สถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่นที่ขณะนี้จำนวนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีขยายการระบาดไปอีกกว่า 17 ประเทศทั่วโลก ยังเป็นวิกฤตระดับโลกที่นานาชาติต่างหาทางรับมือและเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น
ปัจจุบัน แม้ว่าทางการจีนจะสั่งปิดเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2563 แต่ ‘โจว เซียนหวัง’ นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่นได้ออกมายอมรับกับสื่อเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2563 ว่ามีชาวอู่ฮั่นราว 5 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของชาวเมืองที่มีทั้งหมด 11 ล้านคน เดินทางออกนอกเมืองไปตั้งแต่ก่อนจะมีการปิดเมืองตามมาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส โดยเขาขอแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง
คำถามก็คือ แล้วชาวอู่ฮั่น 5 ล้านคนนั้นไปที่ไหนในมุมโลก?
จากข้อมูลของ Flight master แพลตฟอร์มสำหรับการเดินทางยอดนิยมในจีน ระบุว่าช่วงระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2562 – 22 มกราคม 2563 มีผู้คนบินจากอู่ฮั่นมายังสนามบินสุวรรณภูมิของไทย มากถึงกว่า 11,000 คน และไปที่สนามบินดอนเมืองอีก 9,000 คน
นอกจากนี้ ทีมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาท์แฮมตัน ประเทศอังกฤษ ยังได้วิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้โทรศัพท์มือถือ, IP address และการเดินทางระหว่างประเทศ 15 วันก่อนเทศกาลตรุษจีน พร้อมติดตามหลังช่วงเทศกาลอีก 25 วัน พบว่าไทยเป็นประเทศที่เสี่ยงที่สุดต่อการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น รองลงมาเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ตามลำดับ
โดยเมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2563) นายแพทย์สุขุม สุขพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานการณ์ผู้ป่วยไวรัสโคโรนาว่า จากเดิมที่มีผู้ติดเชื้ออยู่ 8 ราย ได้พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มอีก 6 ราย ขณะนี้จึงมีผู้ติดเชื้อที่พบในไทยทั้งสิ้น 14 ราย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 6 รายนี้ 5 คนเป็นคนตระกูลเดียวกันที่มาจากมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งรายหนึ่งตรวจคัดกรองได้ที่สนามบิน อีก 4 ราย มาตรวจเจอในภายหลัง พร้อมยืนยันว่าทุกรายอาการไม่รุนแรง แต่การมาพบเชื้อในภายหลัง และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่แห่ทะลักกันเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น คนไทยในพื้นที่เสี่ยงจะวางใจต่อสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
ที่มา:
- www.dailymail.co.uk/health/article-7938847/Bangkok-faces-greatest-threat-killer-coronavirus-LA-New-York-London.html
- www.scmp.com/news/china/society/article/3047720/chinese-premier-li-keqiang-head-coronavirus-crisis-team-outbreak
- www.bbc.com/thai/thailand-51276219
- www.matichon.co.th/foreign/news_1927832