honey boy

Honey Boy: รวมเรื่องราวสุดเพี้ยนจากหัวใจที่แหลกสลายของชายที่ชื่อ ไชอา เลอบัฟ

หลังจากเริ่มรับงานแสดงตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบในเรื่อง Even Stevens (2000-2003) ทีวีโชว์ของดิสนีย์ ไชอา เลอบัฟ ก็เป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงที่น่าจับตามอง ก่อนที่เขาจะมาแจ้งเกิดแบบพลุแตกกับบท แซม วิตวิกกี ใน Transformers (2007) ชื่อเสียงก็มาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลในฐานะนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งน่าจับตามอง ซึ่งเขามีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น

        แรงเสียดทานจากการกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ชั่วข้ามคืนส่งผลให้เขาไม่สามารถปรับตัวในการใช้ชีวิต และทำให้ไชอามักจะมีเรื่องราวข่าวฉาวและวีรกรรมเพี้ยนสุดโต่งออกมาให้เราเห็นอยู่เป็นระยะ

 

honey

01 | ชกต่อยกับคนแปลกหน้า?

        ในเดือนกรกฎาคมปี 2014 มีคลิปของ ไชอา เลอบัฟ ถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ เป็นภาพที่เขาพยายามจะต่อสู้กับใครสักคน ฟังดูอาจจะสงสัยว่าแปลกอย่างไร เพราะปกติถ้าเรามีเรื่องบาดหมางกับใคร การแก้ปัญหาด้วยการใช้กำลังมักจะมีให้เห็นอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือดาราก็ตาม

         แต่ต่อมา ไชอาได้ออกมายอมรับในความเพี้ยนของตัวเองว่า แท้จริงแล้วคู่กรณีคนนั้นที่เขาไปมีเรื่องด้วยคือใครก็ไม่รู้ เขาไม่ได้รู้จักหรือบาดหมางกันแต่อย่างใด ไชอาเล่าต่อว่าเขาเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องหงุดหงิดมากวนใจจึงต้องหาทางออกให้กับตัวเอง ก่อนที่จะยกตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ประมาณว่า “คุณลองนึกภาพตามนะ ในรุ่งเช้าวันเสาร์ ผมกำลังเดินออกมาจากคลับเปลื้องผ้าในสภาพเมาแอ๋ แต่ผมกลับถูกคนแปลกหน้าเรียกว่า แซม วิตวิกกี ซ้ำๆ ตอนนั้นผมมีอารมณ์หงุดหงิดพอๆ กับสถานการณ์นี้ที่ผมต้องเจอเลย”

 

02 | นั่งจ้องรถจักรยานยนต์ตาเขม็ง

        หนึ่งกิจกรรมสุดโปรดของ ไชอา เลอบัฟ คือหาอะไรสักอย่างทำเพื่อให้เวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย โดยจะขอเรียกว่า ‘กิจกรรมแบบไชอา’ ซึ่งกิจกรรมแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นอย่างลับๆ ในการสร้างสรรค์วิธีฆ่าเวลาแบบฉบับของเขา

       ในปี 2013 มีจักรยานยนต์คันหนึ่งจอดติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขากลับรู้สึกว่าคนขับรถกระบะสีดำที่จอดรอไฟแดงอยู่ข้างๆ กำลังยื่นหน้าจ้องออกมาที่รถของเขาตาเขม็ง ก่อนที่เขาจะหันไปมอง และพบว่าคนขับคนนั้นคือ ไชอา เลอบัฟ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไชอาถึงต้องจ้องมาที่รถจักรยานยนต์ของเขาขนาดนี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ด้วยกล้องที่ติดอยู่บนหมวกของคนขี่รถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะมีการเผยแพร่คลิปลงโซเชียลฯ และมีผู้เข้าชมสูงถึง 8 ล้านคน

 

honey boy

03 | ได้รับการคัดเลือกให้เล่นหนังเรื่อง Nymphomaniac จากการถ่ายรูปน้องชายของตัวเอง

        ในการคัดตัวนักแสดงหนังเรื่อง Nymphomaniac (2013) ที่ไชอาเล่นเป็นละครหลักของเรื่อง เขาเคยบอกว่าผู้กำกับ ลาร์ส วอน เทียร์ มีเกณฑ์การคัดนักแสดงโดยวัดจากขนาดอวัยวะเพศ โดยให้นักแสดงแต่ละคนส่งรูปอวัยวะเพศไปให้ทางผู้กำกับพิจารณา (เพราะในหนังมีฉากเปลือยที่ต้องเห็นอวัยวะเพศจริงๆ ) แน่นอนว่าไชอาคือหนึ่งในนักแสดงที่ส่งรูปน้องชายตัวเองไปแคสต์งานด้วยเช่นกัน และเขาภูมิใจกับตัวเองมากที่สุดท้ายได้รับเลือกให้แสดงหนังเรื่องนี้

 

honey boy

04 | การสวมถุงกระดาษเหนือศีรษะในงานเปิดตัว Nymphomaniac 

        ต่อจากการคัดเลือกนักแสดงเรื่อง Nymphomaniac หลังจากที่หนังได้ออกฉายไปได้ระยะหนึ่ง กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ได้รับการเข้าชิงรางวัลในงานเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ทำให้เหล่านักแสดงในเรื่องต้องออกมาเดินพรมแดงในงานประกวดดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

        แต่ไชอาก็ยังสร้างเหตุการณ์ให้โลกจดจำอีกครั้ง ด้วยการสวมถุงกระดาษบนหัว โดยมีข้อความบนถุงว่า “ฉันไม่ใช่คนดังอีกต่อไปแล้ว” แน่นอนว่าเรื่องนี้สร้างความสงสัยให้คนในงานเป็นอย่างมาก มีหลายคนเดินเข้าไปถามไชอาว่าทำไมถึงต้องสวมถุงที่หัวแบบนี้ แต่ไชอาก็จะตอบกลับเพียงแค่ว่า “ฉันเป็นถุงกระดาษ ถามคำถามเกี่ยวกับถุงกระดาษสิ”

 

honey boy

05 | ความทุ่มเทแบบผิดๆ ในการเล่นหนังสงครามโลก

        หลังจากเล่นใหญ่เรื่อง Nymphomaniac จบลง ในปีต่อมาเขาก็ได้รับเลือกให้แสดงหนังเรื่อง Fury (2014) หนังในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีข่าวลือในกองถ่ายว่า ไชอา เลอบัฟ ผู้รับบทเป็นนายทหารในหน่วยรถถังอินกับบทบาทดังกล่าวมาก โดย แบรด พิตต์ นักแสดงหลัง และ เดวิด เอเยอร์ ผู้กำกับหนัง ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าไชอาพยายามจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทที่สุด แต่ดันผิดวิธีไปเสียหน่อย 

        เพื่อความสมจริงในยุคสงคราม ไชอา เลือกที่จะไม่อาบน้ำเลยตลอดระยะเวลาการถ่ายทำ ทำให้เหล่าทีมงานและนักแสดง ต้องทนทุกข์กับการดมกลิ่นตัวของเขาเป็นอย่างมาก จนสุดท้ายเขาก็ต้องถูกย้ายให้ไปอยู่โรงแรมเพียงคนเดียว เนื่องจากไม่มีใครสามารถทนกลิ่นของเขาได้อีกต่อไปในตอนนั้น

 

honey boy

06 | #IAmSorry นิทรรศการสุดโต่ง

        เมื่อชื่อเสียงของความบ้าบิ่นในการใช้ชีวิตและการแสดงของ ไชอา เลอบัฟ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เขาก็พัฒนาพรสวรรค์ด้านนี้ไปอีกขั้น ด้วยการจัดแสดงนิทรรศการ #IAmSorry ซึ่งเขาจะปรากฏตัวในแกลเลอรีที่ลอสแองเจลิสพร้อมกับถุงกระดาษใบเดียวบนหัว โดยผู้เช้าชมสามารถจะทำอะไรกับเขาในงานนิทรรศการก็ได้ แม้จะเป็นเรื่องผิดกฎหมายก็ตาม โดยเขาเคยอ้างว่าในการจัดแสดงศิลปะครั้งนั้น เขาถูกข่มขืนโดยผู้เข้าชมตลอดระยะเวลา 5 วันติดต่อกัน

 

07 | จัดโปรแกรมหนังที่ตัวเองเล่นแบบมาราธอนกว่า 10 ชั่วโมง

        กลับมาที่ ‘กิจกรรมแบบไชอา’ กันต่อ หลังจากที่ในตอนแรกกิจกรรมนี้มักถูกบันทึกโดยคนภายนอกแล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าไชอาคือผู้ที่จัดกิจกรรมและบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเสียเอง

        โดยกิจกรรมแรกคือการจัดโปรแกรมภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาแสดงแบบมาราธอนในโรงหนัง ซึ่งมีความยาว 10 กว่าชั่วโมง และกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากผู้ชมจำนวนหนึ่ง มีหลายคนเข้ามานั่งๆ นอนๆ ดูหนังของไชอาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่สำหรับไชอาเอง เขากลับเป็นคนที่นั่งจ้องตาเขม็งไปยังภาพยนตร์ที่เขาเคยแสดงติดต่อกันยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง โดยไม่พักแต่อย่างใด หากไม่เชื่อเราขอให้คลิปนี้เป็นหลักฐานในความมุมานะของเขาก็แล้วกัน

 

08 | จัดโปรแกรมติดลิฟต์ 1 วัน

        นี่อาจจะเป็น ‘กิจกรรมแบบไชอา’ ขั้นสุดของเขาในตอนนี้ กับการสร้างานอาร์ตที่ชื่อว่า #ELEVATE  โดยเขาและเพื่อนอีกสองคนจะยืนอยู่ในลิฟต์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และถ่ายทอดสดให้ชมผ่านยูทูบ 

        การจัดนิทรรศการเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะตลอดเวลาที่พวกเขาทั้ง 3 ติดอยู่ในลิฟต์ จะมีผู้คนเข้ามาใช้งานลิฟต์ ไชอาและผองเพื่อนก็ชวนคุยและทักทายกันตามปกติ แต่ถ้าถามว่ากิจกรรมแบบไชอานี้จัดขึ้นเพื่ออะไร ก็คงเป็นอีกหนึ่งปริศนาเหมือนกับกิจกรรมที่แล้วๆ มาของไชอา ที่ยังคงหาคำตอบไม่ได้อยู่เช่นกัน

 

honey

09 | วิ่งขโมยหมวกชายจรจัดทั่วนิวยอร์ก

        เข้าสู่จุดสูงสุดแห่งความเพี้ยนของ ไชอา เลอบัฟ นั่นคือการที่เขาออกมาอาละวาดไล่คนจรจัดในเมืองนิวยอร์กให้ออกไปจากทางเท้า เรื่องราวเพี้ยนๆ เกิดขึ้นกับชายจรจัดคนหนึ่งที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนั้น เขากำลังวิ่งหนีจากการอาละวาดของ ไชอา เลอบัฟ หลังจากนักแสดงหนุ่มเห็นหมวกที่เขาสวมอยู่ ไชอาก็วิ่งไล่กวดอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ถึงตัวของคนจรจัด เขาก็พูดว่า “ไม่ต้องห่วงครับ ผมไชอาเอง ผมแค่จะมาเอาหมวกของผมคืน” ฟังดูอาจจะไม่รุนแรงอะไรมากมาย แต่คุณลองนึกภาพว่าตัวเองเป็นชายจรจัดคนนั้นสิ อยู่ดีๆ ก็ถูกดาราคนหนึ่งมาอาละวาดไล่ให้ออกไปจากทางเท้า อีกทั้งยังวิ่งเข้ามาหาพร้อมทั้งพยายามขโมยหมวกอีก นั่นคงเป็นเวลาที่น่ากลัวไม่ใช่น้อยสำหรับชายจรจัดคนนั้น

 

honey boy

10. Honey Boy บทสรุปความทุกข์ระทมของไชอา เลอบัฟ

       หลังจากรับรู้ถึงความเพี้ยนของ ไชอา เลอบัฟ มากันพอสมควร สุดท้ายเขาก็เข้ารับการบำบัดอารมณ์และการติดเหล้า โดยระหว่างนั้นเขาเลือกที่จะจดบันทึกเหตุการณ์ทุกสิ่งอย่างในอดีตที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าเขาจะไม่กลับไปเป็น ไชอา เลอบัฟ คนเดิมแบบนั้นอีกเด็ดขาด

        หลังออกมาจากการบำบัดแล้ว เราจะเห็นว่าไชอามีการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น ปัจจุบันเราไม่เห็นเรื่องราวสุดเพี้ยนหรือข่าวฉาวของไชอาอีกแล้ว และกลายเป็นว่าเขากลับมาทำอาชีพนักแสดงได้อีกครั้ง โดยปีนี้ไชอามีผลงานการแสดงถึงสองเรื่องคือ The Peanut Butter Falcon และ Honey Boy 

         ซึ่งความน่าสนใจของหนังเรื่อง Honey Boy คือเป็นการดัดแปลงเนื้อหาจากบันทึกส่วนตัวในช่วงเข้ารับการบำบัด อีกทั้งไชอาก็ยังเป็นคนเขียนบทและเล่นเป็น เจมส์ ลอร์ต พ่อของตัวเอง โดยเรื่องราวในหนังจะเป็นช่วงเวลาที่เขาเข้ารับการบำบัดและตัดสลับกับช่วงเวลาในวัยเด็กที่เขาต้องอยู่กับพ่ออย่างขมขื่น ซึ่งส่งผลให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางจิตใจอย่างหนักหนาสาหัส

        …หรือนี่อาจจะเป็นต้นตอทั้งหมดของพฤติกรรมสุดเพี้ยนของ ไชอา เลอบัฟ ที่มีต้นกำเนิดมาจากบาดแผลภายในจิตใจและถูกกระตุ้นจากความกดดันของโลกภายนอกจึงทำให้เขาสติหลุดไปช่วงเวลาหนึ่ง 

        แต่สุดท้ายคนเราเมื่ออยู่ในจุดที่ดำดิ่งและมืดมิดที่สุดในชีวิต เขาก็จะพยายามฉุดรั้งตัวเองขึ้นมาจากหุบเหวตรงนั้น เหมือนไชอาเอง ที่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ หากว่าเราตั้งใจจริง