ความลับของ ‘น้ำมันปลา’ หนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้วัยทำงานเป็น Productive People ที่มีคุณภาพมากขึ้น

แลร์รี คิม ผู้ก่อตั้งและรองประธานฝ่ายการตลาดบริษัท MobileMonkey เคยอธิบายความหมายของ Productive People เอาไว้ว่าคือคนที่เลือกที่จะรับงาน ‘บางอย่าง’ มาทำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเอง ทำให้นิสัยของคนประเภทนี้คือมักจะรู้ขีดจำกัดของตัวเอง เลือกรับเฉพาะสิ่งที่เหมาะกับพวกเขา เพื่อที่จะมีจำนวนปริมาณงานที่เหมาะสม ไปใช้เวลาอย่างมีคุณค่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

        แต่ในหลายครั้งที่วัยทำงาน ผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็น Productive People กลับมีวิธีบริหารงานที่ไม่ลงตัว นำไปสู่ชีวิตที่ยุ่งเหยิง จนบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อการงานที่ไม่ได้คุณภาพตามที่ใจหวัง และลุกลามไปถึงปัญหาสุขภาพจากความบกพร่องในการแบ่งเวลามาดูแลร่างกายตัวเองได้ดีเท่าที่ควร

        ‘น้ำมันปลา’ จึงกลายเป็นฮีโร่ในรูปแบบอาหารเสริม สำหรับคนวัยทำงานยุคนี้อย่างมาก ในการช่วยให้พวกเขามีชีวิตแบบ Productive People ที่สามารถจัดสรรเวลาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีร่างกายที่แข็งแรงไปพร้อมกัน

 

Power of Fish Oil

        ทุกวันนี้ก็กินปลาอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องกินน้ำมันปลาอีก? หนึ่งในคำถามสำคัญที่มนุษย์ผู้รักสุขภาพหลายคนต่างสงสัย เมื่อเขานั้นคือบุคคลผู้ดูแลร่างกายด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์อยู่ตลอดเวลา จึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญต่อการกินอาหารเสริมเท่าไหร่นัก

        แน่นอนว่าการกินอาหารหลักให้ครบ 5 หมู่ คือสิ่งที่มนุษย์ผู้รักสุขภาพพึงกระทำหากหวังจะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง แต่ชีวิตวัยทำงานในปี 2020 ที่มีแต่ความยุ่งเหยิงเช่นนี้ ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้กินปลาและรับสารอาหารที่ครบถ้วนทุกมื้อได้ ทำให้การมี ‘ตัวช่วย’ ในการซ่อมแซมร่างกายที่รวดเร็ว กลายเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้ชาว Productive People สามารถเต็มที่กับงานตรงหน้าโดยที่ยังมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน

        น้ำมันปลา (Fish Oil) จึงกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด เพราะด้วยกระบวนการสกัดเอาน้ำมันออกมาจากส่วนต่างๆ ของปลา ซึ่งมี EPA และ DHA ที่เป็นกรดไขมัน Omega-3 ที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ช่วยลำเลียงสารอาหารผ่านเม็ดเลือดไปดูแลอวัยวะส่วนต่างๆ จนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากมายจนคาดไม่ถึงเลยว่า น้ำมันปลาเม็ดเล็กแค่นี้ จะสามารถช่วยได้ทั้ง

        1. ลดการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกาย

        2. ลดอาการปวดข้อในกลุ่มโรคข้ออักเสบ

        3. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

        4. ลดระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้

        5. ลดความดันโลหิตในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง

 

        และยังช่วยซ่อมแซมร่างกายวัยทำงานได้ เช่น

        1. ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง

        2. ช่วยส่งเสริมการทำงานของจอประสาทตา

 

        รวมไปถึงในปัจจุบันมีสูตรที่ผลิตด้วยนวัตกรรมใหม่ที่สามารถลดขนาดเม็ดให้เล็กกะทัดรัดลง แต่ยังคงอัดแน่นไปด้วยปริมาณโอเมก้า 3 เข้มข้นเท่ากับสูตรมาตรฐานที่มีขนาดเม็ดปกติ ทำให้กลืนได้ง่ายขึ้น แถมยังไม่มีกลิ่นคาว ช่วยให้เหล่ามนุษย์วัยทำงานรับประทานตัวช่วยจากธรรมชาติได้สะดวกรวดเร็วพร้อมรับมือกับชีวิตในแบบ Productive ได้ดียิ่งขึ้น

 

Ways To Be Productive

        เมื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการเป็น Productive People ในช่วงกลางปีที่ด้วยอาหารเสริมที่สำคัญอย่างน้ำมันปลาแล้ว คำถามต่อมาคือ ถ้าฉันอยากกลายเป็น Productive People บ้างจะต้องทำอย่างไร ต่อจากนี้คือ 3 วิธีที่คุณจะสามารถเป็น Productive People ได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณเริ่ม ‘ปรับ’ วิธีการทำงานและตารางการใช้ชีวิตของคุณ

 

1. No Multitasking Just ‘Focus’

        ไม่กี่ปีที่ผ่านมาการทำงานหลายอย่างพร้อมกันแบบ Multitasking กลายเป็นเรื่องที่นิยมให้เป็นกระแสในปัจจุบัน แต่หลายคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตกลับไม่เห็นด้วยต่อวิธีการทำงานแบบนี้เท่าไหร่นัก อีกทั้งยังให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์

        เพราะสุดท้ายแล้วการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทุกงานจะดึงดูดสมาธิและความสนใจ 100% ของคุณแบ่งไปในงานอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณมีสมรรถภาพการทำงาน 100% แต่ต้องแบ่งไปให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน อย่างละ 20% จนสุดท้ายงานทั้งหมดจะมีคุณภาพตามจำนวน % ของความสนใจ ที่คุณให้ไปในงานระหว่างการทำงานแบบ Multitasking เท่านั้น 

        ดังนั้น การทำงานทีละอย่างแบบตั้งใจจึงเป็นวิธีที่ Productive People ควรยึดถือมากกว่า ซึ่งมีหลายเทคนิคที่คุณสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานด้วยการจดจ่อกับสิ่งเดียวในช่วงเวลาหนึ่งได้เช่น เทคนิค The Pomodoro ที่แบ่งเวลา 25 นาทีสำหรับการทำงานเพียงอย่างเดียว (ปิดมือถือ ปิดโซเชียลมีเดีย ที่มารบกวนการทำงาน) จากนั้นจะแบ่งเวลา 5 นาทีสำหรับการพักผ่อนอย่างสั้น เป็น 1 รอบ Pomodoro (30 นาที) ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้นในเวลาอันสั้น อีกทั้งยังไม่ปล่อยให้เราเสียเวลาไปกับสิ่งรบกวนอื่นๆ จนอาจทำให้เวลาการทำงานยืดเยื้ออย่างไม่จำเป็น 

2. Critical Point

        ในส่วนของวิธีการทำงาน ปกติแล้วงานชิ้นหนึ่งจะมีหลายขั้นตอนที่ต้องลำดับก่อนจะเริ่มลงมือทำ ซึ่งหากคุณเป็นคนทำงานทุกอย่างโดยทันทีเพียงหวังให้ทุกอย่างเสร็จหมดไป นั่นหมายความว่าคุณกำลังสร้างนิสัยให้ตัวเองกลายเป็น Busy People โดยไม่รู้ตัว เพราะการทำงานแบบ Productive People สิ่งแรกที่ต้องทำคือการวิเคราะห์ตัวงาน และแบ่งลำดับงานให้ชัดเจนก่อนว่าส่วนไหนของงานคือสิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก 

        มีทฤษฎีหนึ่งที่ชื่อ The Pareto Principle กล่าวไว้ว่าความสำเร็จของงานส่วนใหญ่มักเกิดจาก 20% ที่สำคัญที่สุดของตัวงานเท่านั้น ส่วนอีก 80% คือผลลัพธ์ที่เกิดจากการทำงานใน 20% แรกต่างหาก ดังนั้น การทำงานแบบ Productive People เราจึงจำเป็นต้องหา 20% ที่สำคัญที่สุดในงานตามหลัก The Pareto Principle เพื่อนำไปสู่การทำงานได้อย่างมีคุณภาพในเวลาอันสั้น 

 

 

3. Work Life Balance

        การที่จะสามารถจัดสรรเวลา ผ่านการทำงานออกมาได้มีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น จำเป็นต้องรู้จักแบ่งเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อน ผ่านทั้งการนอนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย รวมทั้งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาจเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ โดยเฉพาะน้ำมันปลาที่อุดมไปด้วยสารอาหารเหมาะสำหรับคนวัยทำงานอย่างที่กล่าวไปในข้างต้น

 


ที่มา: