Editor's note

ความทุกข์เป็นสิ่งสวยงาม

เพียงเดินไปในซอยด้วยช่วงเวลาสั้นๆ ก็พบเรื่องราวกระทบใจมากมายที่ทำให้รู้ว่า ชีวิตคือสิ่งที่ไม่ได้สวยงามเลย แต่การอยู่กับความทุกข์ให้ได้ต่างหากที่สวยงามกว่า ทว่าก็เป็นความสวยงามอีกแบบที่สลัวราง หม่นเศร้า และจำทน โดยมีการหลอกลวงของระยิบระยับแห่งความหวังส่องประกายเกลื่อนไปทั่ว

        คุณป้าสองคนที่เคยขายก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อย ขายไปทะเลาะกันไป บัดนี้ชราลงเรื่อยๆ ขาบวมจนต้องพันผ้าแน่นๆ ตลอดเวลา และในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยนั้นแล้ว สองวันก่อน คุณป้าให้คนมายกหม้อและที่ขายก๋วยเตี๋ยวออก ในใจนึกว่าคงปรับปรุงร้านใหม่ แต่วันนี้จุดที่เคยมีหม้อก๋วยเตี๋ยวหอมๆ นั้นกลายเป็นคนสองคนมานั่งรับจ้างเย็บและดัดแปลงทรงเสื้อผ้าแทน คุณป้าเปลี่ยนวิธีหารายได้ให้ตัวเองใหม่ ด้วยการเลิกเหนื่อย เลิกทะเลาะ เลิกลวกก๋วยเตี๋ยว และนั่งเงียบๆ อยู่ในบ้าน มองดูคนสองคนนั่นที่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย – นั่งถีบจักร

          เลยไปทางโน้นอีกนิด ร้านใหม่ผุดขึ้นแทนร้านเก่าที่เคยเป็นร้านกระเป๋า เคยเป็นร้านสะดวกซื้อ เคยเป็นแม้กระทั่งร้านขายครัวซองต์ แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านอะไรก็ทำแล้วสาบสูญไปชั่วนิรันดร์เสมอ ผู้คนตั้งตารอว่ามันจะกลายเป็นร้านใหม่อะไรที่น่าตื่นเต้นไหม ทว่าที่สุดมันก็เผยร่างออกมาเป็นร้านขายของสารพัดที่เห็นกันเกลื่อนตา ประเภทถังพลาสติก รองเท้าแตะ ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ฯลฯ ที่จริงเลยไปอีกสักร้อยเมตร ก็มีร้านแบบเดียวกันนี้อยู่แล้วร้านหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้ขายดิบขายดีอะไรเท่าไหร่ ชวนเห็นอนาคตของร้านใหม่นี้อยู่รำไร

          คนที่เคยเดินไปกระซิบกระซาบขอยืมเงินจากคุณป้าอีกร้านหนึ่ง ตอนนี้นั่งอยู่ที่ริมทางเท้า ดวงตาแห้งผาก ไม่ได้พูดอะไรกับใคร และคล้ายไม่มีใครอยากสนทนาพูดคุยกับเธอด้วย เธอจึงนั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน แต่ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอะไรเลยในโลกไปพร้อมกัน

          ถัดไปอีกนิด เสียงพูดคุยขณะหยอดขนมครกของแม่ค้าขนมครกที่ทั้งวันไม่ได้ทำอะไรอื่นอีกเลย นอกจากการเทกะทิจากกานั่นลงไปในหลุมขนมครกวันแล้ววันเล่า บอกกับใครคนหนึ่งข้างๆ ว่า – ตอนนี้ลองทุกอย่างแล้ว ยาจีนก็ลอง ขอให้มันหายเถอะ กลัวก็แต่ว่า… แล้วเสียงนั้นก็ขาดหายไป

          แม่ค้าขายเต้าหู้ทอดร้องทักทายว่าทำไมวันนี้ออกมาช่วงบ่าย ได้หยุดงานหรือ – ได้หยุดงาน, คำนี้ทำให้ผมชะงัก คำว่า ‘งาน’ ของเธอกับผมต่างกันอย่างไรหนอ และผมได้ ‘หยุดงาน’ จริงๆ ไหม เธอล่ะ จะมีวันได้ ‘หยุดงาน’ บ้างหรือเปล่า แดดร้อน เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเธอ เธอกำลังจะนั่ง แต่เมื่อผมเดินเข้ามา เธอก็ต้องลุกขึ้น และดูดีใจเหลือเกินที่ได้ขายเต้าหู้ทอดชิ้นสุดท้ายของวันให้ผม

          คนงานคนหนึ่งเดินแบกท่อขนาดใหญ่ไว้บนบ่าแทรกซอนไปในผู้คนบนทางเท้าอย่างน่าหวาดเสียว น่าหวาดเสียวทั้งการรับน้ำหนักที่บ่าไหล่ของเขา และหวาดเสียวว่าจะมีใครถูกท่อยาวนั้นกระแทกใส่บ้างหรือไม่

          คนงานอีกคนหนึ่งกำลังยักแย่ยักยันนั่งยองๆ เล็งอยู่ริมถนนว่า ถ้าเมื่อไหร่รถว่าง ก็จะเทถังใส่ของเสียที่เต็มไปด้วยไขมันนั่นลงไปในท่อริมถนน มันผิดไหม เขาอาจไม่รู้ รู้ก็แต่ว่าถ้าเขาเทถังนั่นลงไปตอนที่รถแล่นผ่าน แล้วไขมันพวกนั้นกระเซ็นไปโดนรถ เขาอาจเดือดร้อน แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วไม่ใช่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องรู้อะไร

          แม่ค้าน้ำผลไม้ปั่นนอนหลับอยู่ในอากาศอ้าวยามบ่าย เธอเปิดพัดลมส่องตรงๆ ที่ใบหน้า เมื่อมีคนมาร้องเรียกขอซื้อน้ำผลไม้ เธอสะดุ้งตื่น ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนเพิ่งตื่น งัวเงีย ขยี้ตา และรีบกุลีกุจอหยิบผลไม้มาปั่น ราวกับลูกค้าคนสุดท้ายผ่านทางมาเมื่อนานมาแล้ว

          ความโรยราของร้านริมทางถูกแทนที่ด้วยความพยายามใหม่ๆ ที่จะสร้างพื้นที่ใหม่ขึ้นมา ร้านรับสัก ร้านทำผม ร้านหมอฟัน บางร้านอยู่ไปแกนๆ บางร้านมีลูกค้ามาก บางร้านปิดไปเงียบๆ แต่เป็นบางร้านที่เหมือนหลุดออกมาจากเมื่อวานนี้ต่างหาก ที่ทำให้ใครบางคนเศร้าเป็นพิเศษ เพราะเป็นร้านที่ยังอยู่ยังต่อสู้ดิ้นรนกับความทุกข์แห่งการมีชีวิตอยู่ เพื่อจะทำให้ความทุกข์นั้นเป็นสิ่งสวยงามขึ้นมาให้ได้ในสักวันหนึ่ง

          และผมตอบตัวเองไม่ได้เลยว่า – การพยายามทำให้ความทุกข์เป็นสิ่งสวยงามเพื่อให้ชีวิตพอจะอยู่ไปได้ต่อเรื่อยๆ นั้น, คือสิ่งสวยงามในตัวเองหรือเปล่า