ความงดงามบนเรือนร่างแบบไม่จำกัดเพศ ของเสื้อผ้าแบบ unisex จาก Heidi’s Secret

หากคุณยังจำภาพความคึกคักของสยามสแควร์และแฟชั่นจากเมื่อสิบปีก่อนได้อยู่ ก็น่าจะคุ้นหูกับชื่อร้าน Heidi’s Secret แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงประจำสยามสแควร์ซอย 3 อันโด่งดัง เช่นเดียวกับพื้นที่สยามซึ่งมีช่วงเปลี่ยนผ่าน การเติบโตของร้านก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง จนต้องหยุดพักเพื่อไปค้นหาตัวตนใหม่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา วันนี้ ‘ทิมมี่’ – ธีทัตรัชภูมิ นาราชจรูญทรัพย์ ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้ง กำลังกลับมาพร้อมคอลเลคชั่นเสื้อผ้า Unisex ที่ลบข้อจำกัดของเพศออกไปโดยสิ้นเชิง

01 สยามฯ ยุครุ่งเรือง

เราเริ่มทำแบรนด์ครั้งแรกประมาณปี 2007 จากนั้นมาก็ทำเสื้อผ้าผู้หญิงมาตลอด ตอนนั้นเหมือนเป็นช่วงพีกของสยาม ที่คนสนุกกับการแต่งตัวกันมากๆ อย่างที่ร้านอยู่ซอย 3 ก็จะเต็มไปด้วยแบรนด์ดังๆ ทุกวันศุกร์-เสาร์จะมีลูกค้าหลายๆ กลุ่มแต่งตัวสวยๆ จากแบรนด์ในสยามมาเดินชนกัน จนแบรนด์ไฮดีส์เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น เรียกว่ามีวันนี้ได้จากยุคนั้น มีลูกค้าหลายคนที่ยังเป็นลูกค้ากันอยู่ถึงทุกวันนี้

02 โลกเปลี่ยน คนเปลี่ยน

ไฮดีส์อยู่ที่สยามมา 7 ปี แล้วก็ย้ายมาที่เอกมัยอีก 3 ปีกว่า ด้วยสภาพธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนมันเปลี่ยนไปหมด เริ่มมีทั้งอินสตาแกรม ทั้งเฟซบุ๊กเข้ามาเกี่ยว เราฝืนทำต่ออยู่พักหนึ่ง สไตล์ตัวเองก็เริ่มเปลี่ยนไปตามกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเริ่มทำงานตามลูกค้าเยอะขึ้น ซึ่งก็มีปัญหาเยอะขึ้นตามมา มันไม่สนุกแล้ว ความเป็นตัวเองที่คิดว่ามีก็หายไปหมด จนเริ่มไม่ไหวเลยหยุดทำเสื้อผ้าไป 2 ปี และตัดสินใจย้ายตัวเองกลับไปอยู่ออสเตรเลีย

03 ลงไปแตะศูนย์

ช่วงก่อนบินสภาพจิตใจย่ำแย่ลงไปแตะศูนย์เลย มีปัญหาทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจ พูดได้ว่าตอนนั้นเป็นมรสุมชีวิต ไม่อยากทำเสื้อผ้า เห็นแล้วเอียนมาก หันไปทางไหนก็มีแบรนด์ถูกก๊อบปี้ เราย้ายกลับไปอยู่ซิดนีย์เดือนแรกแบบช้ำๆ อยู่กับตัวเองมากขึ้นจนค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาได้ ตอนนั้นก็เริ่มกลับมาวาดรูป ไปแกลเลอรี ได้เดินดูผู้คน ได้เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ รอบตัว จนมันค่อยๆ หล่อหลอมเราขึ้นมาใหม่

04 นับหนึ่งใหม่

จะเรียกว่านับหนึ่งใหม่เลยก็ได้ เรากลับไปลงเรียนคอร์สที่เคยเรียนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ถึงยุคสมัยและตัวเราจะเปลี่ยนไป แต่ได้เจอครูคนเดิมที่ยังสอนวิชาเดิมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เขาจำเราไม่ได้ และมักจะชมเราว่า ทำไมยูมีสกิลวาดรูปอย่างนี้ ด้วยความที่ใจเรายังรักเสื้อผ้า มันก็เริ่มคันไม้คันมือ เริ่มสเกตช์เล่นๆ พอได้คุยกับรุ่นน้องที่เขารับผลิต เลยได้ขึ้นตัวอย่างดูในสเกลเล็กมากๆ เหมือนทำแก้อยาก แต่ปรากฏว่ามันใช้ได้เลย

05 Designed in Sydney, Made in Bangkok

เราออกแบบอยู่ออสเตรเลีย แต่เสื้อผลิตที่ไทย ทุกอย่างระหว่างนั้นคือคุยผ่านไลน์กับวิดีโอคอล ดังนั้น มันจะทำทุกอย่างให้ร้อยเปอร์เซ็นต์หมดไม่ได้ เราเลยจะพยายามเอาตัวเองใส่เข้าไปสัก 80 ที่เหลืออีก 20 ปล่อยให้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยืดหยุ่นได้ โดยใช้ประสบการณ์ของเรากับทีมอีกคน ผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนที่เราคิดทั้งหมด มีผิดเพี้ยนได้นิดหน่อย ซึ่งเราก็จะยอมปล่อยในระดับที่เราโอเค ถ้ามากกว่านั้นก็เบรก

06 ไฮดีกำลังโตขึ้น

คอลเล็กชันนี้ไฮดีส์จึงโตขึ้นจากเมื่อก่อนมาก จากที่เคยเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิงซิ่งๆ แซ่บๆ พวกเขาก็โตขึ้นตามเรามาเหมือนกัน ทุกวันนี้ลูกค้าเก่าๆ ก็ยังใส่คอลเล็กชันนี้นะ แม้ว่าเราจะรีแบรนด์ใหม่ ใส่ความเป็นตัวเองมากขึ้น จนได้เป็นคอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าที่ไม่มีเพศ เป็นเสื้อผ้าสำหรับทุกคน ไม่มีไซส์ S M L อีกต่อไปแล้ว มีแค่ 1ไซส์ ที่ใส่ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แล้วก็ไม่มีซีซัน เพราะอยากให้แต่ละคอลเล็กชันสะท้อนถึงช่วงชีวิตและการเติบโตของไฮดีส์ออกมามากกว่า

07 เสื้อผ้าสำหรับทุกคน

ผลตอบรับครั้งนี้ดีเกินคาด ถึงจะไม่มีหน้าร้านแต่ของหมดจนต้องเร่งผลิต ตอนนี้เราได้เห็นผู้ชายแท้ๆ ใส่เสื้อที่มีลูกไม้ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครกล้าใส่เพราะมองว่าเป็นของผู้หญิง พอได้เห็นคนอยากใส่เสื้อเราแบบนี้ก็รู้สึกดีที่เรามาถูกทาง ต่อจากนี้ก็คงจะได้เห็นการเปลี่ยนวิธีทำงานที่เราจะดันเสื้อผ้าเป็นแบบๆ ดันแบบเดียวไปให้สุดในทางของมัน เหมือนกับที่คนทำงานแฟชั่นต้องปรับตัวไปในทางของแต่ละแบรนด์

08 หยุดพักเพื่อไปต่อ

มีคนถามเยอะมากเลยว่าถ้าย้อนเวลาได้จะกลับไปแก้ไขอะไร ซึ่งเราขอไม่กลับไปก็แล้วกันเพราะเลือกแล้ว อะไรที่ผ่านมาก็เป็นประสบการณ์ให้ได้มองเห็นว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรได้ดี หรือตรงไหนที่เคยเหลวไหล ทั้งหมดมันทำให้เราแกร่งขึ้นได้ในวันนี้นะ ต่อจากนี้ ชีวิตเราตั้งใจจะทำเสื้อผ้าให้ดี และจะทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบที่ยังมีคนอยากใส่ ถ้าวันหนึ่งมันไม่เวิร์กเราก็พร้อมจะหายไปอีกรอบ การได้หยุดสักพักมันทำให้เราได้เก็บเกี่ยวพลังใหม่ๆ มาใช้กับงาน ซึ่งที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าดีกว่า และเฟรชกว่าจริงๆ