her 2013

Her: แค่ใครสักคนบนดาวเคราะห์นี้

ความสัมพันธ์ที่ดีอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักหรือเสน่หา ผ่านการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันและกัน บางทีอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่คนที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน ชอบนอนดูหนังอยู่บ้านเหมือนกัน แม้กระทั้งสามารถเข้าใจและหัวเราะในเรื่องเดียวกันได้อย่างสนิทใจเพียงเท่านั้น

        ความสบายใจเช่นนี้ ทำให้ธีโอดอร์เริ่มฝักใฝ่ในความสัมพันธ์กับซาแมนธา ปัญญาประดิษฐ์ที่วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน จนทำให้เธอสามารถพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวได้สนุกปากและถูกคอกับธีโอดอร์ได้มากกว่าสิ่งที่มนุษยปกติจะให้เขาได้

        แม้ธีโอดอร์จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่มีตัวตนในโลกของเขา แต่อย่างน้อยซาแมนธาก็คือความหวังเดียวที่จะพาเขาผ่านพ้นค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงาต่อไปได้ในแต่ละคืนวัน

 

her 2013

01 | Chat with Her 

        ไอเดียแรกเริ่มของ Her คือสิ่งที่อยู่ในหัวสมองของ สไปก์ จอนซ์ มานานนับ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นเขาบังเอิญได้พูดคุยกับเว็บไซต์ออนไลน์หนึ่งที่สามารถโต้ตอบผู้ใช้งานได้ราวกับเป็นอีกบุคคลที่สนทนาอยู่อีกฝั่ง  

        “แรงบันดาลใจของผม เริ่มต้นขึ้นจากการที่ได้อ่านบทความเมื่อ 10 ปีก่อน เกี่ยวกับระบบโต้ตอบข้อความกับคอมพิวเตอร์ ผมได้ทดลองพิมพ์ไปว่า สวัสดี มันตอบกลับมาว่า สวัสดี สบายดีไหม ข้อความโต้ตอบเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ผมคุยกับมัน และมันตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่โปรแกรมหนึ่งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริงๆ หลังจากนั้นมันทำให้ผมได้แนวคิดเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด ซึ่งผมได้พัฒนาให้กลายเป็นภาพยนตร์รักเรื่องนี้”

 

her 2013

02 | 2563

        ชื่อของภาพหญิงผมบลอนด์สลวย ยืนหันหลังกลางแดดอุ่นที่มีฉากหลังเหมือนต้นฤดูหนาว ซึ่งเป็นฝีมือของ ทอดด์ ฮิโด ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับซาแมนธา โดยจอนซ์เคยอธิบายเกี่ยวกับรูปนี้เอาไว้ว่ามันคือ ‘ความงามอันลึกลับและความทรงจำ’

        ในตอนที่จอนซ์เริ่มเขียนไอเดียช่วงแรกของหนังเรื่องนี้ เขามักจะติดเศษกระดาษโพสต์อิตสีเหลืองเล็กๆ บนกรอบรูปอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่มีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจเลือกบางอย่างสำหรับหนัง รวมไปถึงช่วงเวลาที่ต้องเลือกตัวหนังสือเล็กๆ ด้วยปากกาเมจิกสีดำที่เขียนว่า ‘her’ จนกลายมาเป็นชื่อหนังของเรื่องนี้ในเวลาต่อมา

 

her 2013

03 | Red in Her

        “ผมมักจะมีคำจัดกัดความหนึ่งคำเพื่ออธิบายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่ผมทำงานอยู สำหรับเรื่องนี้มันคือ ‘สีแดง’ เราใช้สีแดงเยอะมากในโปรเจ็กต์นี้” เพราะสำหรับจอนซ์แล้วการสร้างโลกอนาคตอันรุ่งโรจน์ของสังคมมนุษย์ เขาเชื่อว่าการหมุนกลับของวัฒนธรรมและศิลปะต่างๆ จะถูกนำมาใช้ใหม่ 

        ดังนั้น ในปัจจุบันที่มนุษย์โลกนิยมความเรียบง่ายผ่านสีขาว ดำ เทา ในโลกอนาคตพวกเขาจะเริ่มหาความฉูดฉาดของเฉดสี ก่อนที่เขาจะอธิบายต่อว่าที่ความฉูดฉาดต้องเป็นสีแดงก็เพราะ “สีแดงเป็นสีที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มันเป็นสีแห่งความปรารถนา มันสื่อสารอย่างมีพลังแต่ก็เป็นมิตร”

 

her 2013

04 | Dark side of Spike Jonzes

        บทธีโอดอร์ถูกเขียนขึ้นผ่านตัวเขาเองที่สมมติว่าอยู่ในวัย 50 ปี แต่พอเขียนเสร็จ เขากลับคิดว่านักแสดงที่มารับบทควรต้องมีความหนุ่มกว่านั้น โดยชื่อแรกที่เขานึกถึงเลยคือ วาคีน ฟีนิกซ์ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงจากการรับบทในสารคดีปลอมเรื่อง I’m Still Here (2010) อยู่

        โดยจอนซ์เล่าว่า ผู้ชายคนนี้คือร่างเสมือน (Doppelgänger) ของเขา ทั้งผมกับวาคินเองมีนิสัยและรสนิยม รวมถึงเรื่องที่หัวเราะเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้น ตัวเขาจะต้องเป็นคนรู้สึกได้เป็นคนแรกๆ หากผมเขียนบทไม่ดีพอ

 

her 2013

05 | Samantha Morton

        ซาแมนธา มอร์ตัน ผู้รับบทเสียงพากย์ซาแมนธาในช่วงแรก เธอเล่าว่าช่วงเวลาในกองถ่าย จอนซ์จะสั่งให้ทีมงานทำคอกกั้นระหว่างเธอกับ วาคีน ฟินิกซ์ เอาไว้ระหว่างการถ่ายทำ เพื่อให้ทั้งคู่โต้ตอบ รับ-ส่งบทโดยที่ไม่ต้องมองหน้ากันเลย แต่สุดท้ายเมื่อหนังเรื่องนี้ถ่ายเสร็จสิ้น จอนซ์ค้นพบว่าเสียงของซาแมนธานั้นมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาจึงแก้บทใหม่และให้ สการ์เล็ตต์ โจฮันสัน มาพากย์เสียงเป็นซาแมนธาอีกครั้ง

06 | ซาแมนธา

        ในภาษาแอราเมอิก ซาแมนธา แปลว่า ผู้รับฟัง (Listener) 

 

her 2013

07 | Amy

        เอมี อดัมส์ ที่รับบทเอมี เพื่อนร่วมงานของธีโอดอร์ เคยเล่าว่าในช่วงถ่ายทำ จอนซ์มักจะบังคับให้เธอกับวาคีนอยู่ในห้องด้วยกันเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อหวังให้พวกเขาทั้งสองรู้จักกันมากขึ้น แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ทุกวันนี้เธอยังขอบคุณจอนซ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและวาคีนแนบแน่นมากยิ่งขึ้น

        อีกสิ่งที่น่าสนใจในบทเอมี มีหลายสำนักเคยวิเคราะห์ไว้ว่าเป็นตัวละครที่ถอดแบบมาจาก มิแรนดา จูลาย เพื่อนสนิทของจอนซ์ เพราะในช่วงเวลาที่เขาหย่าร้างกับโซเฟียแล้ว มิแรนดาคือเพื่อนคนสำคัญที่คอยให้กำลังใจเขาในยามเปลี่ยวเหงาอยู่ตลอดเวลา

 

her 2013

08 | Lost in Translation

        ภาพยนตร์สุดเหงาอีกเรื่องของผู้กำกับหญิงมากความสามารถอย่าง โซเฟีย คอปโปลา สิ่งที่น่าสนใจคือเธอเคยแต่งงานกับ สไปก์ จอนซ์ อยู่ 5 ปี ก่อนที่จะเลิกลากันไปในปี 2003 ซึ่งเป็นปีที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายพอดี 

        หลังจากนั้น 10 ปีต่อมาจอนซ์ก็เริ่มเล่าเรื่องราวความเหงาของเขาเองบ้างผ่านหนังเรื่อง Her โดยมีหลายคนเคยวิเคราะห์กันเอาไว้ว่าตัวละคร แคทเธอรีน ที่รับบทโดย รูนีย์ มารา คือตัวแทนของโซเฟียอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในฉากที่แคทเธอรีนและธีโอดอร์ ต้องมานั่งเซ็นใบหย่าด้วยกัน อาจเป็นเหตุการณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นจริง

 

her 2013

09 | Steven Soderbergh

        ในการตัดต่อครั้งสุดท้ายของจอนซ์ หนังเรื่องนี้มีความยาวมากถึง 150 นาที ซึ่งเขารู้สึกว่ามันยืดเยื้อเกินไป จึงขอให้ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ช่วยตัดแก้ โดยบอกว่า “เขาเป็นผู้กำกับที่เก่งที่สุด ตัดต่อเร็วที่สุด และอายุรุ่นเดียวกับผมด้วย เขาใช้เวลาแค่ 24 ชั่วโมงก็ตัดมันให้เหลือชั่วโมงครึ่งได้แล้ว”

        สุดท้ายโซเดอร์เบิร์กได้ Her เวอร์ชัน 120 นาทีมาให้จอนซ์ แต่เขาก็ยังไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าฉากที่ไม่จำเป็นในการเล่าเรื่องหลายฉากยังมีความจำเป็นสำหรับการสร้างอารมณ์เปลี่ยวเหงาอยู่ ทำให้เขาเติมฉากเพิ่มเข้าไปบางส่วน จนสุดท้ายก็ได้ Her ที่มีความยาว 126 นาทีขึ้นมา

10 | Woody Allen

        ผู้กำกับที่มีอิทธิพลในการสร้างหนังเรื่องนี้อย่างมาก ผ่านการอ้างอิงผลงานของ วูดดี อัลเลน อย่าง Crimes and Misdemeanors (1989) ที่ว่าเรื่องด้วยสามีวางแผนฆ่าเมียน้อย โดนจอนซ์อธิบายเหตุผลที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจหลักไว้ว่า “หนังเรื่องนี้ตบตาคนดูให้ลุ้นตามตลอดเวลา ผมอยากให้ Her หลอกล่อคนดูได้แบบนั้นบ้าง”

        มีหลายครั้งที่ตัวละครธีโอดอร์จะรู้สึกสับสนและตัดสินใจได้ยากลำบากระหว่างการเลือกความรักในชีวิตจริง หรือจะใช้ชีวิตจมปลักในโลกเสมือน ซึ่งการตัดสินใจในหลายครั้งมักจะถูกอ้างอิงมาจากตัวละครในหนังของ วูดดี อัลเลน เรื่องนี้อยู่เสมอ

 

11 | Photograph

        คือเพลงประกอบหนังที่ซาแมนธา AI ในเรื่องแต่งให้กับธีโอดอร์ เพราะเธอไม่มีรูปร่างหรือลักษณะใดๆ ให้เขาจดจำได้เลย ซาแมนธาอธิบายในหนังว่าเพลงนี้เปรียบเสมือนรูปภาพที่คอยบันทึกช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด เป็นความทรงจำรูปธรรมเดียวที่พวกเขามีระหว่างกัน