ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ระบาดรุนแรงและส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกรวมทั้งสังคมในหลากหลายมิติ ว่ากันว่าวิกฤตโรคระบาดนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของพวกเราไปอย่างไม่อาจหวนคืน
หนทางที่ดีที่สุดในเวลานี้คือการตระเตรียมร่างกาย จิตใจ และรักษาสุขอนามัยของตัวเองไว้ให้ดี และอยากขอให้คุณอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกับข้อมูลที่จะเปิดเผยนับจากนี้
นักวิชาการด้านระบาดวิทยาอย่าง Marc Lipsitch จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดคาดการณ์ว่า ภาย 1 ปี ถัดจากนี้คนทั่วโลกประมาณ 40-70 เปอร์เซ็นต์อาจติดเชื้อไวรัส COVID-19 หรือมีแนวโน้มที่สุดท้ายแล้วจะไม่สามารถขีดวงกักมันไว้ได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ ย่อมแปลว่าในอนาคตอันใกล้ คนที่มีโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อยู่ในตัวจะมีมากกว่าคนที่ไม่มี หรือโอกาสในการ ‘รอด’ จากการติดเชื้อน้อยกว่าคนที่ติดเชื้อนั่นเอง
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีอาการป่วยรุนแรงเสมอไป อัตราการเสียชีวิตยังอยู่ที่ราว 2 เปอร์เซ็นต์ – หากไม่มีการกลายพันธุ์ให้รุนแรงขึ้น บางคนอาจติดเชื้อแต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ (ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการ)
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) มีความคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ตรงที่ทั้งคู่ต่างมีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ (RNA) สายเดี่ยว และลักษณะอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ก็มีความเหมือนกับอาการไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้สูง ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล บางรายหายใจเหนื่อยหอบ ทั้งยังแพร่เชื้อผ่านการไอ จาม มีฝอยละอองของน้ำมูกหรือเสมหะที่มีไวรัสอยู่
รวมถึงการที่ไวรัสปนเปื้อนมือหรือสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อคนอื่นมาสัมผัสก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ ซึ่งเชื่อกันว่าลักษณะดังกล่าวเป็นวิวัฒนาการของไวรัสเพื่อเพิ่มการแพร่กระจายเชื้อในร่างกายมนุษย์ด้วยการทำให้ป่วย แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ทั้งไวรัส COVID-19 และไวรัสไข้หวัดใหญ่มักเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง รวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ Marc Lipsitch ยังเชื่อว่าไวรัส COVID-19 จะขยายการแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ โดยในหมู่นักระบาดวิทยามีความเห็นตรงกันว่าเป็นไปได้อย่างมากที่การระบาดของไวรัส COVID-19 จะกลายเป็นโรคใหม่ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล เพราะมนุษย์ยังไม่รู้วิธีสร้างภูมิต้านทานเพื่อป้องกันไวรัสชนิดนี้ในระยะยาว
“หากเชื้อไวรัสยังคงระบาดอย่างหนักเทียบเท่าตอนนี้ ‘ฤดูหนาวและไข้หวัดใหญ่’ อาจกลายเป็น ‘ฤดูหนาวและไข้หวัดใหญ่และ COVID-19’ ” Lipsitch กล่าว
ที่มา: www.theatlantic.com/health/archive/2020/02/covid-vaccine/607000