เหตุการณ์โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ระเบิดและเกิดไฟไหม้ลุกลาม ส่งผลให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องประกาศอพยพประชาชนในรัศมี 5 กิโลเมตร ออกจากพื้นที่โดยด่วน รวมถึงกรมอนามัยประกาศเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการสูดดมกลิ่นควันจากสารเคมี ‘สไตรีนโมโนเมอร์’ สารก่อมะเร็งและมีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งสามารถกระจายออกไปโดยรอบได้ถึง 10 กิโลเมตร
สารสไตรีนโมโนเมอร์
สไตรีนโมโนเมอร์ (Styrene Monomer) เป็นสารเคมีอันตราย ใช้ในการผลิตโพลีสไตรีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตยางสังเคราะห์และพลาสติก เช่น บรรจุภัณฑ์ เรซิน สี และฉนวนที่เป็นโฟม นอกจากนี้ยังใช้ในชิ้นส่วนรถยนต์และของใช้ในบ้าน
สไตรีนโมโนเมอร์เป็นสารเคมีเหลวใสและมีความข้นเหนียว หากสารมีอุณหภูมิมากกว่า 31°C (88°F) จะติดไฟอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย เมื่อถูกเผาไหม้จะเกิดควันดำหรือฝุ่น PM10 และ PM2.5 รวมถึงก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และสไตรีนโมโนเมอร์ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B
ผลกระทบต่อสุขภาพ
1. เป็นสารระเหย แม้อยู่ในน้ำหรือดิน การปนเปื้อนในดินอาจนำไปสู่น้ำใต้ดินเพราะสารนี้ไม่ค่อยจับตัวกับดิน
2. ถ้าหายใจเข้าไป จะเกิดการระคายระบบทางเดินหายใจและคอ ปวดศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย และคลื่นไส้
3. ถ้าได้รับสารปริมาณสูง จะชักและเสียชีวิตได้
4. การหายใจเข้าไปในระยะนานๆ แม้ว่าความเข้มข้นต่ำจะทำให้อาจมีอาการทางสายตา การได้ยินเสื่อมลง และการตอบสนองช้าลง
5. ส่วนผลในระยะยาวนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด ถ้าเข้าตาจะเคืองตา
6. ถ้าถูกผิวหนังจะรู้สึกระคายผิว ถ้าสารซึมเข้าผิวหนังจะมีอาการเหมือนหายใจเข้าไป ทำให้ผิวแดง แห้ง แตก
การปฐมพยาบาล
• หากสัมผัสสารเคมีที่ผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดให้มากที่สุด เพื่อให้สารเคมีเจือจาง
• กรณีสัมผัสทั่วร่างกายให้รีบถอดเสื้อผ้าออก
• กรณีสารเคมีเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที โดยเปิดเปลือกตาขึ้นให้ไหลผ่านตาอย่างน้อย 15 นาที ป้ายขี้ผึ้งป้ายตา แล้วรีบนำส่งแพทย์โดยเร็ว
• หากสูดดม ให้ย้ายผู้ที่ได้รับสารไปที่อากาศบริสุทธิ์ ประเมินการหายใจ และการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่มีให้ทำการ CPR และรีบขอความช่วยเหลือ เพื่อส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
กรณีเกิดเพลิงไหม้
คู่มือการจัดการสารเคมีอันตรายสูง โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ระบุการจัดการกรณีเพลิงไหม้ ดังนี้
• ห้ามใช้น้ำฉีดไปยังบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้โดยตรง เนื่องจากจะทำให้เกิดการกระจายตัวของเพลิงไหม้มากขึ้น
• ควรใช้ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ หรือโฟมดับเพลิง
• สิ่งสำคัญ ต้องควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกไหม้ไปยังภาชนะที่ยังไม่เสียหายและพยายามเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อลดจำนวนสารเคมีที่พร้อมติดไฟตลอดเวลา
• สำหรับการใช้น้ำเพื่อควบคุมเพลิงนั้น ควรอยู่ในระยะไกลที่สุด หรือใช้สายฉีดน้ำชนิดที่ไม่ต้องใช้คนถือหรือหัวฉีดที่มีระบบควบคุม โดยฉีดฝอยน้ำเพื่อหล่อเย็นถังเก็บและภาชนะบรรจุสารเคมีจนกว่าเพลิงจะสงบ
• หากพบว่าถังเก็บและภาชนะบรรจุเปลี่ยนสีหรือหากได้ยินเสียงจากอุปกรณ์นิรภัยระบายไอ ให้รีบออกจากบริเวณเพลิงไหม้ทันที
• ห้ามเข้าใกล้บริเวณหัวหรือท้ายของถังเก็บและภาชนะบรรจุ ควรใช้ถุงทรายหรือวัสดุปิดกั้นวางป้องกันกรณีสารเคมีรั่วลงสู่สิ่งแวดล้อม
• เมื่อระงับเหตุได้แล้ว ควรตรวจวัดไอระเหยของสารเคมี
• รายงาน แจ้งเหตุ และปฏิบัติตามแผนตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
• แจ้งเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ไปยังโรงงานข้างเคียง เพื่อป้องกันเหตุหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
• กรณีที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ให้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เป็นต้น เพื่อขอความช่วยเหลือ
การดูแลตัวเองจากภัยพิบัติจากสารเคมี
• หากอาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรของเพลิงไหม้ ควรอพยพออกนอกพื้นที่ไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย เช่น บริเวณเหนือลม
• กรณีไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ควรหลบในบ้าน หรืออาคารที่ปิดหน้าต่าง โดยนำผ้าชุบน้ำปิดกั้นตามขอบหน้าต่างและประตู เพื่อป้องกันสารระเหยเข้า
• สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
• หากเป็นไปได้ ควรสวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่ฉาบด้วยสารกรองคาร์บอน (Activated Carbon) หรือหน้ากากกรองก๊าซของโรงงาน
• หากรู้สึกระคายเคือง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามร่างกาย
• กรณีมีอาการแน่นจมูก แสบจมูก ต้องรีบออกไปยังบริเวณอากาศถ่ายเทสะดวก
• หากหมดสติ ควรรีบส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที
• สวมแว่นตา หากมีอาการแสบตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาด 2-3 นาที
แม้ไม่มีใครต้องการให้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงาน ซึ่งมีสารเคมีอันตรายสูงเช่นนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว การทำความรู้จัก และเรียนรู้วิธีถึงวิธีควบคุมเพลิง การปฏิบัติตนในภาวะภัยพิบัติจึงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ตื่นตระหนก รวมถึงรับฟังข่าวสาร และปฏิบัติตามคำแนะนำของนักวิชาการ แพทย์ และหน่วยงานที่ดูแลเหตุการณ์ นอกจากนี้เมื่อเหตุการณ์สงบ ต้องระวังน้ำเสียที่เกิดจากการดับเพลิงจะปนเปื้อนสารเคมีไหลลงสู่ลำคลองใกล้เคียง ส่งผลต่อระบบนิเวศทางน้ำ ควรงดรับประทานสัตว์น้ำในบริเวณเกิดเหตุ หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
บทความโดย: นพ. ธเนศ สินส่งสุข
อายุรแพทย์ สาขาเวชศาสตร์ป้องกันอาชีวเวชศาสตร์
ภาพ: Getty Images