pennywise

Pennywise: สัตว์-ประหลาดยังไงให้สร้างสรรค์ที่สุดในสไตล์ สตีเวน คิง

“ตอนนั้นผมเริ่มมีความคิดที่อยากจะสร้างสัตว์ประหลาดนะ แต่ผมอยากได้ชนิดที่ว่ามันต้องทำให้ผมกลัวและกรีดร้องเพียงแค่ได้เห็นมัน ผมเลยเริ่มระลึกดูว่าตอนเด็กๆ มีอะไรที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้บ้าง ตัวตลกไง! ดวงตาโตลุกวาว หน้าขาวซีดเหมือนศพ ปากเต็มไปด้วยคราบเลือด คุณคิดดูสิ ขนาดทุกวันนี้ผมโตแล้ว ผมยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยเมื่อตอนต้องนั่งเครื่องบินข้างคนสวมชุดมาสคอตแมคโดนัลด์แบบจัดเต็มน่ะ”

        สตีเวน คิง เล่าติดตลกถึงไอเดียแรกเริ่มในการสร้างเพนนีไวส์ ตัวตลกสยองขวัญจาก IT นวนิยายของเขาอย่างภาคภูมิ เพราะถึงแม้นี่จะเป็นเพียงแค่หนึ่งในตัวละครอีกมากโขจากหนังสือของเขา แต่ความนิยมของเจ้าตัวตลกนี่แหละที่พางานวรรณกรรมอย่าง IT โลดแล่นไปไกลกว่าหนังสือเรื่องอื่นของเขา ทั้งการถูกสร้างเป็นซีรีส์โทรทัศน์รวมไปถึงภาพยนตร์อีกสองภาคให้ที่เราๆ ได้ชมกัน

        แต่ที่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือหลังจากที่สตีเวนได้ตัวตลกมา การหยิบใช้เจ้าเพนนีไวส์ของเขาช่างดูพิลึก ซับซ้อน และลึกลับแบบมีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังนั้น? วันนี้เราจะมาย้อนดูกันว่าจากเพนนีไวส์ในรูปร่างตัวหนังสือ สู่การปรากฏตัวในร่างของ บิล สการ์สการ์ด ในภาพยนตร์เรื่อง IT (2017) จะมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

 

Pennywise

‘มัน’ มาจากนอกโลก

        จุดเริ่มต้นเพนนีไวส์ตามหนังสือของ สตีเวน คิง ถูกเล่าไว้ว่า แท้จริงมันคือสิ่งมีชีวิตนอกโลกซึ่งมีอายุยาวนานมาหลายพันล้านปีก่อนที่โลกจะถือกำเนิดขึ้นมาอีก โดยมันอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่า Macroverse จักรวาลมิติหนึ่งในหนังสือของเขา (มิติเดียวกับ Todash Darkness จากหนังสือ The Dark Tower อีกหนึ่งผลงานของ สตีเวน คิง) โดยในช่วงที่โลกกำลังเกิดภัยพิบัติ เพนนีไวส์ได้ติดอุกกาบาตลงมาบนโลก โดยฝังตัวเข้าไปใต้ผืนแผ่นดินแถบอเมริกาเหนือ และรอคอยจนถึงเวลาที่เมืองเดอร์รีถูกสร้างขึ้นมาในบริเวณนั้น เพื่อที่จะกัดกินมนุษย์ทุกๆ 27 ปี

Pennywise

ทำไมต้องทุก 27 ปี?

         เหตุผลที่เพนนีไวส์ตื่นจากการจำศีลเพื่อลักพาตัวเด็กกลับลงไปใต้ดินแต่ละครั้ง ต้องนานห่างกันเกือบ 3 ทศวรรษนั้น อย่างแรกคือ เพื่อทิ้งช่วงให้คนได้ลืมว่าครั้งหนึ่งเคยมีตัวตน และเคยเกิดเหตุการณ์เด็กหายสาบสูญอย่างแปลกประหลาดไปสักพักก่อน ส่วนเหตุผลที่สองคือ มันจะรอจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการออกล่าเท่านั้น ซึ่งความเหมาะสมที่ว่านั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ต่างๆ เช่น เหตุระเบิดที่ Kitchener Iron Works ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 108 ราย ตามที่เบน ตัวละครภายในเรื่องอ่านเจอ รวมไปถึงเหตุฆาตกรรมอื่นใดที่อุกอาจพอจะสร้าง ‘ความกลัว’ มาเขย่าขวัญคนในเมืองได้

        เพราะความกลัวนี่แหละที่เป็นอาหารจานหลักอันแท้จริงของเพนนีไวส์ (เพนนีไวส์เลือกที่จะกินมนุษย์เพราะนี่คือการออกล่าเพื่อประทังชีวิต ไม่ใช่การหลอกหลอนแต่อย่างใด) นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้เหยื่อที่มันเลือกส่วนใหญ่เป็นเด็กซึ่งมีความกลัวอยู่ในตัวค่อนข้างสูง เพื่อที่มันจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสร้างภาพลวงตาเป็นสิ่งที่เด็กคนนั้นกลัวได้ อย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์ภาคแรกที่เพนนีไวส์เปลี่ยนร่างและสร้างภาพลวง ทั้งรูปผู้หญิงที่ดูพิลึกในบ้านของสแตนลีย์ ฉากไฟคลอกพ่อแม่ของไมค์ รวมไปถึงการแปลงเป็นจอร์จี้—น้องชายของบิล แต่เพียงแค่ตัวตลกดันเป็นรูปร่างที่เด็กๆ กลัวมากที่สุดตามคำอธิบายของ สตีเวน คิง ทำให้เพนนีไวส์มักถูกจดจำในรูปแบบตัวตลกมากกว่าอื่นใดแทบทั้งหมด

Pennywise

จากหน้ากระดาษสู่ บิล สการ์สการ์ด

        ย้อนกลับไปช่วงที่ สตีเวน คิง กำลังเขียน IT อยู่ ในตอนนั้นสถานีโทรทัศน์ ABC ได้เข้ามาติดต่อกับเขาอยู่ก่อนแล้วว่าอยากจะได้เรื่องราวในหนังสือสักเรื่องไปสร้างเป็นซีรีส์ เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะเจาะพอดี เขาจึงให้ลิขสิทธิ์ IT ไปทั้งๆ ที่ยังเขียนไม่เสร็จนี่แหละ จึงทำให้นิยาย IT ถูกเขียนขึ้นในรูปแบบกึ่งซีรีส์ โดยถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน (Chapter) คือช่วงกลุ่ม Loser Club ในวัยเด็ก และตอนโตอย่างชัดเจน 

        โดยในเวอร์ชันซีรีส์ เพนนีไวส์ถูกแสดงโดย ทิม เคอร์รี (Tim Curry) แน่นอนว่าด้วยวัตถุดิบอันล้ำค่าขนาดนี้ของ สตีเวน คิง ทำให้ IT ในเวอร์ชันซีรีส์มีกระแสตอบรับดีอย่างมากทั้งในแง่รายได้และรางวัล รวมไปถึงการแสดงของทิมที่ถอดแบบความน่ากลัวของเพนนีไวส์ออกมาได้ใกล้เคียงตามสิ่งที่สตีเวนเคยวาดภาพเอาไว้ แต่นั่นกลับยังไม่ใช่ที่สุดในความคิดของเจ้าของนิยายเล่มนี้เท่าไหร่นัก

 

Tim Curry as Pennywise (1990)

 

        “สการ์สการ์ดเขาเป็นนักแสดงที่เก่งนะ เขาสามารถทำลายภาพจำของ ทิม เคอร์รี ได้อย่างสิ้นซากเลยล่ะ” สตีเวนเล่าถึงความประทับใจต่อ บิล สการ์สการ์ด นักแสดงอังกฤษที่เคยมีผลงานอย่าง Atomic Blonde (2017) และ Deadpool 2 (2018) แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนดังเปรี้ยงปร้างเท่าบทเพนนีไวส์นี้ ที่ดูจะเป็นสิ่งที่เขา ‘เกิดมาเพื่อเป็น’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

Pennywise

 

        เพราะนอกจากการแสยะยิ้มด้วยหน้าตาของตัวตลกได้อย่างชวนขนหัวลุกแล้ว อีกหนึ่งความสามารถที่สุดเฉพาะตัวจริงๆ คือการทำตาเข ความตลกคือ ในตอนแรก แอนดี้ มุสเซติ ผู้กำกับ IT ทั้งสองภาค กำลังคุยกับฝ่ายเทคนิคอยู่ว่าเขาอยากให้ตาของเพนนีไวส์เขได้ในฉากนี้นะ แต่จู่ๆ บิลก็เดินเข้ามาบอกผู้กำกับเองเลยว่าไม่ต้องใช้ซีจีหรอก เพราะแบบนี้ผมก็ทำได้ แล้วเขาก็ทำให้ดูสดๆ ตอนนั้นเลย นี่แหละน้า… คนจะเป็นมันก็ต้องได้เป็น

 

Pennywise

 

        จนถึงตอนนี้ IT ในฉบับภาพยนตร์ของ แอนดี้ มุสเซติ ก็ครบทั้ง 2 Chapter เรียบร้อย และดูเหมือนว่าจะไม่มี Chapter 3 งอกออกมาจากงานเขียนของ สตีเวน คิง ฝั่งคนดูอย่างเราๆ ก็คงต้องมาลุ้นกันต่อว่าเรื่องราวของ IT จะถูกรีเมกหรือดัดแปลงในรูปแบบอื่นต่อไปอย่างไร รวมไปถึงเราจะได้เห็นเพนนีไวส์ในรูปแบบที่น่าสนใจนอกเหนือจากนี้อีกหรือไม่

 

Pennywise

 

Fun Fact: ด้วยความที่เพนนีไวส์คือสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวทำให้มันมีความสามารถหลากหลาย ดังต่อไปนี้

        – การเปลี่ยนรูปร่าง: ตามแต่สิ่งที่เหยื่อของเขากลัวได้ตามใจนึก

        – สร้างภาพลวงตา: เพื่อใช้ในการหลอกหลอน รวมไปถึงกลิ่นและเสียงต่างๆ อีกด้วย เช่น ฉากห้องน้ำสีเลือดของเบเวอรี ที่พ่อของเธอไม่เห็นเลือดที่เปรอะทั่วห้องแต่อย่างใด

        – การล่องหน: ที่สามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครสามารถเห็นมัน โดยส่วนใหญ่จะมีเพียงเหยื่อเท่านั้นที่จะได้เห็น เพราะมันไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันบนโลกใบนี้

        – หยั่งรู้และควบคุมจิตใจ: เพื่อที่จะเสาะหาสิ่งที่เหยื่อกลัวที่สุดออกมาหลอกหลอน

 

แต่เพนนีไวส์ก็มีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน ได้แก่

        – ประเมินศักยภาพมนุษย์ต่ำไป จนในบางครั้งก็พลาดท่าเพราะความทะนงตัวอยู่บ่อยครั้ง 

        – สิ่งที่มันเกลียดและกลัวมากที่สุดคือความกล้าหาญ โดยเฉพาะเวลาที่เหล่าเด็กๆ รวมกลุ่ม เพราะนั่นทำให้ความกลัวที่เป็นเหมือนพลังของมันลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด