วันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินยูเครน อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ส (UIA) ตกใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติเตหะราน ประเทศอิหร่าน
ส่งผลให้ผู้อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด 176 คน เป็นชาวอิหร่าน 82 คน ชาวแคนาดา 63 คน ชาวยูเครน 11 คน (ในจำนวนนี้เป็นลูกเรือ 9 คน) ชาวสวีเดน 10 คน ชาวอัฟกัน 4 คน ชาวอังกฤษ 3 คน และชาวเยอรมันอีก 3 คน และในบรรดาผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีเด็กรวมอยู่ด้วย 15 คน
ทางเจ้าหน้าที่และหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่าเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737-800 ของสายการบินนานาชาติยูเครนที่ตกนี้ โดนยิงด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งคาดว่าเป็นเหตุที่สืบเนื่องมาจากการเสียชีวิตของ คาเซ็ม ซูลีมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอิหร่านที่โดนการโจมตีทางอากาศของสหรัฐอเมริกา ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้สั่งการ
ในขณะเดียวกันทางด้าน Ali Rabiei โฆษกรัฐบาลอิหร่านและอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอิหร่านได้ออกมาแถลงการณ์ พร้อมปฏิเสธสิ่งที่สหรัฐฯ กล่าวหา โดยระบุว่า นี่เป็นการโกหกครั้งใหญ่ ทั้งยังตำหนิข้อกล่าวหาสงครามจิตวิทยาต่อเตหะราน
ส่วนกล่องดำซึ่งบันทึกข้อมูลการบินและบทสนทนาของนักบินบนเครื่องบินลำดังกล่าว ถูกกู้คืนมาได้แล้วตั้งแต่วันพุธ แต่ทางด้านองค์กรการบินพลเรือนของอิหร่านระบุว่า จะไม่ส่งมอบข้อมูลจากกล่องดำดังกล่าวให้กับผู้ผลิตโบอิ้ง ซึ่งเป็นเครื่องบินสัญชาติสหรัฐฯ และไม่ให้ทางการสหรัฐฯ ร่วมตรวจสอบ แต่จะให้ทางการแคนาดาและยูเครนเข้าร่วมสืบหาสาเหตุการตกที่แท้จริงต่อไป
ที่มา: www.nytimes.com/2020/01/09/world/middleeast/iran-plane-crash-ukraine.html