หลังผู้นำอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี ผู้นำสูงสุดของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เสียชีวิตแล้ว จากปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกา โดยมีการจู่โจมเกิดขึ้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่ง อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี ใช้เวลากบดานอยู่ในกลุ่มอาคารใกล้หมู่บ้านบาริชา ในจังหวัดอิดลิบ
ทรัมป์ออกแถลงผ่านโทรทัศน์ทำเนียบขาวให้รายละเอียดว่า อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี หนีการจู่โจมจากทหารของกองทัพสหรัฐฯ ที่ส่งไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ 8 ลำจากฐานทัพในประเทศอิรัก ซึ่งระหว่างหลบหนีผู้นำกลุ่มอิสลามได้ไปติดอยู่ในอุโมงค์ที่ไม่มีทางออก และตัดสินใจใช้ระเบิดที่ติดอยู่กับเสื้อพลีชีพตัวเอง โดยหลังจากการตรวจดีเอ็นเอพบว่าเป็นร่างของ อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี จริง
ทรัมป์กล่าวในช่วงหนึ่งในการแถลงว่า “เขาหนีสุนัขทหารของสหรัฐฯ จนไปถึงปลายสุดของอุโมงค์ ก่อนที่จะจุดชนวนระเบิดที่ติดอยู่กับตัวเพื่อฆ่าตัวตาย รวมทั้งลูกๆ อีกสามคน ร่างของเขาแหลกละเอียดจากแรงระเบิด และอุโมงค์ใต้ดินก็ถล่มลงมาทับเขาไว้”
แต่อย่างไรก็ตามหลังการแถลงใหญ่เพียงไม่กี่ชั่วโมง มีรายงานจากสื่อเจ้าใหญ่อย่าง Newsweek กับ Mirror ว่า อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามที่เสียชีวิตไป ได้แต่งตั้ง อับดุลเลาะห์ การ์ดัช หรือ ฮัจจี อับดุลเลาะห์ อัล-อะฟารี ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลกิจการของกองกำลังไอเอสตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ โดยมีข้อมูลว่า การ์ดัชเป็นอดีตทหารในกองทัพอิรัก และเคยรับราชการในรัฐบาลของ ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งมีประวัติการศึกษาจากวิทยาลัยอิสลามในเมืองโมซุล และเคยถูกจับพร้อมกับ อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี ที่ค่ายกักกันบุกกา เมื่อปี 2546 และกลายมาเป็นคนสนิทของอดีตผู้นำไอเอสในที่สุด
ต้องจับตากันต่อไปว่าหลังการเปลี่ยนหัวเรือของกองกำลังไอเอสครั้งนี้ จะส่งผลให้การถอนรากถอนโคนกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่มีอิทธิพลมาที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกได้หรือไม่
ที่มา: