ปัจจุบันหลายคนคงคุ้นชินกับการดิสรัปต์ทางเทคโนโลยี ที่หลายครั้งได้บังคับให้เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความเคยชิน รวมทั้งต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อที่จะไม่ตกกระแสโลก และล่าสุด World Economic Forum ได้เผยรายชื่อเทคโนโลยีสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2019 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางของเศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงเรื่องสุขภาพของผู้คนในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อให้คุณได้เตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เราหยิบยกเทคโนโลยีที่สำคัญเหล่านั้น มาให้คุณดูว่ามีอะไรกันบ้าง
01 ไบโอพลาสติกเพื่อธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน
ในปัจจุบันโลกของเรามีการใช้งานพลาสติกในปริมาณมหาศาล ในขณะที่จำนวนของพลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่นั้นมีน้อยกว่า 15% ส่วนขยะพลาสติกที่เหลือจะถูกทิ้งกลายไปเป็นขยะในป่าหรือทะเล หรือไม่ก็ถูกส่งไปจัดการขยะแบบฝังกลบ ซึ่งจะสร้างปัญหาต่อเราในอนาคต เพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพลาสติกต้องใช้เวลา 300-400 ปีในการย่อยสลาย แต่ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นวิธีการสร้างไบโอพลาสติกที่ย่อยสลายตัวเองได้ง่าย จากการนำสารเซลลูโลสและลิกนินจากพืซที่ถูกทิ้ง มาทำเป็นวัสดุที่แข็งแรงเทียบเท่าพลาสติกได้แล้ว และคาดการณ์ว่าจะเป็นวัสดุหลักที่ถูกผลักดันให้ใช้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยให้ปัญหาขยะพลาสติกทั่วโลกดีขึ้น
02 เพื่อนหุ่นยนต์ที่จะเดินไปในทุกก้าวของชีวิต
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาให้หุ่นยนต์สามารถจดจำเสียง ใบหน้า อารมณ์ รวมทั้งตอบโต้สื่อสารประโยคพื้นฐานกับมนุษย์ได้แล้ว และได้เริ่มมีการทดลองนำหุ่นยนต์มาทำหน้าที่เพื่อนคอยช่วยเหลือผู้คน เช่น การดูแลผู้สูงอายุ การศึกษากับเด็ก และในธุรกิจบริการ โดยบริษัทใหญ่อย่าง SoftBank ได้ทดลองใช้หุ่นยนต์ชื่อ Pepper ซึ่งสามารถทำงานทั้งเช็กอินโรงแรม บริการลูกค้าที่สนามบิน รวมทั้งเป็นผู้ช่วยคิดเงินสินค้าในห้างร้าน ซึ่งหุ่น Pepper ได้ถูกส่งไปใช้งานจริงกว่า 15,000 ตัวทั่วโลกแล้ว มีการคำนวณว่าภายในปี 2025 มูลค่าของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์จะสูงถึง 19,000 พันล้านดอลลาร์ฯ และจะมีหุ่นยนต์ถูกขายกว่า 65 ล้านตัวทั่วโลก แน่นอนว่าจะกระทบต่อภาคแรงงานมนุษย์เต็มๆ คำถามคือคุณพัฒนาทักษะที่หุ่นยนต์ไม่มี และพร้อมใช้ชีวิตกับ AI ที่ไม่มีวันเหนื่อยเหล่านี้แล้วหรือยัง
03 วิดีโอคอลยุคใหม่ที่เราสัมผัสเนื้อตัวกันได้
อีกขั้นหนึ่งของการติดต่อสื่อสาร เราอาจจะคุ้นกับการวิดีโอคอลผ่านไลน์หรือสไกป์ แต่ลองนึกภาพในอนาคต การมาถึงของเทคโนโลยี 5G กำลังจะพลิกโฉมการสื่อสารของเราไปอีกขั้น เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้การส่งต่อข้อมูลมหาศาลสามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยองค์กรอย่าง XPRIZE Foundation ได้ลงทุนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฯ ในโปรเจ็กต์ ANA Avatar XPRIZE ซึ่งจะเป็นการสร้างอวาตาร์ของตัวเราที่สามารถแปลงความรู้สึกและการกระทำของเรา ทำให้สามารถสื่อสารกับคนที่อยู่ระยะไกลโดยสามารถสัมผัสความรู้สึกและแตะต้องเนื้อตัวกันได้ และไม่เพียงการสื่อสารเท่านั้น เทคโนโลยีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานในระบบอุตสาหกรรม โดยที่หมอ วิศวกร ครู หรืออาชีพอื่นๆ จากอีกมุมโลกหนึ่ง อาจจะมาแย่งงานของเราได้แล้ว
04 ฮาร์ดดิสจาก DNA ที่ทั้งประหยัดพลังงานและเก็บข้อมูลได้มากขึ้น
ในปี 2018 สถิติระบุว่า ทุกหนึ่งนาที ประชากร 7,800 ล้านคนทั่วโลก มีการเสิร์จหาข้อมูลบนกูเกิลถึง 3.88 ล้านครั้ง มีคนดูยูทูบ 4.33 วิดีโอ และส่งอีเมลอีก 159,362,760 ฉบับ นี่ยังไม่นับรวมข้อมูลบนโซเชียลมีเดียและบริการสตรีมมิงอื่นๆ วิกฤตการเก็บฐานข้อมูลบนโลกออนไลน์และออฟไลน์จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในไม่ช้านี้ เพราะปัจจุบันเราแทบจะขาดข้อมูลเหล่านี้ในการดำเนินชีวิตไม่ได้แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ได้มองหาทางออก ด้วยการวิจัยการใช้ดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตเพื่อเก็บข้อมูลดิจิตอล (DNA Digital Data Storage) ซึ่งจากทฤษฎีมีการพบว่า พันธุกรรมเกลียวคู่ที่อยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตสามารถเก็บข้อมูลได้ราว 125,000 กิกะไบต์ ในดีเอ็นเอขนาดเพียง 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งหากนักวิทยาศาสตร์สามารถหาวิธีเขียนและอ่านข้อมูลบนรหัสพันธุกรรมได้สำเร็จจะช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากรในการถ่ายโอนข้อมูลได้มหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตในมือคุณจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง
ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งคุณสามารถติดตามอ่าน ความเป็นไปได้ในอนาคตแบบอื่นๆ จากรายงานของ World Economic Forum แบบเต็มๆ ได้ที่ http://bit.ly/2knWnrP
ที่มา: World Economic Forum