เปิดประเทศ

CHINESE DREAM 02: เปิดประเทศสู่ความมั่งคั่ง

ตำนาน ‘เสื่อผืนหมอนใบ’ ของบรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ให้เห็นความยากลำบากของแผ่นดินจีนในยุคเหมาเจ๋อตง ซึ่งขณะนั้นคาดว่ามีคนจีนอพยพหนีออกนอกประเทศกว่าหลายสิบล้านคน 

        ความยากลำบากในครั้งนั้นแสนสาหัสมากเสียจนไม่มีใครสามารถคาดหวังว่าแผ่นดินแห่งนี้จะกลับมามั่งคั่งได้อีกครั้งหนึ่ง แต่จุดเปลี่ยนจาก ‘ความป่วยไข้’ มาสู่การ ‘ลืมตาอ้าปาก’ ได้ เป็นผลมาจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจตามแนวทางสังคมนิคมการตลาดของ ‘เติ้งเสี่ยวผิง’ ด้วยนโยบายเปิดประเทศสู่สังคมโลกและจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เซินเจิ้น เซี่ยเหมิน จูไห่ ชานโถว และเกาะไหหลำ สำหรับรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ 

        ขณะเดียวกันก็วางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในสังคมชนบทด้วยการจัดตั้งวิสาหกิจอุตสาหกรรมตำบลและหมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างชนบทกับเมือง พร้อมยกเลิกการกำกับควบคุมระบบการผลิตและกำหนดราคาผลผลิตการเกษตร ปล่อยให้กลไกตลาดทำหน้าที่เอง 

        ภายใต้แนวทางการปฏิรูปนี้ ทำให้ประชาชนศึกษาเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจในรูปแบบนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป นโยบายดังกล่าวเริ่มทำให้เศรษฐกิจจีนเปลี่ยนแปลงไป มาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น จากตัวเลขของ London School of Economics ชี้ว่า ในปี 1978 มูลค่าสินค้าส่งออกของจีนมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

        อย่างไรก็ตาม การลงทุนของต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเร็วรวด ได้ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้ออย่างหนัก รวมทั้งปัญหาด้านอื่นๆ อย่างการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ และปัญหาคอร์รัปชันของหน่วยงานราชการ ทั้งยังเกิดความขัดแย้งด้านทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม และจริยธรรมในสังคมจีนระหว่างกลุ่มคนหัวก้าวหน้ากับกลุ่มคนที่ยังยึดมั่นในแนวคิดเดิม 

        ในที่สุดความความขัดแย้งกันทางอุดมการณ์ที่รุนแรงขึ้นก็ก่อตัวกลายเป็น ‘เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน’ เรื่องราวอันน่าสลดใจที่นักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถูกรถถังและปืนกลบดขยี้ความหวังจนหมดสิ้น โดยคาดว่ามีผู้เสียชีวิตหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น 

        หลังจากนั้นรัฐบาลจีนก็ออกกฎหมายให้สามารถใช้อำนาจคอยสอดส่องพฤติกรรมของประชาชนได้อย่างชอบธรรม ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าที่สุดในการกำหนดขอบเขตอำนาจอธิปไตยทางไซเบอร์ ทั้งยังมีเว็บไซต์ แอพพลิเคชัน รวมถึงบริการทางออนไลน์ของตนเอง 

        นอกจากนี้ยังมีระบบจดจำใบหน้าคอยสอดส่องประชาชน พร้อมมีการทดลองใช้ระบบเครดิตสังคมที่รัฐจะคอยหักคะแนนคนที่มีพฤติกรรมไม่ดีตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งเครดิตสังคมนี้มีผลกระทบกับความสามารถในการซื้อตั๋วเครื่องบินหรือการกู้ยืมเงิน 

 


<< ตอนที่แล้ว          ตอนถัดไป>>