ระเบิดโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ ไทยเตรียมรับแรงผันผวนราคาน้ำมันโลก หลังพุ่ง 15% ชั่วข้ามคืน

        ถือเป็นวิกฤตด้านพลังงานครั้งใหญ่ของโลก หลังโรงผลิตน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารามโก (Saudi Aramco) ในประเทศซาอุดีอาราเบีย ถูกโจมตีโดยโดรนกว่า 10 ลำ ทำให้โรงกลั่นน้ำมันสองแห่งในเขต Abqaiq และ Khurais เกิดระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้ จนทำให้ทางบริษัทซาอุดี อารามโก ต้องสั่งระงับการทำงานในทันที

        ส่งผลให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก อย่างซาอุดีอาราเบีย ต้องสูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันไปกว่า 50% ของประเทศ หรือมีผลผลิตน้ำมันหายไป 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือมากกว่า 5% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลก โดยส่งผลทำให้น้ำมันดิบในตลาดของสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นถึง 15% และน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นถึง 19% ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่โลกเผชิญกับแรงช็อกที่รุนแรงจากการหายไปของอุปสงค์น้ำมันที่มากขนาดนี้

        โดยการโจมตีครั้งนี้กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ได้ออกมาประกาศความรับผิดชอบว่าเป็นเจ้าของโดรนที่โจมตีโรงกลั่นน้ำมันทั้งสองแห่ง สร้างความตึงเครียดให้กับประเทศในตะวันออกกลางมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ได้มีการโจมตีที่จัดเก็บน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมันของซาอุฯ หลายครั้งก่อนหน้านี้

      ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยได้ออกมายืนยันว่าวิกฤตในซาอุดีอาราเบีย จะไม่กระทบการนำเข้าน้ำมันในประเทศไทย และประเทศจะไม่ขาด . แคลนน้ำมันในระยะสั้นอย่างแน่นอน โดยไทยมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองเพียงพอ

        ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าซาอุดีอาราเบียจะแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วแค่ไหน โดยซาอุดีอาราเบียได้คาดการณ์ว่าจะซ่อมเครื่องจักรต่างๆ เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยช่วงเวลานี้จะมีมาตรการใช้น้ำมันจากคลังสำรองส่งออกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน และแน่นอนว่าหากเกิดข้อผิดพลาดหรือเหตุเลวร้ายอะไรเพิ่มเติมขึ้นอีก ราคาน้ำมันโลกจะทะยานพุ่งสูงขึ้นจนไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งในเวลาไม่นานราคาน้ำมันของประเทศไทยก็จะต้องปรับตามขึ้นไปด้วย ใครที่ใช้รถส่วนตัวแนะนำว่าหากมีโอกาสแวะปั้ม เติมให้เต็มถัง เพราะไม่รู้เลยว่าเกินหนึ่งสัปดาห์ไป เราตื่นขึ้นมาเลี้ยวเข้าปั๊ม กระเป๋าเงินในมือท่านจะฉีกหรือไม่

 


ที่มา: