‘ปู่ติดยา พ่อล้มเหลวทางธุรกิจ ลุงเคยฆ่าตัวตาย พี่ชายเป็นคนไม่เข้าสังคม’
นี่คือสมาชิกของตระกูลฮูเวอร์ ครอบครัวชั้นกลางที่ใช้ชีวิตอยู่แบบผลาญลมหายใจไปวันๆ เพียงหวังว่าตัวเองจะได้ล้มหายตายจากโลกใบนี้ไปเสียที จนสุดท้ายโอลีฟ หนึ่งในสมาชิกที่มีฝันอยากเป็นนางงามได้รับโทรศัพท์ว่าเธอเข้ารอบสุดท้ายในการประกวด Little Miss Sunshine
ทำให้ของครอบครัวฮูเวอร์ต้องเปิดทริปเดินทางครั้งใหญ่เพื่อสานต่อความฝันของลูกสาวคนเล็ก ณ สถานที่ไกลบ้าน นำไปสู่การค้นพบความรักภายใต้ความสัมพันธ์อันหักพัง ที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล
01 | Great Loser
สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือ แรงบันดาลใจสำคัญสำหรับ Little Miss Sunshine นั้นมาจากหนังที่แอ็กชันอย่าง The Terminator (1984) ไม่ต้องทำหน้าตกใจไป นี่เราพูดจริงๆ
เพราะ Michael Arndt มือเขียนบทเรื่องนี้เล่าว่า มีประโยคหนึ่งจากหนังหุ่นเหล็กจักรกลสังหารในเรื่องนี้ที่สะกิดใจเขาคือ “ถ้ามีบางสิ่งที่ฉันเกลียดมากที่สุดในโลกก็คงเป็นไอ้พวกขี้แพ้” ไมเคิลคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประโยคนี้ เขาจึงตอบโต้ด้วยการสร้าง Little Miss Sunshine ด้วยจุดประสงค์ว่า การเป็นไอ้คนขี้แพ้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายขนาดนั้น เพราะในชีวิตมนุษย์เราก็เป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้กันอยู่ตลอดเวลา
02 | Abigail Breslin
นอกจากในฐานะนักแสดงแล้ว ในชีวิตจริง อบิเกลเองก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเต็งจากการประกวดนางงามเด็กเหมือนกัน และความจริงเธอไม่ได้มีรูปร่างที่อ้วนแบบในหนัง ทำให้ในการถ่ายทำเธอต้องสวมชุดไขมันเพิ่มเติมในการรับบทโอลีฟอยู่ตลอดเวลา
ในการเดินทางครั้งแรกของครอบครัวฮูเวอร์ที่ปู่เอ็ดวินส์สอนข้อคิดให้แก่หลานชายในการ ‘เอาผู้หญิงให้ได้มากที่สุด’ ในรถท่ามกลางสมาชิกครอบครั้วทั้งหมดรวมไปถึงโอลีฟหลานสาวคนเล็กที่ยังไม่ประสีประสานัก
ในหนัง ตัวละครจะโอลีฟจะสวมหูฟังและไม่ได้ยินเรื่องราวใต้สะดือจากปู่เขาแต่อย่างใด แต่เพื่อความปลอดภัยแก่จิตใจของ อบิเกล เบรสลิน ทางผู้กำกับจึงให้เธอเปิดเพลงและเพิ่มเสียงให้ดังในฉากนั้นจริงๆ โดยเพลงในเครื่องเล่นของโอลีฟล้วนเป็นเพลงของ เคลลี คลาร์กสัน แทบทั้งสิ้น (เพราะผู้กำกับทั้งคู่เป็นแฟนเพลงตัวยงของเคลลีมาโดยตลอด)
03 | Paul Dano
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านักแสดงหน้ามน ขวัญใจชาวลูเซอร์คนนี้ คือชายที่รับบทเป็นดเวย์น เด็กอายุ 15 ในขณะที่เขาอายุถึง 22 ปีแล้วในตอนนั้น
เดิมทีผู้กำกับวางคาแรกเตอร์ตัวละครนี้ไว้ว่า ต้องเป็นเด็กที่มีเชื้อสายอินเดียนแดงที่มีร่างกายกำยำ (สังเกตว่าดเวย์นเป็นตัวละครเดียวที่ไม่ปรากฏนามสกุลและตัดขาดจากครอบครัว เป็นไปได้ว่าเขาอาจเป็นเด็กที่ได้รับการอุปการะมาอีกที) แต่เมื่อพวกเขาเห็น พอล ดาโน ในลุกส์ผมยาว เขาจึงล้มเลิกแผนนี้ทันที และเปลี่ยนดเวย์นให้เป็นหนุ่มผอมบางร่างน้อยที่ไม่พูดคุยกับใคร เพราะเขามั่นใจว่าพอลต้องแสดงความรู้สึกออกมาจากภายในได้อย่างแน่นอน
04 | Valerie Faris, Jonathan Dayton
ในเวทีการประกวด Miss Sunshine กรรมการในจุดลงทะเบียนที่โต้เถียงกันเรื่องจะให้โอลิเวอร์ประกวดหรือไม่เนื่องจากเธอมาสาย ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น โจนาธาน เดย์ตัน และ วาเลรี ฟาริส ผู้กำกับของเรื่องนั้นเอง
นอกจากทั้งคู่จะเป็นผู้กำกับร่วมกันในเรื่องแล้ว ชีวิตจริงพวกเขาคือคู่รักที่พบกันตั้งแต่ช่วงเป็นนักศึกษา ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้กำกับหนังสั้นและมิวสิกวิดีโอให้ศิลปินมากมายทั้ง Red Hot Chili Peppers และ The Smashing Pumpkins
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างคือการแฝงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยส่วนตัวเอาไว้ในฉากที่แฟรงก์ซื้อของที่ร้านชำในราคา 19.79 เหรียญ ซึ่งจำนวนเลขดันไปตรงกับ มิวสิกวิดีโอที่เขากำกับให้แก่ The Smashing Pumpkins ในเพลง 1979
5 | 5 Years
ไม่ใช่เพราะความยาวของภาพยนตร์หรือปัญหาเรื่องนักแสดงและผู้กำกับอย่างใด แต่สาเหตุที่การสร้างหนังเรื่องนี้กินเวลานานถึงครึ่งทศวรรษเป็นเพราะหนังได้ทุนสร้างมาแค่ 8 ล้านเหรียญ (แต่ทำรายได้สูงถึง 100 ล้านเหรียญ)
ในช่วงแรกของการถ่ายทำ กองถ่ายประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนักทั้งการทำงานร่วมกับบริษัท Focus Features ที่ล้มเหลว เนื่องจากผู้กำกับมีปัญหาเรื่องทิศทางภาพยนตร์กับนายทุนที่ไม่ตรงกัน จนทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักไปนานอยู่พักใหญ่ สุดท้าย มาร์ก เทอร์เทิลท็อบ ซีอีโอ The Money Store ก็เข้ามาขอซื้อสิทธิ์คืนและให้ทุนสำหรับสร้างแทน จนหนังเสร็จสมบูรณ์ในปี 2006
06 | Rebecca Annitto
Little Miss Sunshine คือหนังที่อุทิศให้กับรีเบกกา หลานสาวของ ปีเตอร์ ซาราฟ โปรดิวเซอร์ของเรื่อง โดยเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงประกอบในฉากร้านอาหารแพนน์
ก่อนหนังจะเสร็จสมบูรณ์ไม่กี่วันเธอประสบอุบัติเหตทางรถยนต์และเสียชีวิตโดยกะทันหัน โดยที่ยังไม่เคยเห็นตัวเองในเรื่องนี้เลยสักครั้ง ทำให้ผู้กำกับตัดสินใจใส่ข้อความในตอนจบของเรื่องเอาไว้ว่า “แด่รีเบกกา อันนิตโต ผู้เป็นที่รัก, หญิงสาวที่สวยงามจากภายในและภายนอกอย่างแท้จริง”
07 | Michael Arndt
นี่คืองานเขียนบทเรื่องแรกของเขา หลังจากที่ทำงานในฐานะผู้ช่วยของ แมททิว บรอเดริก นักแสดงรุ่นใหญ่อยู่นาน เขาตัดสินใจลาออกไปตายเอาดาบหน้ากับบทหนังเรื่อง Little Miss Sunshine สุดท้ายหนังเรื่องนี้คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ในปี 2006 ก่อนที่จะมีผลงานตามมาอีกมากมายทั้ง WALL-E (2008), Toy Story 3 (2010) , Inside Out (2015) และ Star Wars: The Force Awakens (2015)
08 | Volkswagen T2 Microbus
รถตู้สีเหลืองสภาพกระท่อนกระแท่นประจำตระกูลฮูเวอร์นั้น ในขั้นตอนการผลิตมีรายงานว่า ในกองถ่ายมีรถ Volkswagen T2 Microbus แบบนี้ถึง 5 คัน เพื่อใช้สำหรับการถ่ายทำในการติดกล้อง และปรับสภาพหักพังต่างๆ ให้เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเรื่อง
09 | An American Family
สารคดีในปี 1973 ที่ตามติดครอบครัวลาวด์กว่า 7 เดือน คือหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของผู้กำกับทั้งสองในการสร้างหนังเรื่องนี้ โจนาธานเคยอธิบายเอาไว้ว่านอกจากเรื่องราวการหย่าร้างและการเปิดตัวในฐานะเกย์ของ แลนซ์ ลาวด์ บทเรียนเรื่องความหมายของชีวิตจากครอบครัวในสารคดีนี้ต่างหากคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เขาสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
10 | Dean Norris
เห็นเป็นหนังครอบครัวฟีลกู๊ด แต่กลายเป็นว่าผู้กำกับแอบผูกเรื่องราวเข้ากับจักรวาลพ่อค้ายาด้วยเสียอย่างนั้น เพราะในฉากเดินทางไปประกวด Miss Sunshine ของครับครัวฮูเวอร์ เส้นทางที่พวกเขาขับผ่านคือทะเลทรายอัลบูเคอร์คี ในนิวเม็กซิโก สถานที่อันเป็นฉากหลังของซีรีส์ค้ายาชื่อดังอย่าง Breaking Bad (2008–2013)
ที่บอกว่าอยู่ในจักรวาลเดียวกัน เพราะใน Little Miss Sunshine มีการปรากฏตัวของนายตำรวจที่สั่งให้รถตู้ของครอบครัวจอดลงและทำการสอบถามถึงความผิดปกติ ซึ่งนายตำรวจผู้นั้นแสดงโดย ดีน นอริส นักแสดงผู้ที่รับบทเป็นแฮงก์ ในซีรีส์ Breaking Bad และที่สำคัญในบทแฮงก์ เขายังเป็นนายตำรวจเช่นกัน เป็นไปได้ว่าตำรวจใน Little Miss Sunshine อาจเป็นแฮงก์จริงๆ ก็ได้