้คนเรารักกันง่ายขึ้นกว่าเดิมไหม

พนิดา: ทำให้เรารู้จักกันง่ายขึ้นกว่าเดิมมากกว่า แต่ถามว่ารักกันง่ายขึ้นไหม ถ้าเป็นคนที่รักใครได้ง่ายๆ ก็ง่ายอยู่แล้ว แต่บางคนรักใครยาก ต่อให้เข้ามาง่าย ยังไงก็มีขั้นตอนยากของแต่ละคน

บอย ตรัย: ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวของเรา เราเชื่อว่ายิ่งช้ายิ่งดี ไม่ต้องรีบ คนสมัยก่อนจีบกันยังต้องเขียนเพลงยาวส่งให้กัน หรือแต่งเป็นกลอนฝากกันไปมา เราเชื่อว่ายิ่งใช้เวลานานเราจะซึมซับกับความรู้สึกได้ดีกว่า

 

ที่มีคนพูดว่า คนเป็นแฟนกันคือการเติมเต็มกันและกัน หรือเขาเป็นส่วนหนึ่งที่หายไปของฉันอะไรประมาณนี้ พวกคุณว่าจริงไหม

บอย ตรัย: เราว่าไม่ขนาดนั้นนะ เพราะว่าบางทีส่วนที่เหมือนกันก็มี ส่วนที่ทับซ้อนกันก็มี ส่วนที่ขาดหายไปก็มี เราคิดว่าคนที่อยู่ด้วยกันได้ต้องเป็นพลังงานบวกให้กัน แค่นั้นแหละ

พนิดา: เราไม่คิดว่าคนที่ชอบต่างกันแบบสุดโต่งจะอยู่ด้วยกันได้ เราจะชอบคนที่มีอะไรคล้ายกัน แต่ความแตกต่างกันก็ต้องมี เพื่อที่จะได้เอาส่วนดีของกันและกันมา เป็นแฟนกันต้องอยู่แล้วมีความสุข ความรักไม่ควรจะอยู่แล้วทุกข์ ไม่มีคำว่าอดทนสำหรับเรื่องความรัก เพราะถ้าเราคิดว่าทนไปก่อน ต่อไปก็จะมีวันที่ทนไม่ได้เกิดขึ้น

เรื่องความรักเราคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าใช่จะรู้เลยว่าใช่ ถ้าต้องทำอะไรที่เหนื่อยมากๆ เราจะไปไม่ถึงจุดนั้นแน่ๆ ความรักที่จะพัฒนาไปได้ต้องใช้ความเข้าใจ