จากบทความก่อนหน้าอย่าง My Life as a COACH – เส้นทางการรู้จักตนเอง ผมได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวของผมเอง ที่ผ่านกระบวนการผ่าตัดทางความคิด เปิดใจยอมรับตัวตน เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าที่จะก้าวเดินออกมาจากคอมฟอร์ตโซน ซึ่งผมได้เริ่มต้นจากกระบวนการตั้งคำถามโดยครูโค้ชและเพื่อนบัดดี้โค้ช
ระหว่างการฝึกฝนและการเรียนรู้ศาสตร์ไลฟ์โค้ช ผมได้หยุดสำรวจตัวเองจากภายใน คิดค้นคำตอบ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาจากภายใน ขยายกรอบความคิด นำศักยภาพและความสามารถที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ยิ่งได้ฝึก ยิ่งได้ขัดเกลาความคิด ยิ่งช่วยให้เกิดการพัฒนาตนเองด้วยตนเอง และมีความสุขในชีวิตมากขึ้น
กระบวนการผ่าตัดความคิด ผ่านการชวนคุย ชวนคิด ด้วยคำถาม มีหลากหลายโมเดล ที่โค้ชนำมาใช้กับผู้ได้รับการโค้ช ผมขอพูดถึง The GROW Coaching Model ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มโค้ช ซึ่งเป็นโมเดลแรกที่ผมได้เรียน และได้ใช้โค้ชตนเอง (Self-Coaching) และวันนี้ ก็นำมาใช้พาผู้รับการโค้ชทั้งแบบบุคคล (1-on-1 Life Coaching) และแบบกลุ่ม (Group Coaching) ให้ไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างดีเยี่ยม
The GROW Coaching Model คืออะไร?
The GROW Coaching Model คือ กระบวนการเดินทาง 4 ขั้น
G = Grow (เป้าหมาย)
R = Reality (สถานการณ์จริง)
O = Options (ทางเลือก)
W = Way Forward (การเดินไปข้างหน้า)
Goal = เป้าหมายที่คุณต้องการ
เป้าหมายเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้คนประสบความสำเร็จ แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมาย หรือมีเป้าหมายแล้วแต่ขาดความชัดเจน หรือแม้ว่าจะกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ก็อาจจะขาดแรงส่งให้คุณอยากทำให้ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น เพื่อช่วยคุณกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีพลังส่งให้คุณอยากทำให้สำเร็จ เราลองเริ่มต้นจากการเขียนสถานการณ์ที่กำลังกวนใจคุณอยู่ สิ่งที่ท้าทายคุณอยู่ หรือเป็นสิ่งที่คุณอยากทำให้สำเร็จ แล้วลองตอบคำถามเหล่านี้
• สถานการณ์ (ตัวอย่าง อยากเขียน Blog ด้านการเงินเป็นของตัวเอง เน้นด้านการให้ความรู้ด้านการเงินส่วนบุคคล และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยเตรียมตัวให้พร้อมในวัยเกษียณ)
• สถานการณ์นี้มีอะไร คุณถึงเลือกมันขึ้นมา? (ยังไม่ได้เริ่มสักที กลัวเนื้อหาไม่ทันสมัย คนไม่สนใจอ่าน ไม่ได้เขียนมาสัก 7 ปีแล้ว อยากทำให้ได้)
• หากสถานการณ์นี้ เป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณจะเห็นอะไร? (เห็นภาพ คนมากดอ่านบทความ ก็ดีใจแล้ว ยิ่งมีคอมเมนต์หรือแชร์ต่อ นี่สุดยอดเลย ได้แบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์)
• สถานการณ์นี้ ให้อะไร กับชีวิตคุณ ? (ให้ความสุขที่ได้แบ่งปัน กระตุ้นให้เราขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อมาส่งต่อ แบ่งปัน รู้สึกว่ามีตัวตน มีคุณค่า และยังได้คืนความรู้ดีๆ ให้สังคม และที่แน่ๆ มีเว็บ/blog ที่เป็นของตัวเองสักที)
• จากสถานการณ์ที่คุณต้องการ อะไรในตัวคุณที่ขาดหายไป? (ยังไม่ได้เริ่ม ได้แต่คิด ไม่กล้าที่จะเริ่ม กลัวทำแล้วออกมาไม่ดี ยังไม่รู้จะใช้แพลตฟอร์มไหนดี)
• เขียนผลลัพธ์ที่ต้องการจริงๆ จากการโค้ช (ต้องการกระตุ้นให้ตนเองทำ Blog ด้านการเงินผสมกับการสื่อสารแบบโค้ช เพื่อช่วยคนไทย มีการเตรียมพร้อมสำหรับ 9,000 วัน หลังเกษียณ)
Reality = สถานการณ์จริง
หลังจากมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ในโมเดลการโค้ช The GROW Coaching Model เราจะเริ่มสำรวจสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ที่รับการโค้ชทราบว่า ปัจจุบันเขาอยู่ที่ตำแหน่งไหน เมื่อเทียบกับเป้าหมาย ชุดคำถามที่ใช้สำรวจ Reality อาจจะเริ่มต้นจาก
• อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคุณ ณ ตอนนี้? (น่าจะเป็นการทำงานในปัจจุบัน การเขียน Blog ยังไม่ใช่งานหลัก จึงไม่ได้ให้เวลา)
• คุณได้ลองทำอะไรแล้วบ้าง อะไรที่ทำได้ดี? (มีเนื้อหาที่เตรียมไว้ เริ่มต้นเขียนแล้ว)
• มีอะไรเป็นอุปสรรคที่จะทำให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมายนี้? (ยังบังคับตัวเองให้เขียนอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจที่เราเขียน กลัวออกมาไม่ดีพอ เลยไม่เริ่มอย่างจริงจัง)
• คุณควรมีความเชื่ออย่างไร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ? (งานเขียนเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผมอยากหาความรู้เพิ่มเติม และเชื่อว่าตัวเองทำได้ ไม่ต้องคิดมาก ลงมือเขียนวันละหน้า)
ถึงตรงนี้ ผมจะเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าผมมัวแต่ติดอยู่กับความคิดจึงไม่ได้ลงมือทำสักที ทำให้ผมได้มองเห็นมุมมองและความเชื่อใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ผมพาตัวเองไปก้าวข้ามอุปสรรคที่ผมคิดไปเอง ไปสู่ผลลัพธ์ที่ตั้งใจไว้ได้
Options = ทางเลือก
หลังจากตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันและเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราจะตั้งคำถามเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นความคิดให้เกิดแนวทาง หรือวิธีการใหม่ๆ ด้วยตัวเอง เราเชื่อว่าคำถามที่ดีจะช่วยขยายกรอบความคิด ช่วยให้เห็นทางเลือกมากขึ้น และผู้ได้รับการโค้ชจะเป็นคนเลือกทางที่ดีที่สุดด้วยตัวเขาเอง โดยชุดคำถามที่ใช้สร้างทางเลือก Options อาจจะเริ่มต้นจาก
• เพื่อให้เป้าหมายที่เขียนไว้เป็นจริง คุณต้องเริ่มทำอะไรบ้าง? (1. เขียนหัวข้อที่น่าสนออกมา 2. จัดกลุ่ม/เรียงลำดับหัวข้อที่สนใจ คล้ายทำสตอรีบอร์ด 3. เริ่มเขียนวันละหน้า 4. ถามเพื่อน ๆ ว่าควรใช้ Blog หรือแอพฯ อะไร 5. ลงโพสต์)
• คุณจะทำอะไรบ้าง หากคุณไม่มีข้อจำกัดใดเลย? (กำหนดกลุ่มหัวข้อที่อยากเขียน แล้วก็ลงมือเขียนไป)
• คุณควรจะหยุด หรือเริ่มการกระทำ หรือพฤติกรรมอะไรบ้าง? (หยุดหาข้ออ้าง แล้วทำทันที)
• หากคุณรู้อยู่ลึกๆ ว่าคุณจะต้องทำอะไรต่อไป คุณจะทำอะไร? (เขียนสักหน้า บ่ายนี้)
• จะเกิดอะไร หากคุณไม่ทำอะไรเลย? (วนเวียน ค้างคาในใจ ทำไมเราทำไม่ได้สักที ความรู้ก็มี ทำไมต้องกลัว)
Way Forward = การเดินไปข้างหน้า
หลังจากผ่านขั้นตอน G-R-O มาแล้ว จะทำให้รู้ว่าคุณสามารถทำได้อะไรบ้าง ขั้นตอนนี้จะนำไปสู่การลงมือทำจริงๆ ที่จะต้องให้เกิดการตัดใจเลือกทางเลือกใดให้กับตนเอง พร้อมกับรายละเอียดของการออกไปลงมือทำ
• จาก Options จะมีอะไรเพิ่มเติมอีก 1-2 ข้อ เพื่อทำให้คุณก้าวเข้าไปสู่ผลลัพธ์ได้อีก (ทบทวนบทความเก่าๆ ที่เคยเขียน เพื่อนำมาเป็นไอเดียให้กับงานเขียนชิ้นใหม่)
• คุณยังมีอุปสรรคอะไรมาขัดขวางอยู่ไหม หากมี คุณจะทำอะไร? (ไม่มี พร้อมลุย)
• มาถึงตรงนี้ คุณมีความมั่นใจแค่ไหนที่จะออกไปลงมือทำ ลองให้คะแนน 1-10 มั่นใจขนาดไหน? (8 คะแนน)
• คุณจะบอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำ (บอกลูกชาย)
• อะไรคือสิ่งแรกที่คุณจะลงมือทำ? (ลงมือเขียน 1 เรื่องให้เสร็จ ก่อนบ่าย 3 วันนี้)
มาถึงจุดนี้ น่าจะพอช่วยให้คุณได้จินตนาการ เห็นภาพกระบวนการโค้ชผ่านการใช้ GROW Coaching Model พร้อมไปกับตัวอย่างการโค้ชตัวเองของผมไปแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะลองโค้ชตัวคุณเองดูบ้าง ลองหามุมสงบ ให้เวลาตนเอง 30 นาที ก่อนเริ่มต้น บอกกับตัวเองสักนิด ไม่มีคำตอบใดถูกหรือผิด ปล่อยให้ชุดคำถาม พาคุณไปข้างหน้า ลองฟังให้ได้ยินว่าคุณตอบคำถามอย่างไร
…
หมดเวลา… ยินดีด้วยครับ คุณได้ผ่านการโค้ชครั้งแรกของคุณแล้ว คุณรู้สึกอย่างไร มีพลัง ตื่นเต้น มั่นใจ ปลื้มปีติ กระตือรือร้น… ดีครับ ก่อนจะจบ ช่วยเขียนสรุปสิ่งที่ได้จากการโค้ชครั้งแรกของคุณ สิ่งที่คุณจะกระทำต่อจากนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และเมื่อได้ทำทุกอย่างแล้ว คุณจะให้รางวัลอะไรกับตัวเอง
สุดท้าย… การเปลี่ยนแปลงตัวคุณ ไม่ต้องรอ คุณทำตอนนี้ได้เลยครับ พบกันครั้งหน้า
“เล่าเรียน ให้รู้ใช้ ฟังถาม ให้รู้คิด โค้ชพา หนึ่งชีวิต ให้ข้ามกรอบคิด ตนเอง”