ตอนนี้หลายคนคงทั้งกังวลปนเครียด เศร้า เหนื่อย ท้อแท้ สารพัดอารมณ์ แถมในหัวมันทำยังไงก็ไม่หยุดคิด คิดวนเวียนอยู่ ทั้งเรื่องโควิด-19 การทำงาน การเงิน ครอบครัว เป้าหมายชีวิต และเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย บางคนก็กระหายโหยหาอิสรภาพในการท่องเที่ยว การเดินทาง คิดถึงอาหารแสนอร่อย การพูดคุยพบปะเพื่อนฝูง จนเกิดความเซ็งและเบื่อถึงขั้นตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมสิ่งที่เคยมีมันกลับขาดหายไป (นานขนาดนี้) แต่ถ้าเรารู้จักกระบวนการของ Design Thinking ก็อาจทำให้เราสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดในสถาวะแบบนี้ลงไปได้บ้าง
Design Thinking Process
กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) โดย Stanford d.school แบ่งขั้นตอนกระบวนการคิดออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่ Empathize, Define, Ideate, Prototype และ Test และการออกแบบชีวิตด้วยการคิดเชิงออกแบบได้เพิ่มกระบวนการแรกขึ้นมา คือ Accept (อ้างอิงโดย Bill Burnett & Dave Evans: Design your Life)
อ้างอิงจาก https://dschool.stanford.edu/resources และสื่อการสอนวิชาออกแบบชีวิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย Design Thinking Team @UTCC
เราสุขได้นะ… ในสภาวะนี้
ขั้นตอนนั้นคือการยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น (Accept) และกลับมาเข้าอกเข้าใจตัวเอง (Empathize) โดยกระบวนการ Design Thinking บอกไว้ว่า เริ่มต้นด้วยการ Empathize หรือการฟัง โดยทำความเข้าใจผู้เล่าอย่างลึกซึ้ง เข้าอกเข้าใจ เสมือนเป็นเราเป็นตัวเขา แต่ตอนนี้เราอยากจะแก้ปัญหาความสับสน ทุกข์ของใจเรา จึงต้องปรับกระบวนการ Empathize ให้เรากลับมาเข้าใจตัวเราเอง ค้นหา ฟังเสียงของตัวเราเองแทน
บางคนจะบอกว่า ‘ยากจัง’ เพราะทุกวันนี้เราอาจจะรู้เรื่องคนอื่นมากกว่ารู้เรื่องตัวเองเสียอีก (ฮา) จริงๆ แล้วไม่ยากหรอก ยิ่งช่วงเวลานี้เป็นจังวะที่ดี ให้เราใช้เวลาตอนนี้ที่ได้อยู่กับตัวเอง นี่แหละเหมาะสมที่สุดในการค้นหาสุข แต่จะทำอย่างไรล่ะ
Designing Your Life
การออกแบบชีวิตด้วยกระบวนการ Design Thinking ได้บอกเทคนิคเริ่มต้นไว้ว่า ให้เริ่มจากการทบทวนตัวเอง คิดย้อนไปว่าอะไรบ้างนะที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประสบการณ์อะไรที่ทำให้เรามีความสุข อะไรที่เราสนใจ อะไรที่เราได้ทำสำเร็จมาบ้าง เป็นการทบทวนการเดินทางของชีวิตที่ผ่านมา หาแต่ละจุดหรือ dot ของแต่ละช่วงชีวิต ทำออกมาให้เห็นเป็นภาพ พยายามอยู่กับตัวเองทบทวนหลายๆเรื่อง ใช้เวลาในการหา dot ให้มาก เมื่อเรามี dot ที่มากพอ โอกาสที่มันจะเชื่อมโยงกันได้ในอนาคตก็น่าจะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับที่ สตีฟ จ็อบส์ ได้กล่าวไว้ว่า
“You can’t connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards. So you have to trust that the dots will somehow connect in your future” -Steve Jobs (1955-2011)
ประโยคนี้กำลังบอกว่า สิ่งสำคัญคือหา dot ในอดีตของตัวเองเพื่อ Connecting the Dots ในอนาคต เราจะเชื่อมจุดในอนาคตได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้ dot ในอดีตของเรา เราจึงหาโอกาสให้กับตัวเราได้ และเราได้วาง dot แห่งอนาคต เริ่มคิดว่าอนาคตของฉันจะเป็นอย่างไร และอะไรที่นำฉันไปสู่จุดนั้นได้ มีคนได้กล่าวไว้ว่า หากเรารู้เป้าหมายตัวเอง รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไรเพื่ออะไร ไฟในตัวจะเกิดในตัวคุณ คุณจะตื่นนอนมาอย่างสดใสและมีพลังในการทำสิ่งที่ไปสู่เป้าหมาย และถึงแม้ว่ามันจะยาก ใช้เวลาแค่ไหน หรืออาจจะเหนื่อยกายบ้าง แต่มันจะไม่เหนือยใจแน่นอน เพราะใจวันนี้มาด้วยพลังแห่งเป้าหมายและความสุขแห่งการเดินทาง
Ideate การสร้างไอเดีย
ต่อไปคือการใช้กระบวนการ Ideate มาช่วยคิดหาหนทางหลากหลายแบบ เป็นกระบวนการระดมความคิด การหาทางเลือกมากมายในการแก้ไขปัญหาอย่างไม่มีกรอบ โดยเน้นว่า ‘ไม่มีกรอบ’ และไม่ตัดสินหรือประเมินไอเดียใดๆ ว่าดีหรือไม่ดี เพราะเรากำลังหาไอเดียใหม่ ทางเลือกใหม่ และยิ่งกับตัวเราแล้ว การเดินทางของชีวิตก็คงไม่ได้มีทางเดินทางเดียวเสมอไป เราจึงต้องหาทางเลือกให้กับชีวิต แนะนำให้แชร์เป้าหมายกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนอื่นๆ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับตัวเองในการเดินทาง คุณอาจจะได้ไอเดียที่ไม่เคยคิดมาก่อน
Prototype การสร้างต้นแบบ
กระบวนการต่อไปเป็นการนำไอเดียที่ระดมความคิดกันมาสร้าง Prototype หรือต้นแบบ นั่นคือการนำไอเดียออกถ่ายทอดเป็นสิ่งที่เราเห็นภาพและจับต้องได้ ซึ่งต้นแบบอาจจะเป็นการได้ลองทำ การนำตัวเองไปลองทำในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย หรือทดลองทำดูเลย และดู feedback หรือผลที่ตามมา อย่าลืมดูตัวเราเองด้วย ทดสอบตัวเราเองว่าอะไรที่เราชอบเราใช่ เราไม่ชอบและเราไม่ใช่ แล้วนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาทบทวนที่แผนการเดินทาง และเมื่อเริ่มค้นหาแล้ว ขอให้ค้นหาโดยใช้กระบวนการ Design Thinking ค้นหาตนเองและความสุขของตัวเองบ่อยๆ ให้แผนที่จากที่เลือนๆ ภาพไม่ชัด ให้ชัดเจนขึ้นและเป็นจริง สุขแห่งการเริ่มต้นในช่วงวิกฤตนี้ ก็จะทำให้ชีวิตคุณสวยงามในอนาคต
Life is beautiful… ชีวิตที่ ‘สุข’ ได้ในยามวิกฤต