จากปณิธานแห่งการให้ สู่การร่วมมือร่วมใจจากพันธมิตร ขยายผลให้เกิดการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยเจตนารมณ์ของ คุณเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการและรองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนจากภัยหนาวของพี่น้องในถิ่นทุรกันดารและเพื่อเป็นการตอบแทนและคืนกำไรให้กับสังคม จึงริเริ่มดำเนินโครงการแจกผ้าห่มมาตั้งแต่ปี 2543 ภายใต้ชื่อโครงการ ‘ช้าง…รวมใจต้านภัยหนาว’ ด้วยการแบ่งปันไออุ่นให้กับพี่น้องชาวไทยตามปณิธานที่ยึดถือมาโดยตลอดว่า ‘คนไทย…ให้กันได้’
โดยจัดคาราวานผ้าห่มจำนวน 200,000 ผืน แจกจ่ายให้กับพี่น้องภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานหลักที่ให้ข้อมูลจำนวนผู้ประสบภัยหนาวและคัดเลือกประชากรในแต่ละจังหวัด
วันนี้ก้าวสู่ปีที่ 20 ของโครงการ ‘ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว’ ซึ่งยังคงสานต่อปณิธานแห่งการให้ และมุ่งมั่นให้เกิดการขยายผลออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวไทยผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยร่วมมือกับพันธมิตรที่สำคัญเสมอมา
ร้อยเรื่องราวจากผ้าห่มผืนแรก สู่ปีที่ 20 สัญลักษณ์แห่งความห่วงใย ที่คนไทยมีให้กันเสมอมา
ผ้าห่มจำนวน 4,000,000 ผืน ได้กระจายไปสู่ผู้ประสบภัยมากกว่า 37 จังหวัด ทุกเส้นทางที่ผ่าน ทุกหมู่บ้านที่เข้าถึง ผ้าห่มผืนเขียวทุกผืนนำมาซึ่งไออุ่นพร้อมกับความห่วงใยที่ส่งถึงพี่น้องคนไทย จากความร่วมมือของหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมเดินทางไปกับโครงการฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมอบโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษาและสาธารณสุข ผ่านกิจกรรมอันเป็นประโยชน์หลากหลายด้าน นำมาซึ่งรอยยิ้มและความสุขที่ส่งถึงกัน จากคนไทย…เพื่อคนไทย และนี่คือเส้นทางตลอด 20 ปีแห่งการให้ที่ยั่งยืนของ ‘ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว’
ปีที่ 1: พ.ศ. 2543
เริ่มต้นการแจกผ้าห่ม ภายใต้ชื่อโครงการ “ช้าง…รวมใจต้านภัยหนาว”
ปีที่ 7: พ.ศ. 2549
เริ่มต้นจัดอาหารกล่องสำหรับมื้อเช้า แจกให้ชาวบ้านที่มารอรับผ้าห่ม และเริ่มมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆ ที่ใช้เป็นสถานที่แจกผ้าห่ม โครงการฯ ยังประสานงานร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อนำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คอยดูแลทุกคนที่มารับมอบผ้าห่ม
ปีที่ 8: พ.ศ. 2550
เปลี่ยนชื่อเป็นโครงการ ‘ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว’ และเป็นปีแรกที่มีเพลงประจำโครงการฯ ในชื่อว่า รวมใจต้านภัยหนาว ซึ่งสร้างสรรค์โดยวงคาราบาว นอกจากนี้ยังเชิญพันธมิตรจากภายนอกเข้าร่วมกิจกรรมและร่วมนำสิ่งของมามอบให้ผู้ประสบภัยหนาว
ปีที่ 10: พ.ศ. 2552
จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อตรวจรักษาชาวบ้านและนักเรียนที่มารับผ้าห่ม พร้อมทั้งสร้างห้องสมุดที่โรงเรียนบ้านดอยสะโง๊ะ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และยังร่วมมือกับช้างโมบายฟุตบอลคลินิก จัดทำคลินิกฟุตบอล โดยเชิญโค้ชและนักฟุตบอลทีมชาติไทยมาสอนทักษะและเทคนิคการเล่นฟุตบอลเบื้องต้นแก่น้องๆ ในพื้นที่ รวมถึงมอบอุปกรณ์กีฬา หนังสือ และคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังจัดทำสารคดี ย้อนรอย 10 ปี บนเส้นทางแห่งการแบ่งปันไออุ่น
ปีที่ 11: พ.ศ. 2553
จัดโร้ดโชว์ เพื่อให้พนักงานในเครือไทยเบฟเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นโดยร่วมบริจาคผ้าห่มเพื่อมอบให้ผู้ประสบภัยหนาว และจัดสร้างอาคารอเนกประสงค์ให้กับโรงเรียนบ้านกวนบุ่น อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร
ปีที่ 12: พ.ศ. 2554
มอบผ้าห่ม 5,000 ผืน ให้แก่ผู้ประสบภัยสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น
ปีที่ 13-20: พ.ศ. 2555-2562
เชื่อมโยงกับกิจกรรมชุมชนดีมีรอยยิ้มและช้างโมบายฟุตบอลคลินิก เพื่อจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน โดยจับมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งศิลปะ ดนตรี และกีฬา เพื่อจัดกิจกรรม รวมถึงมอบทุนการศึกษา และมอบสื่อการเรียนการสอนให้กับน้องๆ นอกจากนั้นยังประสานงานกับหน่วยราชการในพื้นที่ขอจัดอำเภอเคลื่อนที่ เพื่อมาอำนวยความสะดวกและบริการให้กับประชาชน เช่น ถ่ายบัตรประชาชน ตัดผม ซ่อมเครื่องใช้ในครัวเรือน ให้ความรู้เกี่ยวกับการดับเพลิง ฯลฯ ประสานความร่วมมือกับมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ตรวจรักษาโรคทั่วไปพร้อมแจกจ่ายยาตามโรคที่วินิจฉัย ตัดผม ฝังเข็ม รวมถึงโรงพยาบาลรวมแพทย์ยโสธร มาบริการตรวจคัดกรองโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
ปีที่ 16: พ.ศ. 2558
มอบผ้าห่ม 20,000 ผืน พร้อมเงินสนับสนุนแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล
ในทุกๆ ปี ผ้าห่มผืนเขียวจำนวน 200,000 ผืนของโครงการฯ จะถูกส่งไปถึงมือพี่น้องในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แต่จากสถิติของกรมการปกครองและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวนประชากรทั้งหมดของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 30 กว่าล้านคน ยังมีความต้องการเครื่องกันหนาวกว่า 6 ล้านคน และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
มาร่วมสร้างสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืนมากกว่าไออุ่นจากผู้ให้ถึงผู้รับ และส่งต่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีนี้ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด